พวกผู้ชายหลายคนที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ความหวัง แต่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเมื่อยามได้ยินเสียงของเด็กๆ ท่องหนังสือพร้อมกัน แต่ละคนก็รู้สึกอบอุ่นใจ
“พวกเจ้าไปหาบน้ำ มายืนทําอะไรกันอยู่ตรงนี้ มัวแต่ชักช้าอืดอาด” ลุงซ่งออกมาจากโรงพริกแล้วเอ่ยขึ้นมา
“นั่นไง ท่านลุง ท่านได้ยินหรือไม่? ท่านรีบมาฟังสิ”
“…มา” เป็นช่วงจังหวะที่ไม่ดีที่พวกเด็กๆ ท่องมาจนถึงคำสุดท้ายแล้ว พวกเขาท่องไปสี่รอบแล้ว ต้องพักหายใจบ้าง พี่พั่งยาคอยดูแลจัดหาน้ำให้พวกเขาดื่ม
หรือจะพูดได้ว่า ท่านลุงซ่งไม่ได้ยินอะไรเลย “…”
เขาอยากจะเตะพวกชายฉกรรจ์นี้สักที “รีบไปทํางานโดยเร็ว ไม่ตั้งใจทํางานจะหักคะแนนงานของพวกเจ้า!”
“รับทราบ” หลังจากที่พวกเขาโดนตำหนิ พวกเขาก็รีบยกถังน้ำขึ้นทีละถัง ทยอยเดินกันไปยังโรงปลูกพริกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ในขณะเดียวกัน ด้านฝ่ายผู้หญิงก็กำลังทําดินผสมไว้ฉาบสิ่งก่อสร้างกับถักเสื่อด้วยตนเอง พวกนางกำลังยุ่งอยู่กับงานที่ทำ
ตอนนี้ดินผสมที่จะต้องเอามาก่อสร้างยังคงทําอยู่ แม้ว่าตั่งจะสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผนังเตาผิงก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้เสื่อก็มีมากพอสำหรับใช้แล้ว
แต่ถ้าจะทำตามคําพูดนี้ของซ่งฝูเซิงกับท่านลุงซ่งก็คือ
เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามันจะมีมากเกินไป ต้องรีบสร้างบ้านช่วงเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ถ้าเกิดอยากได้อะไร แต่ขาดแคลนขึ้นมาจะลำบาก พวกเราเริ่มต้นด้วยสองมือเปล่าตั้งแต่แรก ต้องเริ่มทำสะสมทีละเล็กทีละนิดเพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าไว้ก่อน
ตอนไหนที่ได้นำดินกับหญ้ามา ก็จะนําไปทําเป็นเสื่อ ผสมดินสำหรับก่อสร้าง รวมทั้งดินเหนียวที่เหลือจากการเผาอิฐก็ทำกันไปเรื่อยๆ
อย่าว่าแต่พวกผู้หญิงนี้เลย แม้แต่พวกชายฉกรรจ์ก็ทำงานเผาถ่านอยู่ข้างนอกไม่ได้หยุดพัก ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ
อย่างไรก็ตาม คงจะเผาถ่านได้ต่อไปอีกไม่กี่วันเพราะไม่สามารถเผาไม้จนหมดได้ ต้องเก็บกักตุนไว้บ้างเพราะต้นไม้ที่ตัดมีจำนวนจำกัด จำเป็นต้องเก็บไว้ส่วนหนึ่ง
ดังนั้นคาดว่าเด็กๆ จะหยุดทํางานก่อนพวกผู้หญิง
วันนี้เหอซื่อทํางานอย่างขยันขันแข็งเป็นพิเศษ นางตื่นแต่เช้าก็ลุกมาทำงานแล้ว
นางเป็นคนแรกที่มาถึง ส่วนเถาฮวามาเป็นคนที่สอง
ทั้งสองคนมองสบตากันด้วยรอยยิ้ม เถาฮวาทักทายท่านป้าใหญ่ก่อนจะนั่งลงบนตั่งที่มีเสื่อปูรองไว้แล้วเริ่มถักเสื่อ
เหอซื่อไม่พูดอะไรอีก นางเริ่มนำดินมาทําเป็นก้อนอิฐ วางไว้อยู่ด้านข้าง
สองคนนี้ต่างคิดในใจว่า วันนี้จะตั้งใจทําผลงานออกมาให้ดี ให้คนที่ทํางานด้วยกันเห็นว่าเราไม่ได้ทํางานน้อยไปกว่าคนอื่น จะได้ไม่มีใครมานินทาลับหลังได้
ถ้าทำเช่นนี้แล้ว ตอนเที่ยงก็สามารถหยุดพักงานได้เร็วหน่อย ช่วงหยุดพักสามารถออกไปต้อนรับท่านย่าหม่ากับซ่งอิ๋นเฟิ่ง
ส่วนจูซื่อหลังจากวุ่นวายใจมาตลอดทั้งคืน ตอนนี้นางก็คิดได้แล้ว
ต่อให้คิดไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์
เมื่อคืนนางนอนอยู่บนเตียง คลุมผ้าห่มผืนเดียวกันกับซ่งฝูสี่ นางบ่นพึมพําว่าท่านย่าของจินเป่าลําเอียง คอยใช้แต่พี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ยอมใช้นาง นางจึงโดนซ่งฝูสี่ต่อยไปหนึ่งหมัด
นางเกือบจะร้องด้วยความเจ็บปวด ราวกับถูกทุบที่ซี่โครงแปดซี่ ตอนนั้นร่างกายเจ็บจนต้องขดตัว
ซ่งฝูสี่กลับไม่ถามสักคํา เมื่อเขาเห็นนางเจ็บเช่นนั้น เขาก็พลิกตัวนอนและพูดออกมาว่าถ้าไม่นอนก็ไสหัวออกไป ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้ายังกล้าพูดจาไม่ดีกับแม่ของข้าอีก ข้าจะถีบเจ้าลงพื้น
หลังจากนั้นจูซื่อก็หยุดไปสักพัก
อีกอย่างนางก็เคยคิดคํานวณบัญชีไว้ นางมีความคิดเป็นของตัวเอง
จูซื่อคิดในใจ ต้ายาเอ้อร์ยาเป็นลูกสาวแท้ๆ ของนาง ท่านย่าหม่าก็พูดไว้ให้นำเงินครึ่งหนึ่งส่งมอบให้กับครอบครัว
ถ้าเช่นนั้นเงินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งของต้ายาเอ้อร์ยา นางก็สามารถเอามาเก็บไว้ได้
เงินครึ่งหนึ่งของเด็กทั้งสองคนได้เท่าไร? หากเป็นไปตามที่ท่านย่าหม่าบอกเมื่อวาน คนหนึ่งทำงานเต็มเดือนก็สามารถหาเงินได้สองตำลึงกว่า มอบเงินครึ่งหนึ่งให้ครอบครัวจำนวนหนึ่งตำลึงกว่า ลูกสาวสองคนของนางถูกเลือก ในเดือนหนึ่งนางก็จะได้รับเงินสองตําลึงครึ่ง
เงินก้อนนี้เป็นเงินที่เหลือเพื่อเก็บสะสมไว้ ดีกว่าที่นางทำงานหาเงินโดยที่ต้องใช้คะแนนการทำงานเพราะมันเป็นเงินอาหารส่วนกลาง นางทำงานได้เงินมาก็ต้องมามอบให้กับท่านย่าหม่า
จูซื่อเพียงแค่ได้คิดว่า ทุกเดือนนางจะได้ถือเงินจำนวนสองตําลึงกว่าอยู่ในมือ โดยที่ท่านย่าหม่าไม่สนใจที่จะจัดการกับเงินจำนวนนี้ นางก็รู้สึกตื่นเต้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...