ตอนที่ 230
ซ่งฝูหลิงทำงานเอาเป็นเอาตายทั้งวัน ผลก็คือทำให้ทุกคนเข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างมาก
ท่านย่า ท่านน้าสะใภ้เข้าไปทำกับข้าว พวกเขาเข้าไปหุงข้าวเหมือนปกติ
ลองคิดดู จากตอนเช้าจนถึงตอนนี้ นางนวดแป้งไม่หยุด นวดจากกลางวันจนถึงกลางคืนข้อมือคงปวดร้าวไปหมด
ที่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะพวกเขาเป็นคนที่ใช้แรงงานมาตลอด และยังคิดว่าเป็นเพราะนางอายุยังน้อย จึงน่าทำงานได้มาก ร่างกายแข็งแรงกำยำ
ขนาดพั่งยาอายุแค่สิบสามขวบ รูปร่างผอมสูง ยังสามารถทำงานได้ทั้งวัน ทุกคนต่างซุบซิบกัน ไม่รู้ว่าวันนี้แขนของเด็กสาวจะยกขึ้นหรือไม่ ดังนั้น ทุกคนจึงพากันพูดถึงเรื่องนี้ พั่งยาทำงานเก่ง เป็นคนซื่อตรง จะหาใครมาเทียบกับพั่งยาคงยาก
ยากเพราะอะไร
พ่อของพั่งยาคือใครกัน พ่อของนางคือซ่งฝูเซิงไง
ผลกำไรของการขายพริกได้ส่วนแบ่งเจ็ดส่วน ทำงานส่วนกลางได้เงินสิบส่วน อันที่จริงที่บ้านของเขาไม่จำเป็นต้องให้ลูกสาวออกมาลำบาก
วันนี้ทุกคนที่ได้ยินต่างหูผึ่ง ตอนอยู่ในห้องอบขนม ซ่งฝูเซิงพยายามขอร้องพั่งยาหลายครั้งว่าอย่าทำเลย บ้านเจ้าก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง แค่ทำเล่นๆ ก็พอแล้ว ทำไมต้องลำบากขนาดนี้ ถ้าไม่กล้าพูดกับท่านย่า ซ่งฝูเซิงจะไปคุยกับท่านแม่ของเขาให้เอง
แต่พั่งยาบอกว่า ไม่ได้ เหมือนกับตอนที่นั่งอยู่ในห้องทำขนม แม้แต่ข้าวที่กิน ก็คืออาหารที่เฉียนเพ่ยอิงเป็นคนมาส่งให้
ท่านย่าหม่ามีแววตาสงสาร เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านย่าหม่าถึงเห็นคุณค่าของหลานสาวคนนี้
หลานสาวแบบนี้ นางสามารถทำขนมได้ และยังคิดสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ มีแต่ความเฉลียวฉลาด แม้พ่อจะบอกไม่ให้ทำงาน ไม่ต้องหาเงิน พั่งยาก็ไม่ฟัง ยังต้องการหาเงิน ดูสิ นางรู้จักใช้ชีวิต หลานสาวแบบนี้ ถ้าไปอยู่บ้านไหน ผู้คนก็ต้องทั้งรักทั้งเอ็นดูไม่น้อย
ท่านย่าก็คือท่านย่าหม่า นั่นยิ่งถูกทำให้เข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น
ซ่งอิ๋นเฟิ่งกำลังจัดเก็บห้องทำขนม กวาดพื้น เช็ดคราบน้ำและดับไฟเตาอบทั้งเจ็ดเตา ตรวจสอบกระสอบข้าว และดับไฟที่กำแพงไฟ ปิดปากเงียบเชียบขณะทำงาน
ท่านย่าหม่าอยู่ข้างๆ พูดกับนางว่า “ในห้องนี้ช่างอึดอัดเหลือเกิน พั่งยาอยู่ที่นี่ทำขนมปังทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ เตาอบเจ็ดเตา จุดไฟพร้อมกัน ทั้งวันต้องทำงานและยังต้องยืน หนึ่งวันคงวุ่นกับการอบขนมจากเตา ถ้าจะพูดว่าร้อนไหม ก็คงร้อนมาก ออกไปข้างนอกให้ลมเย็นๆ พัดสักหน่อย แต่ลถูกลมเย็นจะป่วยไหม”
พูดเสร็จ นางก็ทำท่าจะไปที่บ้านหลานสาว แต่ซ่งอิ๋นเฟิ่งห้ามไว้ทัน “ท่านแม่ พั่งยาเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้น่าจะหลับแล้ว ท่านอย่าไปเลย น้องสามกับสะใภ้สามเป็นคนละเอียดอ่อน คงไม่ทำให้พั่งยาถูกลมเย็นจนป่วยหรอก”
ท่านย่าหม่าได้ยินดังนั้นจึงเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว แต่ว่าหญิงสูงวัยก็ยังไม่เข้าใจ หลานสาวของนางเพิ่งมาเริ่มทำขนมตอนเที่ยง ท่านย่าหม่าเข้าใจว่าตั้งแต่ที่พวกนางออกเดินทาง หลานสาวก็เข้าตามมา ดังนั้นก็ยิ่งเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก
ท่านย่าหม่ายกมือขึ้นมานับ มิน่าล่ะ หลานสาวบอกว่า จะรับของไปขายเยอะไม่ได้จริงๆ เพราะทำไม่ทันเวลานี่เอง อบไปยี่สิบสามหม้อต้องใช้เวลานานขนาดนี้
ไม่ผิด ขนมเค้กยี่สิบสามหม้อ
ท่านย่าหม่าเข้ามาในห้องทำขนม ในห้องเหลือขนมเค้กแค่พอดีขายและยังต้องอบขนมอีกในวันมะรืน จริงๆ นางทำครั้งเดียวครบยี่สิบสามหม้อและเอาเข้าไปเก็บไว้ในพื้นที่พิเศษเรียบร้อยแล้ว
ซ่งฝูหลิงช่างฉลาดเหลือเกิน นางจะปล่อยให้ท่านย่าพบความสามารถนี้ไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะจะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเองต้องลำบาก
ถึงตอนนี้ ท่านย่าหม่าได้แต่ถอนหายใจยาว
เพราะเค้กหนึ่งหม้อต้องเอากระดาษแก้ววางก่อนค่อยนึ่ง หม้อเค้กหนึ่งหม้อจะอยู่ในเข่งนึ่งหนึ่งอัน ยิ่งเป็นขนมเค้กขนาดยี่สิบหกชุ่นแล้ว ยิ่งมีความสูงมาก
ถ้าตอนที่ขายเอาเข่งที่นึ่งวางเรียงกันเป็นยี่สิบกว่าชั้น หากมองใกล้ๆ จะดูสูง น่ามองมาก
เห็นเข่งนึ่งยี่สิบสามชั้นวางซ้อนกัน นางรู้สึกได้ว่าหลานสาวน่าจะเหนื่อยไม่น้อย
ท่านย่าหม่าตีนกาขึ้นบนหน้า ในใจเหมือนกับกำลังพูดกับหลานสาว
ท่านย่ารู้ว่าเจ้าเหนื่อย ย่าเข้าใจแล้ว
แต่ว่าพั่งยา สูตรขนมของพวกเรา เจ้าห้ามเอาไปสอนให้คนอื่น
นี่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเจ้า แม้กระทั่งต่อไป เจ้าแต่งงานไปอยู่บ้านแม่สามี แม่สามีบังคับเจ้าให้บอกสูตร
เจ้าก็ต้องบอกว่า นี่เป็นสูตรฟ้าประทาน เจ้าต้องฉลาดหาทางออก พวกเราต้องเก็บสูตรไว้ให้ได้ ต่อไปเจ้าต้องเหนื่อยสักหน่อย ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
ซ่งอิ๋นเฟิ่งเห็นท่านแม่ทำท่าครุ่นคิดอย่าง จึงพูดบางอย่างออกมาจากใจ ซึ่งพูดแล้วอาจจะทำให้นางรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจไม่น้อย
แต่นางก็จะทำให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด “ท่านพูดแบบนี้ แต่ว่าหลานสาวกลับไม่อยู่ตรงหน้านี้ ท่านแม่ก็เป็นถึงขนาดนี้แล้ว”
แต่ในความเป็นจริง ซ่งฝูหลิงที่ทำงานทั้งวัน เมื่อนางกลับไป ยังบังคับให้พ่อ ท่านแม่ หมี่โซ่วสระผมต่อ ตัวนางเองก็สระผมด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...