เฉียนเพ่ยอิงรู้แล้วว่าเด็กน้อยสงสารพี่สาวใจแทบขาด
และหมี่โซ่วอยู่บ้านยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย แค่ฟังคำพูดก็รู้ว่ารู้จักหาวิธีขอให้ทำอาหารให้กินแล้ว
“พี่สาวจะทำขนมเค้กให้เจ้าเมื่อไหร่ป้าก็ไม่รู้ แต่ว่าวันนี้พี่สาวคงไม่ยอมรับเงินสิบสองตำลึงของเจ้าแน่ แล้ววันนี้พวกเราพวกเราจะกินขนมที่หอมกว่าขนมเค้กอีก เพราะป้าจะทำแป้งจี่ใส่ไส้ให้เจ้ากิน
“ใส่อะไรหรือ ไส้สับปะรดหรือ”
“ไส้เนื้อหมู เนื้อหมูล้วนๆ ที่มีน้ำมันไหลเยิ้มออกมา หยดติ๋งติ๋ง”
เฉียนหมี่โซ่วไม่อยากยิ้ม แต่ก็ไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองได้ จึงเผลอยิ้มออกมา “หุๆๆ”
เฉียนเพ่ยอิงก็หัวเราะด้วย แล้วพูดเบาๆ กับเขา “จะไปไหน เจ้าจะไปไหน ท่านลุงกับพี่สาวของเจ้านอนหลับอยู่ อีกเดี๋ยวป้าจะไปแปลงปลูกพริก เจ้าจะไปเที่ยวไกลๆ ไม่ได้นะ”
เฉียนหมี่โซ่วรู้สึกร้อนใจอยากจะไปรีดนมวัวตอนนี้ วันไหนที่ไม่เจอวัวนมเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตื่นตั้งแต่เช้าแบบนี้
เขาพยามเคลื่อนไหวตัวให้เบาๆ ความหมายคือ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นแล้ว เขาจะวิ่งไปจากบ้านแล้ว แต่ก่อนจะวิ่งออกไปก็ถูกเฉียนเพ่ยอิงดึงกลับเข้ามา
เฉียนเพ่ยอิงใช้สองมือจัดเสื้อผ้าหมี่โซ่วแล้วเดินเข้าไปหยิบหมวกใบใหม่ แต่นางรู้ว่าเฉียนหมี่โซ่วชอบหมวกหนังลายสีรุ้งใบนี้มาก ดังนั้นจึงเอาหมวกใบใหม่ใส่เข้าไปบนศีรษะและนำหมวกหนังลายรุ้งใส่ครอบไว้อีกชั้น อืม…เหมือนทหารญี่ปุ่นตอนออกรบเลย ไปเถอะ ไปเล่นเถอะ
เฉียนหมี่โซ่วยิ้มอย่างพึงพอใจ เดินลอยหน้าลอยตาออกไปแล้ว
เฉียนเพ่ยอิงกลับเข้ามาดูลูกสาว ลูกสาวอยู่ตรงหน้าต่างใต้กระดาษมันที่ปิดไว้ป้องกันความชื้น นางก็ไม่กล้าดึงออกมาเพราะกลัวแสงแดดจะส่องเข้ามาข้างในตรงที่ลูกสาวนอนหลับสนิทอยู่
พวกเขาเดินออกมาเปิดประตูห้องเล็ก ตั้งใจจะไปดูซ่งฝูเซิงกับซื่อจ้วงที่หลับอยู่ พอเปิดประตูออกมา นางเกือบจะอาเจียน
เพราะกลิ่นเท้าเหม็นๆ ช่างน่าสะอิดสะเอียน แถมเสียงกรนดังสนั่น ยังดีที่ไม่ให้ซ่งฝูเซิงนอนในห้องโถง ไม่เช่นนั้นคงจะต้องทำให้ลูกสาวตื่นแน่ๆ
เติมฟืนเข้าไปในเตาแล้วและยังใช้ไม้แหย่ปล่องไฟในห้องโถงเพื่อทำให้ไฟลุกโชติช่วงขึ้นกว่าเดิม อุณหภูมิในห้องจะได้ไม่หนาวจนเกินไป จากนั้นเฉียนเพ่ยอิงถอดผ้ากันเปื้อนและเดินออกจากประตูบ้านไป
ท่านยายเถียนนั่งอยู่ตรงหน้าเตา ระหว่างผิงไฟก็ใช้เข็มเย็บรองเท้าไปด้วย
ท่านย่าหม่าบอกว่า ท่านยายเถียนเป็นคนมีเมตตาและเป็นตัวอย่างที่ดี รองเท้าในมือที่กำลังเย็บอยู่นั้น ท่านยายเถียนจะเอาไว้ให้ลูกสะใภ้
ในสายตาท่านยายเถียน ลูกสะใภ้ดูแลนางอย่างดี ตอนที่จะไปสู่ขอนาง ที่บ้านได้แบ่งที่นาออกไปขายนำเงินมาเป็นสินสอด ลูกสะใภ้มีหลานสาวหลานชายไว้สืบทอดวงศ์ตระกูล ถือว่าเป็นการกตัญญูต่อท่านยายเถียนแล้ว และลูกชายของนางก็ดูแลทะนุถนอมลูกสะใภ้เป็นอย่างดี มีอะไรที่จะต้องรู้สึกไม่ดีหรือ ในบ้านก็มีกันอยู่แค่นี้ไม่กี่คน โดยเฉพาะที่ต้องเจอเรื่องที่ลำบากมาด้วยกัน นางจึงต้องการแค่ให้ทุกคนอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัย นางมีชีวิตรอดมาได้จนบัดนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดีมากแล้ว
เมื่อวานตอนกลางคืน ท่านยายเถียนเห็นซ่งอิ๋นเฟิ่งหนาวจนตัวแข็งตอนเดินทางกลับบ้าน ตอนนางนั่งอยู่บนเตียงเตา นางใช้มือถูฝ่าเท้าไม่หยุด ดูฝ่าเท้าของนางสิ แข็งจนเป็นน้ำแข็ง นางรู้ว่าท่านย่าหม่าไม่ค่อยลงรอยกันกับนาง จึงนำผ้าห่มออกมาแยกชิ้นส่วน ควักเอาผ้าฝ้ายจากข้างในผ้าห่มออกมาแล้วนำมาทำเป็นรองเท้าให้ ตอนนี้ทำใกล้จะเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ตอนที่ซ่งอิ๋นเฟิ่งไปส่งของก็จะมีรองเท้าใหม่ใส่แล้ว
นางลืมตาขึ้นมา “ไอ้หยา น้องสะใภ้สามมาแล้วเหรอ นั่งลงเร็วเข้า ตรงนี้กำลังอุ่น”
คนอื่นได้ยินเสียงก็พากันหันกลับมามองและทักทายกลับเฉียนเพ่ยอิงอย่างกระตือรือร้น
ท่านยายหวังเอาข้าวสารจากห้องเก็บของออกมา ถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ หลานชายมีเรื่องอะไรจะให้พวกเราช่วยหรือ
เฉียนเพ่ยอิงบอกว่า นางมาเอาข้าวสาร อยากจะทำอาหารในบ้าน
นางยังพูดไม่จบ ท่านยายหลายคนก็ช่วยพูดเสริม
“พั่งยาทำงานเหนื่อยมาก พั่งยาทำงานเก่งด้วย เพราะฉะนั้นอาหารการกินก็ต้องไม่เหมือนพวกเรา เมื่อวานพวกเรายังพูดถึงว่าจะทำอาหารเฉพาะเป็นพิเศษให้กับพั่งยา หลานสาวโตขึ้นทุกวันก็ไม่ค่อยเข้ามาหาพวกเรา พอได้ยินพวกเราว่าจะทำอาหารให้ก็ไม่ยอม สุดท้ายนางเห็นแม่สามีของเจ้าทำบะหมี่ พวกเราจึงไม่ทำอาหารให้พั่งยา พั่งยาได้กินอะไรหรือยัง”
“ยัง นางยังนอนอยู่เลย”
“งั้นพวกเราจะทำอาหารให้นางได้หรือไม่”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ท่านยาย ท่านป้าทั้งหลาย ข้ามาเอาข้าวสารกลับไปเพื่อทำอาหารให้นาง นางตื่นเมื่อไหร่ก็ได้กินเมื่อนั้น”
ท่านยายทั้งหลายก็คิดเช่นนั้น อยากกินอะไรก็ได้กิน เอาไปทำที่บ้านจะสะดวกมากกว่า และยังนั่งกินบนเตียงเตาได้ด้วย
หลังจากนั้นเฉียนเพ่ยอิงก็เริ่มจัดของอีกครั้ง “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ท่านป้า ท่านยายทั้งหลายท่านให้เยอะมากไปแล้ว ข้าไม่ต้องการแล้ว”
ท่านยาย ท่านย่าทั้งหลายพูดเป็นคำเดียวกัน “เร็ว เอาไปด้วย ไอ้หยา”
ป้าใหญ่ของซ่งฝูเซิง “พวกเจ้าอย่าเถียงกัน เดี๋ยวคนจะได้ยิน”
เฉียนเพ่ยอิงอยากบอกว่าพวกเรามีกันไม่กี่บ้าน พวกท่านทั้งหลายก็เป็นคนดูแลบ้าน ทุกบ้านมีพวกนางเป็นคนคอยดูแลทั้งหมด มีท่านยายอยู่เจ็ดคน คนที่ออกไปทำงานส่วนตัวคนเดียวคือท่านย่าหม่า รวมกับลูกสะใภ้ของท่านลุงซ่ง ตอนนี้ก็ยังมีแค่เจ็ดคน สุดท้ายหากพวกเจ้าออกไปทำงานเพื่อรับเงินกองกลาง นั่นจะยิ่งทำให้ตัวเองต้องลำบาก
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ท่านไม่ต้องเอาแป้งละเอียดให้ข้า”
“ฟังพวกข้า คนพวกนี้อะไรก็ไม่กิน เจ้ารีบกลับบ้านเอาไปด้วย พรุ่งนี้พวกเราจะไปห้องใต้ดินเก็บผัก เดี๋ยวจะเก็บมาเผื่อเจ้าสักหน่อย ตั้งใจจะเก็บมาเยอะๆ และยังจะเก็บไว้ให้แม่ผัวของเจ้าอีกส่วนด้วย เจ้ามีงานมากมาย ไปๆ”
ได้ข้าวสารที่ดีที่สุดมาและยังมีแป้งละเอียด ทั้งยังให้น้ำมันงากับนางอีกครึ่งขวด ผักกาดดองเค็มเต็มไหและยังมีซอสอีกด้วย
เฉียนเพ่ยอิงแบกตะกร้าที่เต็มไปด้วยของกิน นางเดินไปได้สักพักก็หัวเราะขึ้นมา
ข้าว แป้ง น้ำมัน มีให้หมดเรียบร้อย เฉียนเพ่ยอิงคิดวางแผนในใจ
รอไห้ซ่งฝูเซิงตื่นแล้ว มีเวลาว่างเข้าไปในพื้นที่พิเศษ จะไปเอาเนื้อในตู้เย็นออกมา
เนื้อหมูและไข่ ไม่ต้องกลัวจะกินหมด
พื้นที่พิเศษจะเปลี่ยนแปลง เพิ่มของให้ไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะสามารถซื้อได้ จะกลัวอะไรหรือ กินหมดก็ไปซื้อใหม่ เมื่อถึงตอนนั้น ตอนออกไปซื้อกับข้าวให้ลูกสาวเสร็จก็เอาไปเก็บไว้ในพื้นที่พิเศษ ทำให้ตู้เย็นมีของเต็มตลอดเวลาก็พอแล้ว
ว่าแต่ ต้องบอกให้เหล่าซ่งโกหกซื่อจ้วงกับทุกคนว่าไปซื้อของช่วงที่เข้าไปเมืองถงเหยาเจิ้น เพราะวันนั้นเขาก็ซื้อของออกกลับมาเป็นคันรถ น้ำมัน เกลือ ซอสและก็น้ำส้มสายชู คงไม่มีใครสนใจ พรุ่งนี้ก็ต้องซื้อกลับมาอีกด้วย
เพราะยายาร้องไห้อีกแล้ว เพราะหนิวจั่งกุ้ยบอกว่าวันนี้ดื่มนมไม่ได้ นมที่รีดออกมาต้องเก็บเอาไว้ทำขนม ปริมาณไม่เพียงพอจึงต้องหยุดกินนมหนึ่งวัน คิดว่าดีหรือไม่ ให้พวกเจ้ากลับไปถามท่านพ่อท่านแม่ก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...