ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 187

เสบียงอาหารบรรเทาทุกข์แต่ละคนรวมกันมีปริมาณไม่มากนัก

ปริมาณเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์ที่ได้รับในหนึ่งเดือนก็น่าจะหลายพันจินอยู่เหมือนกัน สามารถกินจนจุกเลยหละ

และเป็นข้าวสารที่ไม่ขัดสี อีกทั้งไม่แจกเป็นข้าวขัดขาวได้ ในการแจกแต่ละครั้งก็ไม่ได้มากมายอะไร เพราะไม่ต้องการให้คนที่อพยพมาอยู่ใหม่กินอิ่มหนำสำราญอยู่แต่ในบ้าน โดยไม่ยอมออกไปทำงาน

เซี่ยเหวินอวี่ ลูกชายท่านอู่อานโหวเดินเข้าไปในเรือนเพื่อหาท่านแม่ พร้อมกับคิดใคร่ครวญวิเคราะห์ในใจ

ถึงแม้ว่าเขาจะทราบจำนวนคนไม่แน่ชัดจากปากของเด็กน้อย แต่เขาก็พอจะคาคคะเนได้ไม่ผิดพลาดมากนัก

อาจเป็นเพราะเขาใช้วิธีการคิดคำนวณจนเกิดความชำนาญ แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึง และคิดไม่ออก

เขาคำนวนด้วยจำนวนคนที่คาดคะเนไว้มากสุด และจำนวนข้าวสารหลายพันจินก็ตาม แต่เมื่อรวมกันแล้ว ก็ตีเป็นมูลค่าเงินมากสุดแค่ยี่สิบสามสิบตำลึงต่อหนึ่งเดือนเท่านั้น

เพื่อเงินแค่ยี่สิบสามสิบตำลึง ครอบครัวสามีของพี่สาว(ลูกสาวบ้านเล็กของท่านพ่อ) กล้าทุจริตเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์เลยหรือ

ไม่ได้ยินคำที่เด็กน้อยนั่นป่าวประกาศขอความเป็นธรรมกับหมินหรุ่ยหรอกหรือ พูดถึงหมู่บ้านเหรินจยา หลี่เจิ้งของหมู่บ้านเหรินจยา ไม่ผิดแน่นอน พี่สาวบ้านเล็กของเขาแต่งงานกับเริ่น จื่อเซิง ได้ข่าวมาว่า พ่อของเริ่นจื่อเซิงเป็น หลี่เจิ้งของหมู่บ้านเหรินจยา

เพื่อเงินเพียงยี่สิบสามสิบตำลึง

เซี่ยเหวินอวี่ไม่อาจหยุดคิดถึงจำนวนเงินนี้ได้ ยิ่งคิด ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในอก

มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ไม่อาจเข้าใจได้

หน้าตาและชื่อเสียงของจวนโหว ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป คงไม่มีหน้าไปพบปะผู้คน

ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปทั่ว ชาวบ้านข้างนอกคงหัวเราะเยาะจนฟันแทบหลุด คงกลายเป็นเรื่องเล่าซุบซิบนินทากันทั่วซอยและพากันหัวเราะเยาะจวนโหว

อวี๋ซื่อ เป็นนายหญิงของจวนโหว เมื่อฟังลูกชายพูดจบก็ยังสบตากับลูกชาย สายตาของนางบ่งบอกถึงความไม่เชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น

เซี่ยเหวินอวี่รับน้ำชามาจากสาวใช้ จิบน้ำชาดับไฟความโกรธในหัวใจ เขายังพูดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ “ท่านแม่ไม่ต้องมองข้า ข้าคาดการณ์ไว้ เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง ท่านก็คงคิดไม่ถึงใช่หรือไม่ ข้าก็เหมือนกัน”

อวี๋ซื่อให้สาวใช้ไปเรียกท่านน้าไป๋ เซี่ยเหวินฮุ่ยกลับมาเยี่ยมแม่ของนาง(ท่านน้าไป๋)ไม่ใช่หรือ?

สามวันกลับมาครั้งหนึ่ง เป็นช่วงจังหวะพอดี

นางสูดลมหายใจลึกและสั่งให้สาวใช้ไปเรียกเซี่ยเหวินหยวนซึ่งเป็นพี่ชายของเซี่ยเหวินฮุ่ยมาด้วย ในสายตาของท่านโหว เขาเป็นลูกเมียรองที่มีพรสวรรค์มากกว่าลูกชายของนาง

นอกจากนี้ นางยังให้เรียกพ่อบ้านและแม่บ้านที่อยู่ในเรือนหลายหลังเรียกออกมากันทั้งหมด

เมื่อสั่งการเสร็จแล้ว อวี๋ซื่อก็พูดกับเซี่ยเหวินอวี่ “ลูกชาย เจ้าไปยังเรือนหน้าแล้วเล่าเรื่องราวกับท่านพ่อของเจ้าตามความเป็นจริง บอกเรื่องที่เขาทำเพียงเพื่อเงินยี่สิบสามสิบตำลึง และบอกว่าบ้านตระกูลลู่ได้ทราบเรื่องนี้แล้ว”

“ท่านแม่?”

“หึ” อวี๋ซื่อเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา และโบกมือให้เซี่ยเหวินอวี่ออกไป “ออกไปเถอะ เจ้าอย่าได้มารับรู้เรื่องสกปรกพวกนี้เลย”

เซี่ยเหวินฮุ่ย ภรรยาของเริ่นจื่อเซิง นางนั่งคุกเข่าอยู่กลางเรือน

เดิมทีท่านน้าไป๋อยากถามท่านฮูหยิน ทำไมต้องให้เหวินฮุ่ยนั่งคุกเข่า และยังเรียกทุกคนในบ้านออกมาดู

อากาศหนาวเย็นเยี่ยงนี้ ลูกสาวที่แต่งออกจากบ้านไปแล้ว ท่านฮูหยินยังต้องการทำอะไรอีก

นางยังไม่ทันอ้าปากถาม คิดไม่ถึงว่าแก้วน้ำชาจะถูกโยนมาที่หัวของนาง นางตกใจจนร้องเสียงหลง

ชิงเหอ สาวใช้ใหญ่ที่รับใช้ใกล้ชิดอวี๋ซื่อ บอกกับนาง “คุกเข่าลง!”

เซี่ยเหวินหยวนขมวดคิ้วเดินเข้ามา “ท่านแม่ นี่ท่าน?”

แก้วใบแล้วใบเล่าถูกโยนมา เซี่ยเหวินหยวนก็คุกเข่าลง ในใจก็คิดว่า ต้องเป็นเพราะน้องสามกลับมาบอกเรื่องราวอะไรแน่เลย

“พวกไม่มีสมอง” อวี๋ซื่อด่าออกมาเสียงดังด้วยความโมโห

เมื่อชิงเหอสาวใช้ใหญ่บรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในเรือนก็เงียบจนน่าอัศจรรย์

พ่อบ้านและแม่บ้าน คนรับใช้ทั้งหมดต่างกลั้นหายใจ ก้มหน้าและคิดตำหนิในใจ

คุณหนูรองเซี่ยเหวินฮุ่ย ครอบครัวพ่อแม่สามีของนางต้องขี้เหนียวขนาดไหนถึงทำเรื่องทุจริตข้าวสารบรรเทาทุกข์เพียงเพื่อเงินสิบยี่สิบตำลึง…

…แม้แต่คนในครอบครัวของพวกเขาก็ยังไม่ทำเรื่องที่น่าอับอายเช่นนี้…

…มันไม่คุ้มค่าเลยใช่ไหม? มันไม่คุ้มกับการโดนโบยหรือการถูกตัดสินประหารชีวิตเลย นี่ไม่ใช่สมองมีปัญหาหรอกหรือ? นี่ครอบครัวต้องลำบากถึงขนาดไหนกัน…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว