ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 25

ทะลุมิติทั้งครอบครัว ตอนที่ 25 เป็นกังวล
ตอนที่ 25 เป็นกังวล

ท่านลุงหลี่เจิ้งเงยหน้าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น มองมาที่ซ่งฝูเซิง

เด็กคนนี้คือคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่

จนค่อยๆ มีอนาคตจนถึงทุกวันนี้ ในพื้นที่นี้ หลายปีที่ผ่านมาเคยมีบัณฑิตอาวุโสซิ่วไฉคนหนึ่ง และก็มีเด็กคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ที่มีความรู้มากที่สุด อีกทั้งยังเคยสอบได้ถงเซิงและยังเป็นตำแหน่งอันดับต้นด้วย

ต้องเข้าใจว่า การที่ครอบครัวเกษตรกรในชนบทส่งคนไปเล่าเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ส่งบัณฑิตไปสอบจนสามารถสร้างชื่อเสียงคนหนึ่งได้ ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก

ในเวลานั้น เขาอยู่ในฐานะหัวหน้าตระกูลซ่งและมีตำแหน่งเป็นหลี่เจิ้ง เขาดีใจมากกว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเด็กเสียอีก

เพราะรู้จักนิสัยของเด็กคนนี้ดี รู้ว่าจะต้องมีเป้าหมาย เขาจึงถามอย่างมีความหวังเล็กน้อย “ไม่หนีได้ไหม? แอบซ่อนตัว หรือแอบอยู่บนภูเขาก็ได้”

ซ่งฝูเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ท่านลุง บ้านข้ามีที่ดินทั้งหมดสิบสามไร่ ถ้าตามสภาพอากาศปกติ หนึ่งปีมานี้พี่ชายใหญ่กับพี่ชายรอง พวกเขาทั้งไถนา ทำงานหนัก ปวดเอวจนไม่สามารถยืดตัวได้ แต่กลับได้ผลผลิตไม่กี่ตัน…

…ข้าจะคํานวณบัญชีให้ท่านดู ข้าวสารหนึ่งปีของครอบครัวข้ามีเกือบเจ็ดร้อยห้าสิบกิโลกรัมต่อปี สิบคนกินข้าว แต่ละคนจะได้ข้าวเจ็ดสิบห้ากิโลกรัมต่อปี หกจุดห้ากิโลกรัมต่อเดือน ร้อยยี่สิบห้ากรัมต่อมื้อ…

…ชายรูปร่างกำยำทำงานหนักหนึ่งคน ร้อยยี่สิบห้ากรัมไม่พอแน่ ต้องประหยัดและปันส่วนมาจากการกินของผู้หญิงกับเด็ก…

…พวกเด็กหิวจนร้อง บอกว่าย่าใจดำให้กินแต่ข้าวต้ม…

…สถานการณ์บ้านของข้าในตอนนี้ คนในครอบครัวข้ายังถือว่าน้อยนัก พี่ชายทั้งสองของข้า เมื่อว่างจากทำไร่ไถนาก็ออกไปรับจ้าง ทุกปีข้าต้องส่งเงินมาที่บ้าน ในหมู่บ้านยังถือว่าพอมีกินมีใช้บ้าง…

…หมู่บ้านของพวกเรา คนส่วนใหญ่ยังต้องเช่าที่ เก็บผลผลิตได้ก็ยังต้องแบ่งให้เจ้าของที่ถึงสี่ส่วน ข้าไม่กล้าคิดว่าในชีวิตประจำวันคนพวกนั้นจะกินอยู่อย่างไร กินห้าสิบกรัมต่อคนต่อวัน? ถ้าเช่นนั้นไม่หิวจนตายหรือ?…

…ท่านลุง ท่านอาจไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงคำนวณบัญชีให้ท่านดูตอนนี้ ข้าต้องการจะบอกว่า สถานการณ์ข้างบนนั้นยังไม่ได้หักภาษี…

…หลายปีมานี้พวกเราต้องเสียภาษีมากขึ้นในทุกปี จากที่จ่าย 6.7 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น14.3 เปอร์เซ็นต์ในตอนนี้ ถึงแม้ทุกคนยังสามารถประทังชีวิตเอาไว้ได้ หาของป่ากินได้ แต่นั่นมันก็เป็นการประทังชีวิตแค่ชั่วคราว…

…แต่ตอนนี้ ด้านนอกเริ่มทำสงครามกัน ต้องเฝ้าด่านเมืองหลวง ท่านคิดว่าท่านอ๋องต้องเลี้ยงทหารมากขึ้นไหม ปีนี้จะต้องบังคับให้พวกเราส่งอาหารไปอีกเท่าไหร่?…

…ให้ส่งไปครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง? ท่านลองคิดถึงตัวเลขที่ข้าคำนวนให้ท่านดูเมื่อครู่นี้ ถึงท่านจะมีที่ดินสามสิบกว่าไร่ แต่ก็ยังทำให้อีกหลายคนหิวโหยจนตายได้…

…สถานที่แบบนี้จึงไม่สามารถอาศัยอยู่ต่อไปได้แล้ว ถึงไม่ถูกจับตัวไป ไม่โดนเกณฑ์ทหาร ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้…

…นี่คือสถานการณ์ตอนเฝ้าระวังเมืองนะ แต่หากเสียเมืองล่ะ…

…พวกที่ถูกนำไปเป็นทหารก็ต้องออกรบจนตาย หากพวกเราเปลี่ยนการปกครอง ท่านอ๋องที่ได้รับชัยชนะจะกลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของพวกเรา เมื่อก่อนเขาอยู่หนานเมี่ยน พื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่เกิดภัยแล้ง เขาคงต้องนำอาหารของพวกเราไปช่วยราษฎรในพื้นที่เดิมของเขา…

…นี่คือสิ่งที่ข้าคิดไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี หากพวกเขาไม่สนใจ พวกเราอาจจุดไฟเผา ปล่อยราษฎรที่ประสบภัยเข้ามาแย่งชิงอาหาร แล้วค่อยฆ่าชาวเมืองทิ้ง…

…สงคราม ท่านลุง พื้นที่หลายลี้เต็มไปด้วยซากศพโครงกระดูก!”

หลี่เจิ้งมือไม้สั่น ฟังการพูดวิเคราะห์เสร็จ หัวใจเย็นวาบ ไม่มีทางไปแล้ว หนี ต้องหนี

ชี้ถามซ่งฝูเซิง “อาเซิง เจ้าคิดว่าพวกเราจะหนีไปทางไหน?”

“จากถนนสายเล็กด้านหลังภูเขาของพวกเรา มุ่งหน้าตรงไปทางเหนือ เป่ยเมี่ยนมีท่านอ๋องเหยี่ยน”

“ท่านอ๋องเหยี่ยนจะเห็นอกเห็นใจราษฎรให้จ่ายภาษีน้อยลงได้ไหม? เขาคงไม่ถูกท่านอ๋องคนอื่นยกทัพมาตีหรอกนะ ไม่ใช่พวกเราเพิ่งไปถึง ก็ต้องหลบหนีลี้ภัยไปอีก”

“บอกตามตรง ข้าไม่รู้ว่าจะเห็นอกเห็นใจหรือไม่ เพียงแต่ได้ยินมา แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการหนีไปที่นั่น อันดับแรก ไปทางใต้ไม่ได้เพราะมีภัยแล้ง มิเช่นนั้นอาจจะโดนปล้นสะดม อันดับสอง ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่นั่น”

“อะไรนะ?” ซ่งหลี่เจิ้งตกตะลึง “ฮ่องเต้อยู่ไหน?”

ซ่งฝูเซิงยอมเลย “ห้าปีแล้ว ท่านลุง ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่นั่นมาห้าปีแล้ว ท่านยังไม่รู้อีกหรือ?” ปิดข่าวกันกันขนาดไหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว