สะพานซ่อมเสร็จตั้งแต่สองวันที่แล้ว เงินค่าแรงคงจ่ายไปไม่น้อย ค่าแรงจากการขนแผ่นหิน แผ่นหินทั้งหนักและขนาดใหญ่ และสะพานกว้างยาว คนที่มาทำงานต้องอย่างน้อยสามสิบถึงห้าสิบคน พวกเขาคาดคะเนว่าคนในหมู่บ้านเหรินจยาที่เป็นแรงงาน คงมาทำงานเกินครึ่ง ซึ่งงานหนักขนาดนี้ต้องเหนื่อยจนแทบไม่ไหว ถ้าไม่ให้เงินค่าจ้างหรือไม่ให้ข้าว คงไม่มีใครยอมมาทำงานใช้แรงขนาดนี้ ยังดีที่ตอม่อของสะพานไม่ได้ถูกทำลายไปด้วย
วันนี้ซ่งฝูเซิงโชคดี วันก่อนนั้นที่เขาจูงวัวไปกินหญ้า เป็นวันที่สะพานซ่อมเสร็จพอดี จึงเดินขึ้นสะพานและข้ามไปได้ ตอนนี้เขากับซ่งฝูกุ้ยกำลังเข็นรถเข็นว่างเปล่าข้ามสะพาน ยังรู้สึกว่ายืนบนสะพานแล้วไม่ได้สบายใจขนาดนั้น แต่ก็ยังดีกว่าตอนมาครั้งแรกที่ต้องข้ามสะพานไม้ที่เก่าผุพังนั่น
คิดถึงวันแรกที่มาถึงหมู่บ้านเหรินจยา ตอนนั้นเป็นเวลากลางดึกและยังต้องแบกกระสอบถั่วเมล็ดสนคนละกระสอบ มือยังต้องเข็นรถเข็นคันแล้วคันเล่าผ่านสะพานไม้ที่ผุพังนี้ ซ่งฝูกุ้ยตางหากที่รู้สึกสมน้ำหน้า
“น้องชายฝูเซิง เจ้าได้ยินเรื่องนั้นหรือยัง”
“เรื่องอะไร”
“ตาแก่เฮงซวยเริ่นหลี่เจิ้ง เขามีทั้งเรื่องดีและเรื่องเศร้า ข้าขอพูดเรื่องเศร้าก่อน เหอะๆๆๆ ตาแก่นั่นล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว ได้ยินว่าเขาสั่งให้ลูกชายคนรองไปส่งข้าวให้พวกเราวันนั้น วันถัดมาก็เข้าอำเภอไปหาลูกชายคนโต ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนกลับเข้ามาถึงต้องหามเข้าบ้าน จนถึงตอนนี้ยังต้องนอนซมบนเตียงเตา ลุกไปไหนยังไม่ได้”
ซ่งฝูเซิงกำลังคิดว่า เขาน่าจะเดาออกว่าเริ่นหลี่เจิ้งป่วยเป็นอะไร
เพราะตอนที่เขาเข้าเมืองไปซื้อวัวนม จำเป็นต้องเดินทางผ่านเมืองเฟิ่งเทียน
เมืองเฟิ่งเทียนเป็นเมืองอะไรนะหรือ ก็เมืองศูนย์กลางแห่งอำนาจการปกครองอย่างไรล่ะ
เขาไปโรงเตี๊ยมเพื่อสอบถามราคาผักกุยช่ายเหลือง ได้ยินคนข้างในโรงเตี๊ยมพูดถึงเรื่องนี้
พวกเขาลือว่ากันขุนนางเมืองเจิ้นเจียงใจกล้ายิ่งนัก ข้าวสารบรรเทาทุกข์ของคนในเมืองทั้งหมดไม่ได้แจกจ่ายไปตามจริง จึงถูกตัดหัวเอามาประจาน แขวนไว้บนกำแพง และยังมีป้ายประกาศ ประจานคนทำผิด
และญาติที่ใกล้ชิด ทั้งลูกชายที่ร่วมกันทุจริตข้าวสารบรรเทาทุกข์นั่น ก็ถูกตรวจสอบไปเจอเรื่องทุจริตเกลือ สุดท้ายก็ไม่รอด จึงถูกตัดหัวแล้วเช่นกัน
เมืองเจิ้นเจียงคือที่ไหนน่ะหรือ จากที่ซ่งฝูเซิงวิเคราะห์ คล้ายกับเมืองต้าเหลียน พื้นที่อยู่ติดกับทะเล ทรัพยากรมีทั้งเกลือและข้าว ถ้าเจ้ากล้าทุจริต มีเส้นสายกับคนข้างนอกละก็…ได้ยินว่าญาติพี่น้องของขุนนางคนนั้นทั้งเก้าชั่วโคตร ทั้งหมดจะถูกเนรเทศออกให้ไปอยู่ทางเหนือ แบบนี้จึงเรียกว่าพี่น้องร่วมทรยศ เป็นเหตุต้องโทษเก้าชั่วโคตร
นอกจากนี้ ยังได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาว่าเมืองอื่นๆ ก็มีเรื่องทุจริตเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าหาญเท่ากับขุนนางเมืองเจิ้นเจียงคนนั้น แต่ที่เมืองเฟิ่งเทียนกลับกำลังสอบสวนอย่างจริงจัง
คนที่ถูกสั่งให้มาทำงานนี้ ถูกส่งมาจากเมืองเฟิ่งเทียนไปยังทุกอำเภอ ใช้ม้าเร็วกระจายไปทั่วสารทิศและรับผิดชอบคนละเรื่องโดยเฉพาะ ทั้งยังใช้คำพูดแบบชาวบ้านๆ เพื่อประกาศข่าวสำหรับคนไม่รู้หนังสือ “ยินดีต้อนรับชาวบ้าน เข้ามาร้องเรียนกับพวกข้าโดยตรงได้เลย ไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องที่ทำเพื่อประชาชนจริงๆ”
ตั้งแต่นั้นมา ก็สอบสวนได้ข้อมูลเรื่องราวมากมาย และเรื่องที่เข้ามาร้องเรียนก็มีหลากหลาย
มีบางแห่งของอำเภอ บางตำแหน่งของหมู่บ้าน พวกเขาไม่ได้ทำเพื่ออาหาร แต่เพื่อต้องการควบคุมพวกชาวบ้าน จะใช้วิธีโบยให้ทำตามคำสั่ง มีบางหมู่บ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่ หรือบางหมู่บ้านมีการทะเลาะวิวาทถูกตีจนตายก็มี
ระหว่างอพยพบางบ้านที่มีลูกสาว อาศัยบ้านนั้นมีสมาชิกอยู่น้อยและไม่มีญาติพี่น้องคอยช่วยเหลือ จึงไม่มีหนทางเลี่ยง ยังมีเรื่องลวนลามข่มขืนเด็กสาวอีกด้วย
และยังมีกลุ่มที่ทำเหมือนสุนัขร้อนตัวกระโดดข้ามกำแพง เมื่อมีม้าเร็วเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อบอกกับชาวบ้านที่อพยพมาว่าจะเป็นปากเป็นเสียงให้ ลับหลังม้าเร็วออกไป ก็มีพวกที่ไม่ทำตามคำสั่งและกลัวถูกร้องเรียน รีบใช้ยาพิษใส่ลงในอาหารเพื่อจะฆ่ากันให้ตาย
หลากหลายร้อยพันเรื่องราว เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ถูกใส่ร้ายป้ายสีมีทั้งหมด
จากที่ซ่งฝูเซิงได้ยินก จึงนำมาวิเคราะห์ว่า เริ่นหลี่เจิ้งเข้าไปในเมืองเพื่อไปพบกับลูกชายคนโต ลูกชายของเขาน่าจะบอกกับพ่อว่า ถ้ามีใครกล้าทำอะไรกับข้าวสารบรรเทาทุกข์ ต้องพบจุดจบที่ไม่สวยนัก บางคนถูกตัดหัว ตาแก่คนนั้นคงตกใจกลัวจนล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา ถ้าไม่เช่นนั้น คงไม่ให้เริ่นจื่อจิ่วเป็นคนมาส่งของ วันที่มาส่งของวันนั้น เริ่นจื่อจิ่ว แม้แต่ลมก็ไม่กล้าผายออกมา แม้แต่คำพูดออกจากปากก็แทบไม่มี ส่งของเสร็จแล้วก็รีบกลับไป
นอกจากนี้ แม้แต่ซ่งฝูเซิงเอง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ที่โรงเตี๊ยม พวกเขาพูดกันแซงแซ่จนน้ำลายกระเด็น ในก้นบึ้งหัวใจของเขาก็รู้สึกคลายความอึดอัดขึ้นมาก
เขารู้สึกว่าเขามีกำลังภายในซ่อนอยู่ เพราะว่าเขาเป็นคนทำให้เกิดกระแสเรื่องกินข้าวเลือดผลเลือด เขาไม่สามารถที่จะพูดเรื่องนี้กับใครเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาก่อขึ้นมานั่นเอง เห้อ
“จะยินดีดีไหม”
“ต้องยินดีสิ เหอะๆๆๆ” ซ่งฝูกุ้ยที่หัวเราะพร้อมมือเข็นรถเข็น “ตาแก่คนนั้นกำลังจะได้เป็นพ่อคน ภรรยาเล็กท้องกำลังโต ถ้าพูดไป ไอ้หยา ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เสียแล้ว”
ซ่งฝูเซิงรู้สึกแปลกใจ “เรื่องใต้เตียงของคนอื่น เจ้าไปรู้ได้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...