ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 231

พวกนางกำลังเดินต้านลม อีกทั้งยังมีทั้งหิมะตกและลมพัด ถึงแม้จะมีผ้าฝ้ายปิดปากอยู่ แต่ลมก็พัดปะทะใบหน้าจนทำให้กระดูกกรามปวดร้าว จมูกก็เย็นเป็นน้ำแข็ง ทำให้น้ำมูกใสๆ ไหลออกมา ดวงตาถูกทั้งหิมะและลมพัดจนลืมแทบไม่ได้

ยังดีที่สะใภ้สามทำเสื้อคลุมผ้าฝ้ายมาให้อีกชุด

หากอยู่ข้างนอก ถ้าอาศัยแค่เสื้อที่นางใส่มาตอนเช้า คือจะมีแค่ผ้าชั้นเดียวและผ้าบางๆ ในมือเป็นถุงมือที่ขาดจนเห็นนิ้ว ส่วนหูก็คงแข็งไปตั้งนานแล้ว

ทำไมถึงหนาวอย่างนี้ วันนี้หนาวจะตายอยู่แล้ว

“ขอบคุณ ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย” ยังมาไม่ถึงประตูเมืองแต่รถเข็นกลับติดอยู่ในกลางหิมะ เข็นอย่างไรก็ไม่ไป เข็นอย่างไรก็ไปไม่ไหว ระหว่างออกแรงเข็น หม้อนึ่งที่ถูกผ้าฝ้ายห่อไว้ขยับไปมาจนดูท่าน่าจะคว่ำแน่แล้ว

ยังดีที่มีคนขับเกวียนผ่านมา เขาน่าจะไปเมืองถงเหยาเจิ้น

เขาเห็นสองคนแม่ลูกที่เป็นผู้หญิง จึงลงจากรถมาช่วยพวกนางเข็นรถออกมาจากหล่มหิมะได้

“ท่านแม่ พวกเราต้องเอาขนมมาขายที่นี่หรือ”

“ใช่แล้ว” ท่านย่าหม่าที่เหนื่อยหอบ เอารถเข็นจอดไว้ที่หน้าประตูร้านน้ำชา

ซ่งอิ๋นเฟิ่งบอกว่า “ข้ารู้สึกตื่นเต้นจัง ร้านแบบนี้คนเข้า-ออกก็คงเป็นคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์”

“เจ้าจะตื่นเต้นทำไม ซ่งฝูกุ้ยก็เป็นคนที่มีจมูกหนึ่งอัน ตาสองดวงไม่ใช่หรือ”

ท่านยายหม่าคิดว่าจะทำท่าทางตื่นเต้นจนผิดสังเกตไม่ได้

ก่อนหน้าหลานสาวพานางไปเปิดโลกกว้าง ตอนนี้นางก็จะพาลูกสาวไปเปิดโลกกว้างเช่นกัน

พอเดินผ่านประตู น้ำจากหิมะหยดจากเสื้อคลุม ไหลหยด ติ๋ง ติ๋ง ท่านย่าหม่าเปิดผ้าคลุมศีรษะสีชมพูลายดอกไม้ออกแล้วกล่าว “จั่งกุ้ย วันนี้การค้าขายต้องดีเป็นพิเศษแน่ๆ”

“วันนี้หิมะตกหนัก การค้าขายดีหรือไม่คงคาดคะเนไม่ได้ แต่พอเห็นเจ้ากลับทำให้คนหัวเราะได้ทุกครั้งเลยนะ”

เถ้าแก่ร้านน้ำชาหัวเราะ เหอะๆ แล้วให้เสี่ยวเออร์รับขนมเค้กมาพร้อมส่งเข่งนึ่งอันเก่ากลับคืนไปและคิดเงินให้กับท่านย่าหม่า

ในขณะเดียวกัน ซ่งฝูเซิงซึ่งกำลังถือเครื่องวัดอุณหภูมิเพื่อวัดในห้อง เขาเดินวนไปทั้งสี่ด้านแล้วรีบเรียกประชุม

ที่ห้องใต้ดินตอนนี้ ถึงช่วงเวลาที่สำคัญแล้ว พวกเราจะไม่ดูแลไม่ได้แล้ว

ห้องใต้ดินอบอุ่นพอหรือไม่นั้น จากเมื่อวานตอนกลางคืนที่ป้าใหญ่ของซ่งฝูเซิงพบว่าหิมะตกหนัก นางจึงพาคนมาก่อกำแพงไฟ ทำให้อากาศในห้องอบอุ่น จึงรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี

แต่ซ่งฝูเซิงกลับไปทำแปลงปลูกพริกบนพื้นดิน ดังนั้นจะต้องก่อกำแพงเพิ่ม อาศัยช่วงที่ดินยังไม่เป็นน้ำแข็ง เมล็ดพันธุ์ก็ยังไม่ลงปลูกในแปลง ด้านตะวันตกของกำแพงไฟต้องก่อกำแพงไฟขึ้นมาอีกอันเพื่อป้องกันอากาศหนาว หากเมล็ดพันธุ์กลายเป็นน้ำแข็ง ทุกอย่างที่ทำมาก็จะต้องเสียเวลาทิ้งไปเปล่าๆ แน่

มีคนกล่าวไว้ว่า ความขยันของคนไม่สามารถปล่อยให้เสียเปล่า เหมือนน้ำไหลผ่านไปทางทิศตะวันออก

ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างพากันเลียนแบบซ่งฝูเซิงในการก่อหลุมทำอิฐดิน พวกเขาค่อยๆ เอาดินเหนียวมาแปะกำแพง ใช้ความคิดเหมือนกับซ่งฝูหลิงเรื่องที่เอาดินเหนียวมาเผาทำเป็นถาดดิน พวกเขาขุดดินเหนียวที่อยู่ข้างฝั่งแม่น้ำเข้ามากองไว้ในห้องจำนวนไม่น้อย ตอนนี้มีกองไว้ถึงครึ่งห้องแล้ว

ถึงตอนนี้ ท่านลุงซ่งตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด เจอใครต้องรีบส่งต่องาน ว่างเมื่อไหรก็ต้องรีบกระตุ้นให้ทำงานไม่หยุด ร้องบอก ฟืน ข้าว รวมทั้งดินเหนียวที่เอามาแทนอิฐ เอามาเพิ่มอีกสักหน่อยได้ไหม ตอนนี้อาจจะลำบาก แต่เมื่อถึงภายภาคหน้าจะได้ไม่ขาดทุนเยอะ

พวกเจ้าอย่ามัวรีรอให้ขี้มาจุกที่ตูด ข้างนอกกลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว ถึงตอนนั้นอยากจะเอาดินเหนียวกลับมาก็ทำไม่ได้ ถึงตอนนั้น อยากจะรีบร้อนแค่ไหน ก็เอาของกลับมาไม่ได้แล้ว

ดังนั้นทุกคนอย่าเพิ่งพัก อะไรที่ใช้งานได้ก็รีบขนเอาเข้าบ้านให้หมด

เวลาไม่กี่วันมานี้ ผู้ชายเกินครึ่งทำงานอยู่ข้างนอกจนจมูกแข็งเป็นสีดำคล้ำ ไม่ว่าจะเป็นผงถ่านหรืออิฐดิน ต่างเก็บสะสมไว้ได้ไม่น้อยเลย

ซ่งฝูเซิงขอให้ก่ออิฐเพิ่มเข้าไปและให้ทำกำแพงไฟทางด้านทิศตะวันตกของแปลงพริกด้วย และต้องทำกำแพงไปให้ยาวกว่านี้ วันนี้ต้องก่อกำแพงนั่นขึ้นมาให้ได้ อย่าเพิ่งเสียเวลาไปเอาเมล็ดพันธุ์ลงดิน

ท่านลุงซ่งไม่รู้ไปถึงแปลงปลูกได้อย่างไร ตอนนี้ต้นอ่อนพริกต้องอยู่ในถาด ทั้งหมดเป็นต้นอ่อนยังไม่เจริญเติบโต ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ อดคิดไม่ได้ว่ากำแพงไฟน่าจะเกิดปัญหาหรือไม่ “กำแพงไฟยาวเป็นแถบแบบนี้ ห้องยังไม่อบอุ่นอีกหรือ ก่อไฟไม่สะดวกหรือ อย่าให้ตรงไหนก่อไฟแล้วใช้งานไม่ได้เชียวนะ”

ซ่งฝูเซิงจึงร้องบอกว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นท่านลุงซ่ง ตอนนี้ในห้องยังอบอุ่นดี แต่ พวกเราควรต้องวางแผนทุกเรื่องล่วงหน้าไว้ก่อน…

…ท่านดูวันนี้ ยังไม่ทันเข้าเดือนสิบสองยังหนาวขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหรือต่อไปจะยิ่งหนาวกว่านี้ อากาศอาจจะติดลบถึงสามสิบองศาเซลเซียส หากมีกำแพงไฟเพิ่มอีกหนึ่งด้านก็จะยิ่งทำให้ปลอดภัย…

…และอีกอย่าง ตอนที่พวกเราอพยพมาจากทางด้านโน้นเป็นช่วงที่มีฝนตกหนัก เมื่อเดินทางมาสักพักทางด้านทิศเหนือนี้กลับแห้งแล้ง อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลัวว่าฤดูหนาวนี้จะไม่เหมือนที่ผ่านมา อากาศอาจจะหนาวจัด ซ้ำยังกลัวว่าอากาศหนาวจัดจะยาวนานกว่าปีที่แล้วด้วย”

เมื่อพูดออกมาอย่างนี้ ทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้นกังวลไปด้วย

เรื่องแรก “ทุกคนต้องใช้สองมือจับกันให้แน่น จะต้องรักษาความอบอุ่นของแปลงปลูกพริกและห้องใต้ดินที่ปลูกผักราคาแพงไว้ และไม่หยุดที่จะเก็บผัก สะสมฟืนไว้ให้เป็นจำนวนมาก วันไหนที่ทุกคนเข้ามาใช้ฟืนดังไฟ ต้องให้มีฟืนเพียงพอเหลือใช้”

ซ่งฝูเซิงพูดถึงจุดมุ่งหมายที่สองต่อ “เราต้องก่อกำแพงไฟในห้องปลูกพริก คนที่ต้องช่วยกันก่อเตาเป็นผู้หญิง ส่วนพวกผู้ชายร่างกายกำยำ ต้องมาทำงานหลักของวันนี้ ทุกคนต้องเร่งทำงานแข่งกับหิมะที่ตกลงมา ตอนนี้หิมะสูงใกล้จะเท่าหลังคาแปลงปลูกผักแล้ว เราก็ต้องรีบก่อต้องก่อกำแพง”

เกาถูฮู่บอกว่า “อากาศแบบนี้ จะขุดหลุมคงไม่ง่าย ต้องอาศัยโอกาสที่ตอนนี้ดินยังไม่ได้เป็นน้ำแข็งทั้งหมด เราต้องรีบจัดการ”

ถูกต้องแล้ว กำแพงของพวกเขาไม่เหมือนกับบ้านอื่น

กำแพงของพวกเขามีเสาไม้ที่ตั้งเสาสูงกว่าบ้านอื่นหลายเท่า ปลายไม้ต้องแหลมคม เพราะว่าพวกเขาตั้งใจเหลามันจนแหลม

ไม่เพียงแค่นั้น ข้างในกำแพงนั่นพวกเขายังขุดหลุมพราง เผื่อมีเสือหรือหมาป่ากระโดดเข้ามาในบ้าน ถ้าเป็นอย่างที่ยกตัวอย่างเราก็ต้องขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่เข้าไว้

และยังบอกอีกว่า ถ้าพวกสัตว์ป่าดุร้ายบุกเข้ามา สมมุติว่าเป็นสัตว์ตัวใหญ่ที่สามารถหลบเสาที่แหลมทางด้านหน้าได้ ก็ยังมีหลุมขนาดใหญ่และลึก ที่ด้านล่างก็มีไม้แท่งแหลมเสียบอยู่ดักไว้อีกชั้น

ซ่งฝูเซิงบอกว่า ถ้าอากาศยังหนาวยาวนานต่อไป สัตว์ป่าบนภูเขาข้างบนเองก็จะไม่มีอะไรกิน พวกสัตว์ร้ายจะต้องลงมาข้างล่างเพื่อหาอาหาร หากเป็นเช่นนั้นก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ ดังนั้น ระหว่างที่พื้นดินยังไม่เป็นน้ำแข็ง เราต้องรีบขุดและเจาะดินลงไป ต้องขุดหลุมให้ลึกและกว้าง

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นอกจากก่อกำแพงไฟที่แปลงปลูกพริกและถักเสื่อรอไว้ ที่เหลือทุกคนต้องไปช่วยกันขุดหลุมอย่างพร้อมเพรียง ไปช่วยกันใช้ไม้เสียบตามรั้ว ถึงตอนนั้น ความปลอดภัยของชีวิตจะต้องมาเป็นอันดับแรก

“สุดท้ายคือเถาฮวา วันนี้เจ้าต้องถักเสื่อหญ้า พวกเจ้ากับเด็กสาวและแม่บ้าน ต้องไปหาป้าสะใภ้สาม เฉียนเพ่ยอิง…

…นางจะบอกกับพวกเจ้าว่าจะใช้หญ้าถักให้เป็นเสื้อคลุมได้อย่างไร และสอนการใช้หญ้าถักไว้สวมทับรองเท้าฝ้ายด้านนอก”

ซ่งฝูเซิงกำลังคิดว่าพรุ่งนี้หลังเที่ยงคืนจะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตชุดแรกของกระเทียมเหลือง จากนั้นต้องเอาไปส่งขายให้ได้วันเว้นวัน หญ้าเหล่านี้สามารถรักษาความอบอุ่นได้ เมื่อสวมใส่บนเท้าก็ยังสามารถป้องกันหิมะได้ด้วย หากนำมาถักให้เป็นรองเท้าบูทที่มีขนาดเท่ากับรองเท้าจริง พวกเจ้าต้องทำให้รองเท้าฝ้ายแห้งอยู่เสมอและไม่ปล่อยให้หิมะโดนร่างกายจากทางปลายเท้า

ด้วยเหตุนี้พวกเด็กผู้หญิงจึงพากันไปที่บ้านซ่งฝูเซิง

ซ่งฝูหลิงยืนอยู่ข้างๆ มองดูและเรียนรู้ไปด้วย แต่นางพบว่าตัวเองเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ เพราะเรื่องการถักเสื้อพวกนี้ นางทำได้ช้าเหมือนใช้กีบหมูถัก นางจึงเลิกนอนขี้เกียจบนเตียง แต่รีบลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อไปห้องอบขนม

สองวันนี้นางต้องกัดฟันทำขนมเค้กสามสิบห้าหม้อ ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าที่ได้รับมา และอาศัยช่วงนี้ทำไอศครีมนมให้กับเฉียนหมี่โซ่วไปด้วย

ตอนนี้ทำขนมเค้กสามสิบห้าหม้อเสร็จออกมาหมดแล้ว ที่ข้างนอกท้องฟ้ามืดแล้ว แต่ท่านย่าหม่ากับท่านน้ายังไม่กลับมา หิมะก็ยิ่งตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว