ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 219

ทางฝั่งซ่งฝูเซิง ออกจากร้านช่างเหล็กก็ไปซื้อของที่ลูกสาวสั่งโดยเฉพาะ เขาไม่กล้าใช้ซ่งฝูกุ้ย กลัวเขาไม่กล้าใช้เงินซื้อของที่มีราคาแพงแบบนี้

แป้งละเอียด ไข่ เกลือ น้ำมันข้าวโพด

เขาเลือกซื้อน้ำมันข้าวโพดที่ดีที่สุด หนึ่งจินราคาเจ็ดสิบเหวิน หนึ่งจินคือราคาเท่ากับหกสิบเจ็ดสิบหยวนในปัจจุบัน แล้วปัจจุบันเงินหกสิบเจ็ดสิบหยวนสามารถซื้อน้ำมันได้ถึงสี่ลิตรแปดจิน ไม่มีวิธีทางอื่น เพราะพวกเขาผลิตได้น้อย ถึงแม้จะมีการปลูกข้าวโพด แต่คุณภาพการผลิต ถ้าเทียบกับโลกปัจจุบันยังห่างไกลกันมาก

“น้ำตาลก้อน หนึ่งจินราคากี่เหวิน”

เสี่ยวเอ้อได้ยินสิ่งที่ซ่งฝูเซิงอ้าปากถาม ก็รู้ว่าคนซื้อคนนี้รู้จักสิ่งของเป็นอย่างดี ไม่ได้ถามถึงน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลอื่นๆ แต่ถามราคาที่แพงที่สุด “ท่านชายท่านนี้ ราคายี่สิบแปดเหวินหนึ่งจินขอรับ”

“ทำไมราคาแพงเช่นนี้”

“ไม่แพง ไม่แพง นี่คือผลิตภัณฑ์มีชื่อจากเมืองสุ่ยหนิง เขาผลิตน้ำตาลก้อนมาจากพื้นที่ห่างไกล ท่านไปดูน้ำตาลในกระสอบเปรียบเทียบกันไม่ได้ ท่านดูสิว่ามันขาวหรือไม่” สมองซ่งฝูเซิงเขากำลังคิดไปถึงว่า น้ำแข็งเก็บคู่กับแอมเปอร์ ทำให้น้ำตาลก้อนใสงดงาม

สองคำนี้ ทำให้ตัวเขาเองก็ตะลึงไปเหมือนกัน “ชั่งน้ำหนักให้ข้าหน่อย”

ซื้อของที่ลูกสาวสั่งเสร็จแล้ว ซ่งฝูเซิงไม่กล้าที่จะทำให้เสียเวลา เขาลากรถไปที่มุมอับ ไม่มีคนเดินผ่าน

ตอนนี้ เขารู้สึกเสียดาย สมองไม่สั่งการ เขาไม่ได้นอน สมองใช้งานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ลำดับเหตุการณ์ผิดพลาด จริงๆ เขาควรที่จะเข้าไปในพื้นที่พิเศษก่อนซื้อของ ตอนนี้ของที่อยู่บนรถมีมากมาย ถ้ามีคนเดินผ่านมาหยิบไปคงเสียใจแย่

ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าไปที่มีคนเดินผ่าน เขาเดินไป…เดินไปเรื่อยๆ…จนถึงทางตัน ไม่มีคนอยู่แถวนั้น เขาจึงเข้าไปในพื้นที่พิเศษ

เขาคิดว่าเมื่อเข้าไปในพื้นที่พิเศษแล้วต้องรีบควานหาของที่ต้องการ แต่คิดไม่ถึง “ไอ้หยา…เฉียนเพ่ยอิงเตรียมของให้เสร็จหมดแล้วหรือนี่ ทำไมนางถึงขยันขนาดนี้”

จากที่เขาดู สิ่งของที่สามารถใช้งานได้ เช่น จานชาม ตะเกียบ เฉียนเพ่ยอิงใช้ผ้าห่อมัดไว้เตรียมให้เขาเรียบร้อย ปลอกผ้าห่มผืนเก่าในบ้านถูกถอดออกเรียบร้อย เนื้อในของผ้าห่มก็ถูกมัดเรียบร้อย

ทำไมต้องถอดปลอกผ้าห่มออกนะหรือ เพราะว่าผ้าคลุมชั้นนอกสุดเป็นผ้าฝ้ายร้อยเปอร์เซ็น มีลายจุดสีแดง ลายตารางหมากฮอตสีเทาบางส่วน และบางส่วนเป็นสีขาว คือผ้าฝ้ายดิบทั้งหมด

ในยุคปัจจุบัน ผ้าฝ้ายไม่เป็นจุดเด่น พวกเราเอามาใช้เป็นปลอกผ้าห่ม ป้องกันไม่ให้ฝ้ายข้างในเกิดขุยได้ แต่คนในยุคอดีตกลับมองว่าเป็นผ้าดี ขายได้ราคาแพง

ดังนั้นถ้าไม่เอาผ้าคลุมด้านนอกออก หากมีคนเห็นต้องมีคนคิดว่าบ้านนี้คิดอะไรอยู่หรือ ทำไมจึงใช้ผ้าดีๆ สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดนี้มาห่อเป็นปลอกผ้าห่มไว้

นอกจากนี้ เฉียนเพ่ยอิงยังห่อชุดเครื่องนอนสี่ชิ้นไว้ให้อย่างเรียบร้อยด้วย

แต่ชุดเครื่องนอนสี่ชิ้น มีสองชุดเป็นสไตล์ธรรมชาติ มีดอกไม้สีชมพู ดอกไม้สีม่วงเป็นชุดที่ลูกสาวใช้อยู่ ดังนั้นผ้าห่มกับผ้าคลุมเตียงนั่น สามารถนำออกมาใช้งานในยุคนี้ได้เลย ทำให้ประหยัดเวาล ทั้งยังเป็นฝ้ายบริสุทธิ์อีก

แต่ว่าชุดเครื่องนอนสี่ชิ้นอีกสองชุดนั้น ใช้ได้เฉพาะผ้าคลุมเตียงและเนื้อในของผ้าห่ม เพราะผ้าคลุมเป็นผ้าซาติน และรอบๆ ผ้าห่มก็เป็นผ้าซาติน ดังนั้นเฉียนเพ่ยอิงจึงถอดชั้นที่เป็นผ้าซาตินออกทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะผ้าฝ้ายที่พับแล้วห่อเก็บไว้

และยังมีหมอนที่ภายในทำจากเปลือกธัญพืช

ตอนที่เฉียนเพ่ยอิงเข้าไปทำความสะอาดพื้นที่พิเศษ ยังโชคดีที่ไม่โยนหมอนทิ้งไป ในโลกอนาคตอยากจะเปลี่ยนหมอนเป็นยางพารา ตอนนั้นทั้งสองคนจึงอยากโยนมันทิ้งมาก

แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไป นับเป็นโชคดี พวกเจ้ารู้หรือไม่ คนในยุคอดีตใช้อะไรแทนหมอน พวกเขาบางคนใช้ห่อผ้า บางคนใช้หิน และบางคนไม่ใช้หมอนหนุนเลย ผ้าฝ้ายก็แทบจะไม่มีใช้ จะมีใครมาใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ทำงานเหนื่อยทั้งวัน แค่ทิ้งหัวลงพื้นแล้วหลับตาก็นอนหลับแล้ว

ดังนั้นเฉียนเพ่ยอิงจึงใช้หมอนสองใบนี้เอามาใช้แก้ขัดไปก่อน และเป็นของที่นางดูจะซื้อได้ตามฐานะในตอนนี้ ระหว่างทางที่ซ่งฝูเซิงเดินทางเข้าไปในเมือง นางก็จัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อย เพราะนางคิดกลับไปกลับมาก็ไม่ค่อยไว้วางใจ กลัวเหล่าซ่งเข้ามาในห้องค้นหาสิ่งของไม่เจอ ทำให้ห้องรกไม่เป็นระเบียบ จริงๆ แล้ว ถ้านางเอาของที่ต้องการออกมาเองได้ นางคงไม่รบกวนให้ซ่งฝูเซิงเอาออกมาให้แน่

หากทำอย่างนี้ ซ่งฝูเซิงแค่เป็นคนถือออกมาก็พอ จะได้รวดเร็ว และเขายังไม่ลืมเอาแอปเปิ้ลมากินระหว่างทางด้วย

สถานีสุดท้าย ซ่งฝูเซิงเข็นรถที่เต็มไปด้วยสิ่งของ เข้าไปหาเหล่าสุ่ยที่ร้ายขายหนัง และยังไม่ลืมซื้อซาลาเปาร้อนๆ ไปฝากเขาด้วย สองคนนี้พูดคุยกันแข่งกับเวลา เพื่อไม่ให้เสียโอกาสแม้แต่น้อย

เหล่าสุ่ยบอกว่า “เจ้าเกรงใจอะไร พวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว ใครเป็นใครก็รู้กันอยู่ แล้วคนที่ไปขายฟักทองก็เป็นญาติทางฝั่งภรรยาข้า ตอนนั้นเขามาส่งฟักทองที่บ้าน ข้าจึงให้เขาไปส่งที่หมู่บ้านเหรินจยา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขายไปที่อื่น เรื่องนี้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ซ่งฝูเซิงไม่ได้เกรงใจ แต่เขารีบบอกว่า พวกเขาเข้าที่พักอาศัยเรียบร้อย ผัก ข้าวสาร ที่เก็บสะสมในหน้าหนาว และอาหารต่างๆ ก็สะสมไว้เรียบร้อย

พวกเขาได้รับข่าวสารบรรเทาทุกข์จริงๆ แต่ซ่งฝูเซิงบอกจำนวนที่เขาได้ว่าเป็นข้าวสารหยาบ

เหล่าสุ่ยดีใจแทนพวกเขา และยังบอกเรื่องที่ได้ยินมาว่า คนที่ทุจริตข้าวสารบรรเทาทุกข์ถูกตัดหัวไปแล้ว เขารบกวนให้ซ่งฝูเซิงเฝ้าร้านให้เขาสักครู่ เขาจะไปเข้าห้องน้ำ กลั้นฉี่ไม่ไหว

แต่คิดไม่ถึง ระหว่างที่ซ่งฝูเซิงช่วยดูร้าน เขาช่วยชียร์ขายแผ่นหนังราคาแพงออกไปได้ ทำให้เหล่าสุ่ยดีใจจนเนื้อเต้น ลากซ่งฝูเซิงเข้าไปข้างในแล้วหยิบเอาแผ่นหนังยัดเข้าไปในกระเป๋าของเขา หากปฏิเสธไม่รับของก็โกรธ

“อะไรหรือ เจ้าจะมาปฏิเสธทำไมหรือ หนังแผ่นนี้ข้าเตรียมให้น้องสะใภ้ตั้งนานแล้วแต่เจ้าไม่มาสักที เอาไปเถอะ เอาไปให้น้องสะใภ้ ที่บ้านเจ้ามีลูกสาวไม่ใช่หรือ ข้างในนี้ข้าใส่แผ่นหนังที่มีสีสันสวยงาม ตรงไหนที่ไม่ดีข้าเล็มทิ้งไปแล้ว ตั้งใจจะเอาไปทำหมวกให้หลานสาว เด็กผู้หญิงต้องใส่หมวกหนังมีสีสันแบบนี้ น่าจะสวยขึ้นเป็นกอง”

ซ่งฝูเซิงรู้สึกไม่ดี ถึงแม้จะเป็นยุคอดีตที่แม้แต่ผ้าฝ้ายก็ยังต้องเก็บออมเงินมาถึงจะซื้อได้ ยิ่งเรื่องจะเอาแผ่นหนังไปทำกระเป๋าด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาคิดว่าถ้ามาครั้งต่อไป จะเอานมวัวมาให้เหล่าสุ่ยสองถังใหญ่ เอาไว้ไปให้ลูกๆ ที่บ้านของของเขาได้ดื่ม

ที่ประตูเมือง ซ่งฝูกุ้ยเปิดถุงน้ำร้อนหนังเพื่อดื่มน้ำ แต่เกือบสำลักออกมา ชี้มือไปที่ซ่งฝูเซิงที่พึ่งมาถึง “เจ้าซื้ออะไรตั้งมากมายขนาดนี้ ทำไมข้าถึงหาเจ้าไม่เจอ”

“หมดไปเท่าไหร่กับคำว่าของมันต้องมีไง”

พี่สะใภ้สี่คิดว่า โอ้โห เจ้าอย่าถ่อมตัวไปเลย ไม่ได้การณ์แล้ว นางต้องกลับไปสาธยายเรื่องนี้ให้กับคนในหมู่บ้านได้ฟัง นางรู้จักคนพวกนี้ คนอื่นไม่มีใครไม่มีเงิน มีเงินเฉพาะคนที่ชื่อว่า ซ่งฝูเซิง ตอนนี้เป็นบัณฑิต อนาคตจะสอบจวี่เหรินเป็นขุนนาง ที่บ้านมีเงินมากมาย เจ้าดู ซื้อของครั้งหนึ่งก็ซื้อจนเต็มรถเข็น

ท่านลุง ท่านลุง?

หมี่โซ่วยืนอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ เขากำลังสอนลูกศิษย์ให้ทำเครื่องเป่าไฟ จึงไม่ต้องทำงานด้วยตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอที่ฝั่งแม่น้ำ เด็กชายเห็นฝูเซิงเป็นคนแรก

หมี่โซ่วยังปฏิเสธที่จะดื่มนม ทั้งยังบอกกับซ่งฝูหลิงว่า “อย่าเพิ่งอุ่นนมวัว รอท่านลุงกลับมาก่อน ถ้าพี่สาวหิวแล้วก็ให้ท่านดื่มไปก่อน ส่วนข้าจะรอท่านลุง ข้าแนะนำเจ้าว่า ต้องรอให้คนทั้งบ้านมากินพร้อมๆ กัน ของกินจะอร่อยขึ้นมากโขเลย”

ซ่งฝูหลิงได้ยินดังนั้นก็ไม่กล้าดื่มแล้ว และอีกคนที่ร้องเรียกซ่งฝูเซิงก็คือ ท่านย่าหม่าที่เดินแกมวิ่งออกไป “ลูกสาม เจ้ากลับมาแล้ว”

ขณะเดียวกัน ห้องอบขนม ซ่งฝูหลิง “ท่านย่า ท่านต้องเงียบไว้นะ”

ท่านย่าหม่า “ข้าเป็นคนลงทุนจ่ายเงิน ข้าเงียบไว้ไม่ไหวหรอก”

ซ่งฝูหลิง “ท่านย่า ท่านอย่าใจร้อนสิ”

ท่านย่าหม่า

“เย็นนี้ ยังทำออกมาไม่ได้ใช่ไหม แล้วเจ้าจะทำออกมาเมื่อไหร่…

…เจ้าดู เจ้าสั่งให้พ่อซื้อของมาเยอะแยะ ใช้เงินไปไม่น้อย เจ้าจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร…

…เจ้าไม่รีบลงมือทำ ข้าไม่รีบเอาออกไปขาย เรื่องนี้จะแดงออกไป ป้าใหญ่ ป้ารองของเจ้าไม่ใช่ญาติเจ้า เขาไม่ได้คิดเหมือนพวกเรา เขาต้องไม่พอใจถ้ารู้ว่าข้าเป็นคนลงทุน เจ้าต้องรีบหาเงินเอาไปปิดรูรั่วก่อน”

“พรุ่งนี้เช้า พรุ่งนี้เช้า ท่านมาหาข้า จำไว้รหัสลับของเรา เคาะประตูสามครั้ง จำได้ไหม”

“ได้ ตกลง” ท่านย่าหม่าได้ยินแล้ว จึงยอมกลับไป

ซ่งฝูหลิงถอนหายใจยาว พรุ่งนี้เช้าต้องทำขนมปังออกมา ขนมปังหนึ่งก้อนต้องใช้เวลาอบหนึ่งชั่วโมง นางจะต้องตื่นตั้งแต่กี่โมงกันเนี่ย

ค่ำคืนของวันนี้ เฉียนเพ่ยอิงให้คนในบ้านใช้ถ้วยชามที่เอามาจากพื้นที่พิเศษ นางเอามาอุ่นนมแรกของแม่วัวให้ทุกคนดื่มคนละถ้วย

นมวัวสดมักจะมีสีขาว แต่น้ำนมแรกของแม่วัวจะมีสีออกเหลือง มีกลิ่นหอมธรรมชาติ อุ่นแล้วดื่มจะเหนียวกว่าเต้าหู้

ของพวกนี้ ถ้าต้มแล้วดื่มไม่ได้ ถ้าต้มแล้วมักจะเกิดเป็นก้อน จะต้องใช้วิธีนึ่ง ดื่มแล้วจะได้รสชาติละมุน และยังให้คุณค่าทางอาหาร ส่วนนมของเด็กๆ ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มเล็กน้อย

น้ำตาลมาจากที่ไหนหรือ ซ่งฝูหลิงขโมยมาจากเงินที่ท่านยายลงทุนซื้อไว้ทำขนมปังไงล่ะ

คิดไปคิดมา นางรู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะตอนที่ยกถ้วยนมขึ้นดื่ม ตอนที่เอานมไปส่งท่านย่า นางพบว่า ท่านย่าใช้ถ่านจากฟืนสระผมอยู่

ท่านย่าหม่า จริงๆ แล้วเป็นคนว่าง่าย พวกเจ้าดู นางรู้จักสระผมแล้ว

ท่านย่าหม่าบอกว่า “ไม่ ข้าทำเพื่อฆ่าเวลาเฉยๆ ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะคิดว่าไม่ขาดทุน เจ้าทำให้ข้าไม่ขาดทุนได้หรือไม่”

ซ่งฝูหลิงเหมือนตกลงไปในหลุมพรางแต่ก็รีบปีนหนีออกมา

ก่อนที่จะเข้านอน ซ่งฝูหลิงให้ซ่งฝูเซิงเอาเครื่องตีไข่ออกมา เป็นเครื่องที่ใช้แบตเตอรี่

หลังจากตีสองของพรุ่งนี้ มีเด็กสาวที่บนศีรษะโพหหัวผ้าลายดอกไม้ วุ่นวายกับการก่อเตาไฟ ใช้กระเป๋าเรียนไส่เครื่องตีไข่ไว้ กำลังเดินไปที่ห้องอบขนม

ซ่งฝูหลิง อ้าปากหาว นางใช้ไฟจากกำแพงไฟเพื่อให้ความอบอุ่น และต้มน้ำอุ่นเพื่อล้างมือ

วันนี้นางสัญญากับท่านย่าว่า เพียงให้เตาอบนางหนึ่งเตา นางจะทำขนมปังให้เต็มพื้นที่ห้องครัวเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว