มีนาฬิกาทรายนี้แล้วสามารถสอนคนพวกนั้นทําเค้กได้อย่างสะดวก อย่างน้อยก็ไม่ต้องพูดเตือนพวกเขาซ้ำซาก
ทุกอย่างที่เป็นเครื่องจักรก็ดี
ทุกอย่างสามารถจับเวลาได้
ซ่งฝูหลิงมองนาฬิกาทรายสิบอันที่ตนเองเพิ่งทำขึ้นมาใหม่และเอ่ยชื่นชมตัวเอง “โอ้ ข้าก็มีความเฉลียวฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย” ด้านนอกก็มีเด็กที่ฉลาดกว่ากําลังเคาะประตู
“พี่สาว พี่สาว เปิดประตู”
“มาแล้ว”
ซ่งฝูหลิงเปิดประตูห้องทำเค้ก
เฉียนหมี่โซ่วใบหน้าแดงระเรื่อ มือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยโคลน แค่มองไปที่มือของเด็กน้อยก็รู้ว่าหนาวไม่น้อย หนาวจนมือแข็งทื่อยื่นออกมาตรงๆ ไม่ได้ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเงยหน้าพูดขึ้น
“พี่สาว พี่จินเป่าบอกว่า วันนี้ยุ่งมาทั้งวันแล้ว จานที่พี่ต้องการเผาออกมาได้สองจานแล้ว พวกเรายังทําที่เป่าลมสามอันด้วย สามอันเลยนะ” เขารีบพูดต่อทันที “เมื่อไหร่ถึงจะได้กินเค้ก?”
ซ่งฝูหลิงรีบพาหมี่โซ่วเข้ามาข้างใน นางใช้น้ำที่เก็บไว้ในห้องเค้กล้างมือให้น้องชายแล้วพามาหน้าเตาเพื่อผิงไฟ ก่อนจะช่วยถูใบหน้าที่แดงระเรื่อของน้องชาย
“หนาวไหม? ทําไมถึงไม่ใส่ถุงมือ?”
“มือสกปรกเต็มไปด้วยโคลน พี่สาว นั่นอะไรน่ะ” เฉียนหมี่โซ่วลุกขึ้นยืน ก่อนร่างเล็กจะหลบซ่งฝูหลิงที่ดึงเขามาผิงไฟ เขาแสร้งทําเป็นเดินผ่านโต๊ะที่วางเค้กไว้อย่างไม่ตั้งใจ “วันนี้กินไหม?”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กลัวความเหน็บหนาว เขาเกรงว่ายุ่งอยู่ทั้งวันแล้วจะไม่ได้กินเค้ก
ซ่งฝูหลิงพูดกับหมี่โซ่วด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นเจ้าก็ไปเรียกพวกเขากลับมาเถอะ วันนี้งานเผาจานกับการทําที่เป่าลมเสร็จสิ้นแล้ว พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ ให้พี่จินเป่าดับไฟแล้วให้พวกเขามาที่บ้านของเราเถอะ”
“แบ่งเค้ก?” ดวงตาของเฉียนหมี่โซ่วเป็นประกายและน้ำเสียงก็ฟังดูสดใสขึ้น
“ใช่ แบ่งเค้ก”
เด็กน้อยรีบวิ่งออกไปด้วยความดีใจ แม้อยู่ห่างไกลก็ได้ยินเสียงของหมี่โซ่วตะโกนเรียกพรรคพวก “จะแบ่งเค้กกันแล้ว พากันมาที่บ้านทั้งหมด”
เค้กดอกไม้เล็กๆ สีแดงและสีส้มขนาดหกนิ้วที่อยู่ตรงหน้าเฉียนหมี่โซ่วและเด็กๆ เป็นเค้กที่พวกเขาตั้งตารอคอย
ก่อนหน้านี้ ซ่งฝูหลิงสั่งให้พวกเขาทํางานก็อาศัยบารมี
ตอนเช้าของวันนี้นางสั่งกําชับให้พวกเด็กๆ ทํางาน โดยมีเค้กขนาดหกนิ้วนี้เป็นของรางวัลตอบแทนและดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการอาศัยบารมี
นางบอกว่า ถ้ามีคนงอแงอย่างไร้เหตุผล หรือบางคนอยู่ใกล้เตาแล้วถูกลวก หรือบางคนอู้งานไม่ยอมทํางานดีๆ หรือมีเด็กทะเลาะวิวาท ไม่สามัคคีกัน หากเกิดสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น พวกเราก็ต้องรอจนถึงวันที่พวกเราทำได้ตามข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วค่อยกินเค้ก
ตอนนั้นพวกเด็กๆ พากันสั่นหัว ไม่ทําเช่นนั้นเป็นอันขาด พวกเขาสามัคคีและมีความ สัมพันธ์สนิทสนมกันมาก
ซ่งฝูหลิงยังบอกก่อนหน้านั้นว่า ถ้าวันนี้เผาจานออกมาไม่ได้ ถ้าไม่มีจานก็ทําเค้กไม่ได้ ทำให้เสียเวลาในการหารายได้ ถ้าเช่นนั้นเค้กก้อนนี้ก็ต้องเอาไปขายเพื่อหารายได้ก่อน
พวกเด็กๆ ต่างพากันบอกว่า ไม่ทำเช่นนั้นหรอกและไม่นอนกลางวัน เพื่อที่จะเผาจานออกมาให้พี่สาว พี่สาวสามารถวางใจได้ พี่พั่งยา อย่าขายมันก็แล้วกัน
ดูเด็กแต่ละคนต่างกระตือรือร้น มีชีวิตชีวากันมาก เป็นพลังที่แข็งแกร่งไม่น้อย
ซ่งฝูหลิงถือเค้กวันเกิดที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว นางล็อคประตูห้องเตาอบแล้วรีบกลับบ้านไปก่อน
วันนี้ไม่ใช่แค่นางยุ่งอยู่คนเดียว ท่านย่าก็ยุ่ง ทุกคนต่างก็ยุ่งเหมือนกัน
แน่นอนว่าทุกคนยุ่งอยู่กับงานทุกวัน ที่สําคัญคือวันนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ของนางก็ยุ่งมาก
ตอนเช้าเฉียนเพ่ยอิงบอกไว้แล้วว่า วันนี้ไม่มีเวลาทำอาหาร ให้ไปกินข้าวร่วมกับทุกคน
เพราะวันนี้ต้องเตรียมดินไว้ให้พร้อม เนื่องจากครั้งก่อนนำดินจากบนเขามา จึงจำเป็นต้องพรวนดิน ให้ดินที่มาจากเขากับหน้าดินบริเวณที่จะปลูกต้นพริกผสมกัน ดินบนภูเขาอุดมสมบูรณ์ หวังว่าต้นกล้าพริกจะเจริญเติบโตได้ดี
วันนี้ไม่ใช่เพียงแค่เตรียมดินไว้ให้พร้อมเท่านั้นและยังต้องนําต้นกล้าพริกที่สูงขนาดสามนิ้วย้ายออกจากกระบะเพาะต้นกล้า เพื่อนำออกมาปลูกอย่างจริงจัง
หากต้นกล้า ไม่ต้องกลัวว่าต้นจะไม่โต เช้านี้ซ่งฝูเซิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาเดินอย่างว่องไว
เพราะมันหมายถึงการเพาะปลูกพืชอย่างเป็นทางการ ดูแลต้นกล้าอีกประมาณยี่สิบวัน ก็จะสามารถเก็บพริกรอบแรกได้แล้ว ลองใช้นิ้วมือคํานวณ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เก็บผลผลิตก่อนหน้าหนาวที่จะมาถึงก็ได้
ฤดูหนาวที่จะมาถึงนี่ ถือเป็นช่วงฤดูกาลที่คนโบราณให้ความสําคัญมาก
ฤดูหนาว กว่าจะถึงวันสิ้นสุดก็เป็นช่วงระยะเวลาอันยาวนานที่สุด
คนในยุคนี้จะให้ความสําคัญกับการเคารพผู้ใหญ่ มีการมอบรองเท้าถุงเท้าเพื่อเป็นการให้เกียรติ เพราะช่วงหน้าหนาวมีระยะเวลานานและถือเป็นการอวยพรผู้ใหญ่ในครอบครัวให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว
นอกจากนี้ฤดูหนาวยังมีความสำคัญกับซ่งฝูเซิงมาก เพราะคนยุคนี้ไม่ว่าที่บ้านจะมีเงินหรือไม่มีเงินก็จะต้องกินเกี๊ยวให้ได้และยังใส่ใจกับการทำไส้เกี๊ยวด้วยการใช้เนื้อสัตว์ ผัก และเครื่องปรุงรสอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้แผ่นเกี๊ยวที่ดีที่สุดในบ้านมาห่อเกี๊ยว
เมื่อถึงตอนนั้น พริกของเขาที่นําออกมาขาย ครอบครัวคนร่ำรวยก็จะซื้อพริกประหลาดนี้ที่เพิ่งพบเห็นครั้งแรก เป็นผักสดใหม่ที่ดีและแพงที่สุด คนมีเงินก็คงอดใจซื้อพริกกลับไปห่อเกี๊ยวในช่วงหน้าหนาวนี้ไม่ได้
ครุ่นคิดกันไปไกลแล้ว
เมื่อหันมามองเด็กพวกนี้ก็เห็นพวกเขาพากันกลับมายังบ้านของซ่งฝูเซิง
แต่ละคนดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
เพราะก่อนเดินทางมาหมี่โซ่วได้บอกกับพวกเขาว่า ท่านป้ารักความสะอาด ก่อนเข้าบ้านจะต้องกระทืบเท้าสลัดหิมะออกเสียก่อน มิเช่นนั้นท่านป้าจะต้องทำความสะอาดและต้องเหนื่อยกับการเก็บกวาดบ้าน
พวกเด็กๆ ยืนต่อแถวตรงประตู พวกเขากระทืบเท้าเพื่อให้หิมะที่เกาะอยู่บนเท้าหลุดออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...