ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 220

ที่ซ่งฝูหลิงไม่รู้ก็คือ นางเดินออกไปไม่นาน พ่อกับแม่ก็ตื่นตามมา

เฉียนเพ่ยอิงตื่นขึ้นมา เข้าใจว่านางไปเข้าห้องน้ำ

ตอนนี้ ก่อนถึงห้องที่พวกเขาอยู่ มุมด้านหน้ามีม่านเสื่อถักจากหญ้าแห้งแขวอยู่ ข้างในม่านเป็น “ถังส้วม”

ถังส้วมไม่ได้ทำจากไม้

แม้แต่ถังไม้ไว้ใส่น้ำดื่ม ตอนนี้ซ่งฝูสี่ก็ยังทำไม่เสร็จ บ้านไหนๆ ก็ต้องการใช้งาน เขายังต้องทำถังสำหรับตักน้ำและยังต้องทำอ่างล้างหน้าอีก จะเอาเวลาที่ไหนไปทำส้วมจากไม้ โต๊ะกินข้าวที่สั่งไว้ก็ยังทำไม่เสร็จ งานยุ่งและเร่งรีบไปเสียทุกอย่าง

ดังนั้น ซ่งฝูเซิงจึงคิดหาวิธีไม่ให้ลูกออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก ลดปัญหาเวลานั่งแล้วก้นเย็นเป็นน้ำแข็ง ออกไปข้างนอกก็ไม่เหมือนสมัยปัจจุบันที่มีไฟแสงสว่างเพียงพอ เมื่อถึงเวลากลางคืน ข้างนอกมืดจนมองไม่เห็น ทั้งยังต้องจุดตะเกียงไฟ ใส่เสื้อคลุมอีก ยุ่งยากเสียเวลา เขาจึงใช้ถังน้ำแร่ขนาดห้าลิตรของยี่ห้อหนงฝู ตัดปากด้านบนออก ให้ข้างบนข้างล่างมีขนาดเท่ากัน

ก่อนนอนทุกคืน เขาจะใส่ดินและถ่านจากหญ้าแห้งไว้ที่ก้นถัง จากนั้นให้นั่งยองๆ ข้างบนถังเหมือนกับเข้าห้องน้ำ เวลาปัสสาวะ ถังนี้ใช้งานได้อย่างดี นอกจากบางครั้งที่ซ่งฝูเซิงบ่นว่าเวลานั่งบนถังต้องให้ระวังอย่าให้ก้นเกินออกไปข้างนอกถัง ถังทำจากขวดน้ำแร่ ทั้งสะอาดและอนามัยดี เวลาทำความสะอาดก็ง่าย แค่ล้างแล้วเช็ดก็เหมือนกับของใหม่ทุกอย่าง

แน่นอนว่าทุกวันในตอนเช้า คนที่เอาไปเทก็คือซ่งฝูเซิง ธุระนี้เขาไม่ให้ซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ยทำแทน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก

สกปรกไหม เหล่าซ่งคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งสกปรก

เพราะเป็นของลูกและภรรยาที่รักของเขาเอง และยังมีหมี่โซ่ว เป็นคนใกล้ชิดเขาทั้งหมด แค่เทถังฉี่ มีอะไรที่ต้องคิดว่าสกปรก

สาธยายมากไปแล้ว

เฉียนเพ่ยอิงนั่งลงทำธุระบนถังห้าลิตรของเขา เมื่อทำธุระเสร็จจึงเดินไปบนเตียงเตาของลูกสาว นางก้มลง ใช้มือคลำไปที่ผ้าห่ม ภายในผ้าห่มเหลือแต่พื้นที่ว่างเปล่าและอุณหภูมิอุ่นๆของร่างกายที่หลงเหลืออยู่

นางคิดว่าตัวเองรู้สึกไปเองว่ามีคนเดินออกไปข้างนอก

ลูกสาวไปที่ห้องอบขนมปังหรือ ตอนนี้เพิ่งกี่โมงเอง

เฉียนเพ่ยอิงใช้ผ้าห่มของซ่งฝูหลิงวางทับอีกชั้นบนร่างกายของหมี่โซ่ว นางเดินกลับไปที่เตียงเตาของตัวเอง ปีนขึ้นไปบนเตียง ซุกตัวลงในผ้าห่ม เฉียนเพ่ยอิงดึงผ้าห่มเข้ามาวางบนตัวอย่างระมัดระวัง และก่อนนอนทุกคืนเขาจะถอดเสื้อคลุมวางไว้บนเตียงเตา โดยใช้ความร้อนจากเตียงเตาทำให้เสื้อคลุมอบอุ่น เวลาหยิบมาใส่จะได้ไม่หนาว

แต่ข้างในห้องยังมืดอยู่ เฉียนเพ่ยอิงมองไม่ชัด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ทำให้ซ่งฝูเซิงตื่นขึ้นมา

ซ่งฝูเซิงปวดจี๊ดจนกัดฟัน แต่เพราะความง่วง ตาทั้งสองข้างจึงลืมไม่ขึ้น “ทำอะไรหรือ เจ้าทับผมข้าแล้ว”

จากสถานการณ์นี้ แต่ก่อนต้องเป็นคำพูดของเฉียนเพ่ยอิงที่พูด แต่ในยุคอดีตที่กลับเปลี่ยนเป็นคำพูดของซ่งฝูเซิง เพราะผมของเขาก็เริ่มยาวแล้วไม่น้อย

“ข้ามองไม่เห็น ข้ากำลังดึงเสื้อคลุม”

“เจ้าดึงเสื้อคลุมทำไมหรือ”

เฉียนเพ่ยอิงบอกว่า “ข้าจะออกไปดูลูกสาว ลูกสาวออกไปข้างนอกแล้ว เหมือนว่าจะไปที่ห้องทำขนม ข้าไม่วางใจ”

“หือ? ซ่งฝูเซิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาใช้มือข้างหนึ่งขยี้ตาจากความง่วง อีกมือหนึ่งคว้าไปที่ไฟแช็คซึ่งวางอยู่บนขอบหน้าต่าง

เขาใช้มือกดไปหนึ่งครั้ง ไฟก็สว่างขึ้นมา เขารีบหลับตาเพื่อหลบแสงจ้า และพูดขึ้นมาว่า“นางไปซักเสื้อผ้าอีกแล้วหรือ”

“ไม่ใช่ ไปห้องอบขนม จะซักผ้าอะไรอีก ข้าพูดอะไรกับเจ้าก็เหมือนเป่าลม เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแท้ๆ”

เฉียนเพ่ยอิงพูดจบ รีบใช้มือไปแย่งไฟแช็คจากซ่งฝูเซิง อาศัยไฟจากไฟแช็คจุดตะเกียงน้ำมันขึ้นมา

ตะเกียงน้ำมันนี้ซ่งฝูเซิงซื้อจากเมืองถงเหยาเจิ้น ไม่เช่นนั้นซ่งฝูกุ้ยจะตำหนิเขาหรือว่า เจ้าจะซื้อของพวกนี้ทำไม หลังจากที่แยกจากเหล่าสุ่ย ซ่งฝูเซิงก็เดินไปทั่วตลาด สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น รถของเขาเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน

เขาซื้อตะเกียงสี่ดวง

ตะเกียงดวงแรกวางไว้ที่ห้องของลูกสาว และอีกหนึ่งดวงวางไว้บนระเบียงหน้าต่างห้องนอนของพวก อีกหนึ่งดวงวางไว้ที่ห้องของซื่อจ้วงกับหนิวจั่งกุ้ย และอีกหนึ่งดวงสุดท้ายให้ท่านย่าหม่า

บ้านท่านย่าหม่ามีตะเกียงอยู่แล้วหนึ่งดวง ตะเกียงดวงนั้นเป็นตะเกียงโบราณที่ซ่งฝูเซิงเอามาจากบ้านเก่า ระหว่างทางอพยพมาพวกเขาไม่ได้ทิ้ง

แต่ซ่งฝูเซิงเห็นว่าบ้านหลังนั้นมีคนอยู่หลายคน จึงซื้อให้เพิ่มอีกหนึ่งดวง

ตะเกียงน้ำมันจุดติดแล้ว เฉียนเพ่ยอิงใส่เสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว แต่นางจะใส่เสื้อคลุมเร็วขนาดไหน ก็ยังไม่เร็วเท่าซ่งฝูเซิง

เขาลุกขึ้นนั่ง จัดเสื้อคลุมพับไปพับมาพันบนตัวเอง แล้วใช้มือสองข้างถูกันให้เกิดความอบอุ่นแล้วลูปไปที่ใบหน้า “ข้าจะไปเอง เด็กคนนี้จะอบขนมทำไมตั้งแต่เช้า

“ก็ใครที่ใช้นางไปหาเงินเล่า”

เฉียนเพ่ยอิงพูดขึ้นเบาๆ

เจ้าอย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปเลย

นางไม่ได้ต้องการหาเงินช่วยเจ้า ลูกสาวเจ้าไม่สนใจเรื่องนี้แน่นอน

นางทำเพื่อ ‘ผม’

ย่าของนางไม่อยากใช้น้ำมันทาผมฆ่าเหา เพราะน้ำมันแพง ลูกสาวของเจ้าทำเพื่อบังคับให้ย่าสระผม จึงใช้วิธีการหาเงินมาเป็นแรงจูงใจท่านย่าชรา

ซ่งฝูเซิงหัวเราะออกมา เด็กคนนี้ช่างหาเรื่องจริงๆ ตอนกลางคืนเพิ่งดื่มน้ำนมวัวแรก มิน่า จึงใช้ผ้าโพกศีรษะตอนดื่มนม และยังใช้ผ้าพันหัวให้หมี่โซ่ว เหมือนกับท่านป้าไล่หมาป่าอีกด้วย

เฉียนเพ่ยอิงได้ยินดังนั้น ยิ่งรู้สึกว่าคงไม่มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้

“ลูกสาวเจ้าคงปล่อยผ่านไปไม่ได้…

…เจ้ามองไปที่นาง ดูความพยายามตอนนี้สิ ขนาดตอนที่นางจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยังไม่ตื่นแต่เช้าลุกมาอ่านหนังสือแบบนี้เลย…

…ทำไมพูดไม่ฟัง ข้าบอกนางแล้วอย่าทำขนมปังขาย มันลำบาก นางก็ไม่ยอมฟัง…

…ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ทุกวันนี้นางไม่สนใจเรื่องอะไรเลย แต่ก่อนข้ายังเป็นห่วง มีวันไหนที่ต้องหาคู่ครอง นางจะเข้าใจผู้ชายบ้างได้ไหม และไม่รู้ว่านางจะดูแลปรนนิบัติแฟนได้อย่างดีหรือไม่สุดท้ายสิ่งที่นางไม่เคยลืม กลับเป็นเรื่องเหาที่อยู่บนหัว…

…นี่แหละลูกสาวของเจ้า คล้ายกับเจ้าไม่มีผิด มีเรื่องอะไรก็เก็บไปคิด ไม่ยอมปล่อยผ่าน”ซ่งฝูเซิงบอกว่า ลูกสาวข้าแล้วอะไรหรือ ลูกสาวข้าไม่คล้ายข้า จะให้เหมือนคนอื่นได้อย่างไร ข้าบอกเจ้าแล้ว ลูกสาวเราทำงานใหญ่ได้ คนที่ทำงานใหญ่ได้ มักจะเป็นคนที่เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว”

ขณะสองสามีภรรยาพูดกันเรื่องนี้ ซ่งฝูเซิงเอารองเท้าผ้าสวมเข้าเท้า ระหว่างที่จะออกจากบ้านก็ยังไม่ลืมบอกกับภรรยาว่า “เจ้ากลับไปนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด”

เฉียนเพ่ยอิงยกมือขึ้นปฏิเสธ “ตื่นแล้วยังจะนอนอะไรอีก ข้าไม่นอน เสียเวล่ำเวลา จะมัวเสียเวลานอนซุกในผ้าห่มทำไม มีงานต้องทำอีกมากมาย”

ซ่งฝูเซิงค่อยๆ เปิดประตูออกมา ลมเย็นจากข้างนอกปะทะเข้าที่ใบหน้าของเขา ฝีเท้าของเขายิ่งก้าว ยิ่งเร็วขึ้น

เขาบอกว่าหลังจากที่ทำห้องอบขนมให้ซ่งฝูหลิงเสร็จแล้ว ซ่งฝูเซิงเพิ่งมาแค่ครั้งเดียว ครั้งนั้นที่เดินมาผ่านก็มาหลายวันแล้ว ตอนนั้นเตาอบเพิ่งทำเสร็จ เขาจึงเดินมาดูแค่ครู่เดียว หลังจากนั้นถึงแม้จะเดินผ่านก็ไม่ได้สนใจเข้าไปดู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว