ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 185

ตอนที่ 185

มีแผนการอะไรกัน

หาคนร้องทุกข์เรื่องอะไร

ทำไมต้องรอจนถึงโอกาสนี้ ถึงค่อยมาพูดเรื่องสำคัญ

สำหรับหมี่โซ่วแล้ว มันไม่มีอะไรแอบแฝง

เด็กน้อยอายุเพียงห้าขวบ จะรู้เรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน

เด็กน้อยวัยห้าขวบไม่รู้ว่าคำพูดของตนเองนั้นจะทำให้เมืองใหญ่สิบเจ็ดเมืองที่เปิดรับผู้ประสบภัยเข้ามาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น และทำให้แต่ละหน่วยงานยุ่งวุ่นวายกันไปหมด

ตอนนี้กินข้าวกันไม่ลงแล้ว

ลู่พั่นลุกขึ้นยืน เขาเดินเกือบจะถึงประตูก็หยุดชะงักชั่วขณะ

เขาหันไปมองเฉียนหมี่โซ่ว พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ห้ามด่าคนอีก”

เฉียนหมี่โซ่วไม่มีกิริยาท่าทางด่าทอดั่งเช่นท่านย่าหม่าอีก ที่มักจะด่าไปด้วยแล้วตีหน้าแข้งไปด้วย เขาพูดกับลู่พั่นอย่างตั้งใจ “ข้ารู้แล้ว”

“…”

คล้ายกับคำตอบก่อนหน้าของลู่พั่นว่า “ข้ารู้แล้ว”

ลู่พั่นมองไปที่เด็กตัวผอมเหลืองและนึกถึงสิ่งที่เด็กคนนี้เคยพูด

“พวกเราทุกคนยังอยู่ด้วยกันนะ”

“พวกเขาร้องไห้และตะโกนขออยู่ด้วยกันกับท่านลุง”

“พ่อแม่ของข้า ท่านพ่อที่ถูกเกณฑ์ให้ไปเฝ้ากำแพงเมืองตายไปแล้ว ส่วนท่านแม่ก็เสียใจมากจนตรอมใจตายตามไป ท่านปู่ก็ไม่มีแล้ว พวกเขาตายหมดตั้งแต่อยู่ที่เมืองฝู่เฉิงแล้ว”

ตอนที่เด็กคนนั้นกำลังเล่าให้ฟัง ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นมา เดิมทีเขาคิดว่าเด็กน้อยคงทนไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมา ลู่พั่นยังนึกตำหนิตนเองอย่างมาก ทำไมถึงสอบถามเรื่องมากมายขนาดนั้น

ไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยที่ตาแดงก่ำอยู่นั้นจะรีบบอกกับเขาอีก

“ท่านลุงบอกว่า ท่านป้า พี่สาว ข้า พวกเราทั้งสี่คนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ท่านลุงจะส่งข้าไปเรียนหนังสือ”

เด็กน้อยคนหนึ่งอายุเพียงไม่กี่ขวบ เมื่อพูดถึงตอนนี้ก็มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อสบตามองเขา ในดวงตาไม่ได้ฉายแววความต่ำต้อยหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในอนาคต

ถูกชะตา มันช่างเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

ลู่พั่นรู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้รำคาญเด็กน้อยตรงหน้าที่แต่งตัวโทรมๆ นี้แต่อย่างใด

เขาไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิดเดียว แต่กลับทำให้เขาพูดมากขึ้น ยุ่งเรื่องของคนอื่นมากขึ้น

ลู่พั่นหันกลับไปสั่งกำชับซุ่นจื่อเสียงเบา ก่อนจะก้าวเดินออกไป

ซุ่นจื่อรอให้พวกหลินโส่วหยางเดินออกไปก่อน จนในห้องเหลือเพียงแค่เขากับเฉียนหมี่โซ่ว เขาพูดอย่างเร่งรีบ “เร็วเข้า ท่านลุงของเจ้าอยู่ที่ไหน ไปกันเถอะ พาข้าไปพบเขา ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่ง”

“อืม”

“อืมอะไรกัน ข้ายังต้องรีบตามนายน้อยของข้ากลับจวนอีก” ซุ่นจื่ออุ้มเฉียนหมี่โซ่วขึ้นมา

เขาอุ้มเจ้าเด็กน้อยแล้วกัน

ไม่ได้ยินที่นายน้อยบอกหรือ จำเป็นต้องไปส่งเขาด้วยตนเองให้ถึงมือญาติของเขา

เมื่อซุ่นจื่อลงมา พวกลู่พั่นต่างก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าของตนเอง บางคนก็ขี่ม้าจากไปแล้ว

…..

“พี่สาว ท่านเห็นเด็กน้อยที่สูงขนาดนี้ไหม? เขาสวมเสื้อกันหนาวของผู้ใหญ่”

“ไม่เคยเห็น และไม่เคยพบเห็นมาก่อน”

เฉียนเพ่ยอิงร้อนใจจนร้องไห้ออกมา ต้องคอยซับน้ำตาอยู่ตลอด เพราะเกรงว่าเมื่อมีน้ำตาจะทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนและยิ่งทำให้หาหมี่โซ่วไม่เจอ

ซ่งฝูหลิงยืนอยู่กลางถนน “หมี่โซ่ว เฉียนหมี่โซ่ว?”

มีรถม้าวิ่งผ่านมา ซ่งฝูหลิงต้องหลบเข้าข้างทางเพื่อหลีกทางให้

ลู่พั่นนั่งอยู่บนรถม้า เขาแหวกม่านด้านข้างดู เป็นช่วงจังหวะที่เห็นสีหน้าอันร้อนรนของซ่งฝูหลิงที่คอยตามหาเด็กน้อย

ซ่งฝูหลิงรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองนางอยู่

แต่เมื่อนางมองกลับไปกลับไม่เห็นว่ามีใคร เห็นเพียงผ้าม่านหน้าต่างสีฟ้าของรถม้าที่วิ่งผ่านไป

นางจึงไม่ได้สนใจอะไร ยังคงเดินเรียกหาหมี่โซ่วต่อไป “หมี่โซ่ว หมี่โซ่ว”

ซ่งฝูเซิงไปตามหาตามร้านขายของกินเล่น ร้านขนมปัง แม้แต่ท่านคหบดีก็พาภรรยากับผู้ติดตามช่วยกันตามหาเด็กน้อย

ตอนนี้ไม่ได้ซื้อของอะไรและไม่ได้สอบถามเรื่องเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์แล้ว เพราะเด็กหายไป

ทันใดนั้นก็เหมือนได้ยินเสียงเรียกจากสวรรค์ มีน้ำเสียงของเด็กร้องเรียกเสียงดังมาแต่ไกล

“ท่านลุง ข้าอยู่ตรงนี้!”

ซ่งฝูเซิงดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ เขาหันไปมองตามเสียงเรียกนั้น

เขาเห็นหมี่โซ่วยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนและยังโบกมือทักทายเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ยิ้มให้กับเขาอย่างไร้เดียงสา

เจ้าคิดว่าควรจะตีดีไหม? หรือควรที่จะเริ่มตีได้แล้ว

ซ่งฝูเซิงโมโหอย่างมาก เขาเดินไปหาอย่างรีบร้อนจนจำซุ่นจื่อไม่ได้

เมื่อวิ่งไปหาและรับหมี่โซ่วมา เขาก็จะยกมือขึ้นตี “เจ้าวิ่งเล่นไปทั่วเลยนะ ไปถึงไหนกัน?”

“นี่ ช้าก่อน เดี๋ยวค่อยตี รอให้ข้าไปก่อน” ซุ่นจื่อรีบเข้ามาห้ามปราม “เห็ดของเจ้าล่ะ เงินนี่ให้ท่าน นายน้อยของพวกข้าซื้อเห็ดแล้ว”

ซ่งฝูเซิงที่กำลังยกแขนอยู่ก็รู้สึกงุนงง

“เห็ดอยู่ไหนล่ะ เจ้าจ้องมองข้าทำไมกัน มีเห็ดทั้งหมดเท่าไหร่? เห็ดของเจ้ามีเพียงแค่นี้ก็มีราคาสูงมาก”

ซุ่นจื่อบ่นพึมพำ จำข้าไม่ได้แล้วหรือ? จากนั้นเขาก็ควักเงินร้อยตำลึงออกมา

ตอนที่ 186

ซ่งฝูเซิงถูกยัดเงินให้ไปหนึ่งร้อยตําลึง เขาถึงกับตกตะลึง “นี่ข้า นี่ท่าน?”

จำได้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว