…จวนของพวกข้าต้องขัดสนยากจนขนาดไหนกัน ครอบครัวลูกเขยของท่านโหวถึงกับต้องทุจริตเงินไม่กี่สิบตำลึงจนถูกตัดหัว…
…หมินหรุ่ย เขาเป็นเหมือนหนอนเน่า กบในกะลา ไม่มองการณ์ไกล มองแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกทั้งยังไม่มีสมอง ข้าเองยังอยากจะลงมือฆ่าเขาให้ตาย…
…แต่ข้าพูดเรื่องพวกนี้ไป เจ้าจะเข้าใจไหม? เห็นแก่หน้าพี่น้องอย่างข้า เพื่อชื่อเสียงและหน้าตาของจวนโหว เจ้าโปรดเบามือหน่อย เพราะสถานะของเขายังเกี่ยวพันเป็นพ่อของลูกเขยจวนโหว…
…ถึงแม้ท่านพ่อของข้า ข้า แล้วก็ท่านแม่ รวมถึงคนรับใช้ที่อยู่ในจวนทุกคนจะไม่อยากยอมรับครอบครัวเขาเกี่ยวดองกับพวกเรา…
…แต่เขาก็เป็นพ่อสามีของเซี่ยเหวินฮุ่ย แม้ว่าเซี่ยเหวินฮุ่ยจะเกิดจากนางระบำ แต่นางก็เป็นลูกสาวของท่านโหว”
ลู่พั่น “พูดจบแล้ว?”
“อ๋าา”
ซุ่นจื่อพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเซี่ย ลองชิมซุปเห็ดนี้สิ รสชาติดีมาก”
ซุ่นจื่อหันกลับมามองสีหน้าของลู่พั่น พร้อมกับกระซิบบอกเซี่ยเหวินอวี่ให้หายสงสัย “ทำไมคุณชายของพวกเราถึงไม่เรียกลุงของเฉียนหมี่โซ่วมาสอบถาม ท่านไม่เข้าใจ? เพียงเพราะคำพูดของเด็กน้อยยังเป็นหลักฐานไม่พอ แต่ถ้าลุงของเขาไปร้องเรียนแล้ว คุณชายของพวกเราจะต้องจัดการอย่างเป็นทางการ ดังนั้นคุณชายเซี่ย ท่านเข้าใจแล้วหรือยัง?”
เซี่ยเหวินอวี่รีบลุกขึ้นทันใด เขาใช้มือประสาน โค้งตัวทำความเคารพลู่พั่นอย่างนอบน้อม
เขาเข้าใจแล้วว่า เขาสมควรจะทำอย่างไร
ถ้าไม่เอาเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์แล้วขนกลับไปทันเวลา และให้เงินชดเชยช่วยเหลือบางส่วน ทำให้ลุงของเด็กน้อยคนนั้นพึงพอใจ แล้วเปลี่ยนคำร้องเรียน เรื่องราวทั้งหมดก็จะจัดการได้ง่าย
ถ้าเขาไม่พอใจ ไม่กลับคำร้องเรียน แล้วจะทำอย่างไร?
ไม่ได้สิ เซี่ยเหวินอวี่ครุ่นคิด เขากลับจวนไปต้องให้เซี่ยเหวินหยวนพาเซี่ยเหวินฮุ่ยไปหมู่บ้านเหรินจยา ให้สองพี่น้องนั้นไปพูดคุยประนีประนอม เขาจะได้ไม่ต้องไปให้เสียหน้า
นอกจากนี้ กลับไปครั้งนี้ต้องเตือนพวกกบในกะลาพวกนั้น ห้ามทำเรื่องโง่ๆ ห้ามใช้ความรุนแรง ต้องใช้ความประนีประนอม ทำให้คนพวกนั้นพอใจจนพยักหน้ายอมรับ ถ้าพวกเขาไม่ยินยอม เซี่ยเหวินหยวน ใครให้เซี่ยเหวินฮุ่ยเป็นน้องสาวของเจ้า ถ้าทำไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้กลับจวนอีกเลย
“ข้าขอตัวกลับจวนก่อน หมินหรุ่ย ขอบคุณมาก”
ซุ่นจื่อเดินหน้ามาเก็บตะเกียบ ลู่พั่นวางช้อนลงแล้วมองไปที่ถ้วยซุป “หมดแล้วหรือ?”
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว คุณชาย หมดแล้ว” ท่านดื่มไม่หยุด คุณชายเซี่ยก็อยู่ตรงนั้นพูดไม่หยุด ท่านก็ดื่มไม่หยุดเช่นกัน
ลู่พั่นถึงลุกขึ้นยืน เขาเดินไปที่หน้าต่างพลางครุ่นคิดในใจ
ความจริงแล้ว ที่เขาไม่เอาความเรื่องของตระกูลเริ่นนั้น ไม่เพียงแค่เห็นแก่หน้าจวนโหว คิดถึงหน้าตาของเหวินอวี่แล้ว
ในด้านนี้ท่านปู่พูดถูก มันไม่ใช่แค่เรื่องร้องเรียนเดียว ยังมีคนอพยพลี้ภัยเข้ามาในเมืองอีกมากมาย
เป้าหมายหลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เพื่อลดทอนอำนาจของท้องถิ่น
ในแต่ละเมืองต่างก็มีหลี่เจิ้งในแต่ละท้องที่ มีอำนาจไม่น้อย ชอบใช้อำนาจข่มเหงรังแกชาวบ้าน แม้กระทั่งมีอำนาจควบคุมความเป็นความตายของชาวบ้าน ไม่ตัดสินตามกระบวนการของศาล แต่ใช้ศาลเตี้ยเข้าจัดการ
ต้องอาศัยโอกาสนี้ขจัดพวกเนื้อร้ายออกไป
นอกจากนี้แล้ว พวกเขาลงไปตรวจสอบอย่างจริงจังก็ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเพียงสิบยี่สิบตำลึง
กลุ่มขบวนป้ายแดง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มขบวนอื่น อย่างเช่น กองกำลังสนับสนุนที่อยู่ในฐานะต่ำกว่ามาก เหตุการณ์ถูกรังแกมีน้อยกว่ามาก ถึงแม้จะถูกรังแกแต่ก็ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
ตระกูลลู่ของพวกเขาต้องไปตรวจสอบเรื่องถึงแก่ชีวิตเหล่านั้น
พวกเขาต้องตรวจสอบหาคนที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดีสุดคือตรวจสอบหลายเมืองที่ต้องแจกเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์แต่นำไปเก็บไว้ที่คลังเสบียงตัวเอง ต้องเข้าจับกุม ประหารชีวิต ให้เรื่องกระเทือนทั้งแผ่นดิน ต้องปลดออกจากตำแหน่งส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด เพื่อทำให้เป็นคดีตัว อย่าง
ส่วนเซี่ยเหวินอวี่กลับมาถึงจวน เขาก็เรียกให้เซี่ยเหวินหยวนพี่น้องต่างมารดาให้ออกไปจัดการ
เริ่นจื่อเซิงเป็นกลุ่มขบวนแรกที่มาถึงหมู่บ้านเหรินจยา เขารีบร้อนอยากจะพบพวกกลุ่มคนอพยพลี้ภัยพวกนั้น สอบถามว่าต้องการอะไร? ไม่มีเรื่องอะไรที่เจรจาไม่ได้
กลุ่มขบวนที่สองคือ ขบวนรถสิบคันขนข้าวขัดขาวกับแป้งละเอียดกำลังเดินทางมา
กลุ่มขบวนที่สามคือ เซี่ยเหวินหยวนเป็นตัวแทนของจวนอู่อานโหว พาน้องสาวเซี่ยเหวินฮุ่ยนั่งรถม้าตามมาที่หมู่บ้านเหรินจยา
แต่ละคนต่างรีบร้อนอยากพบเจอชาวบ้านที่อพยพลี้ภัยมา เพราะคุณชายลู่ของจวนกั๋วกงพูดทางอ้อม ขอเพียงคนพวกนั้นเปลี่ยนคำพูด เขาถึงผ่อนปรนโทษให้
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ซ่งฝูเซิงตัวแทนของผู้อพยพลี้ภัย ซึ่งตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่เมืองเฟิ่งเทียน
ทำอะไรนะหรือ
ซื้อของช็อปปิ้งไง
และยังต้องไปศาลเพื่อสอบถามเรื่องข้าวสารบรรเทาทุกข์ แต่เมื่อรู้ข่าวจากหมี่โซ่วแล้ว ก็ไม่ต้องสอบถามแล้ว แค่รอก็พอแล้ว
อีกอย่างหนึ่ง คนหนึ่งได้กี่จิน ผู้ใหญ่กับเด็กได้รับแจกคนละเท่าไหร่ แค่ถามเพียงเท่านี้ ท่านคณบดีก็บอกแล้ว
และยังหาร้านเพื่อขายเห็ด แต่ตอนนี้ก็ไม่ขายแล้ว เห็ดมัตสึตาเกะสดใหม่ก็ถูกนำกลับไปวางในพื้นที่พิเศษอีกครั้ง
ซ่งฝูเซิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่ได้ให้เห็ดมัตสึตาเกะไปก็ดีเหมือนกัน
ตอนนั้นมัวแต่จะคิดอยากให้ท่านแม่ทัพเล็กทั้งหมด แต่คิดไม่รอบคอบ แค่สภาพของเห็ดมัตสึตาเกะเหมือนกับเพิ่งขุดเก็บมาใหม่ เขาจะอธิบายอย่างไร? คนพวกนั้นไม่เหมือนกับท่านลุงซ่งชาวบ้านธรรมดาที่พูดอะไรก็เชื่อทุกอย่าง
ท่านคหบดีกับภรรยาก็ไม่รีบร้อนกลับไป พวกเขายืนยันจะเป็นเพื่อนเดินซื้อของด้วยกัน และยังรอพวกซ่งฝูเซิงซื้อของเสร็จ แล้วใช้รถลากเกวียนของท่านคหบดีไปส่งซ่งฝูเซิงถึงที่บ้าน
มีรถก็สะดวก ไม่ต้องรีบร้อนเดินทางกลับ
มีพื้นที่พิเศษก็ดี มีอะไรไม่สะดวกก็สามารถยัดใส่เข้าไปในพื้นที่พิเศษได้
สรุปก็คือ ซื้อๆ และก็ซื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...