ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 272

หลังจากที่​อาการ​ตกใจ​และ​ดีใจ​ใน​ตอนแรก​สุด​ของ​มารดา​ลู่​พั่น​ทุเลา​ลง​และ​หาย​สำลัก​ นาง​ได้​นับ​ใน​ใจ ลู่​พั่น​ก็​อายุ​สิบ​แปด​ปี​แล้ว​

จากนั้น​ก็​รู้สึก​ตลก​ตัวเอง​ เมื่อ​ครู่​มีความคิด​เช่นนั้น​ได้​อย่างไร​ ไม่ควร​เลย​จริงๆ​ อีก​ทั้ง​เล่น​เอา​หัว​ใจเต้น​แรง​

ทว่า​นาง​ก็​ยังคง​รู้สึก​สนใจ​ที่​บุตรชาย​ของ​นาง​อุ้ม​เด็ก​เข้า​บ้าน​

ต้อง​ทราบ​ก่อน​ว่า​เวลา​หลาน​ๆ เห็น​ลู่​พั่น​ต่าง​วิ่งหนี​กัน​อุตลุด​ราวกับ​หนู​เจอ​แมว​

ครั้นแล้ว​มารดา​ของ​ลู่​พั่น​ ฮูหยิน​จวน​กั๋วกง​ จึงหันไป​สั่งสาวใช้​ใหญ่​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ให้​ไป​สืบ​ดู​ประวัติ​ของ​เด็ก​คน​นั้น​อย่าง​ละเอียด​ ก่อน​กลับ​ให้​เรียก​มาที่​เรือน​นี้​ นาง​ต้องการ​ดู​หน้า​สักหน่อย​

แต่กลับ​นึกไม่ถึง​ว่า​ ยัง​ไม่ทัน​อะไร​ สาวใช้​ใหญ่​ก็​หันมา​ยิ้ม​พลาง​บอก​ ได้ยิน​ว่า​เหล่า​ฮูหยิน​ไป​ที่​หอ​ซงเทา​แล้ว​ อีก​ทั้ง​ยัง​สั่งไม่ให้​คน​ไป​แจ้งคุณชาย​

“เอ๊ะ​?” มารดา​ของ​ลู่​พั่น​คิด​เล็กน้อย​ ยิ้ม​พลาง​ส่ายหน้า​ “ถ้าเช่นนั้น​พวกเรา​ก็​ไปดู​ด้วย​”

“องค์​หญิง​ ช้าหน่อย​เพคะ​ ช้าหน่อย​” มีเพียง​เสียง​ฉิน​หมอ​มอ​ที่​ยังคง​เรียก​องค์​หญิง​เหล่า​ฮูหยิน​ นาง​ปรนนิบัติ​รับใช้​องค์​หญิง​มาตลอดชีวิต​

เหล่า​ฮูหยิน​ลง​จาก​เกี้ยว​ ผ่าน​ภูเขา​จำลอง​ ชี้ไป​ยัง​ศาลา​หลัง​เล็ก​ “ไม่ต้อง​เข้าไป​แล้ว​ อย่า​ไป​รบกวน​พวกเขา​ นั่ง​ดู​อยู่​ตรงนี้​แล้วกัน​”

นาง​หรี่ตา​เพ่งมอง​เด็ก​ชุด​น้ำเงิน​ที่อยู่​ตรงข้าม​ก่อน​ จากนั้น​ก็​ละสายตา​ไป​ที่​หลานชาย​ของ​ตัวเอง​ แววตา​เปี่ยมล้น​ไป​ด้วย​ความรัก​ความเมตตา​ ราวกับ​ไม่ว่า​จะมอง​อย่างไร​ก็​ไม่พอ​ สังเกต​สีหน้า​หลานชาย​อย่าง​ละเอียด​

เวลานี้​ ภายใน​หอ​ซงเทา​ที่อยู่​ตรงข้าม​ศาลา​หลัง​เล็ก​

เฉียน​หมี่​โซ่ว​กำลัง​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ลู่​พั่น​ แสดง​สิ่งที่​เรียนรู้​มาใน​ช่วงนี้​ให้​ดู​

“เส้นด้าย​ใน​มือ​มารดา​ เย็บ​เสื้อผ้า​ให้​บุตรชาย​

เย็บ​แน่นหนา​ก่อน​จาก​ไกล​ กลัว​ลูก​ไซร้​มีเหตุ​ประวิง​เวลา​

ใคร​หนา​ได้​เอ่ย​ว่า​บุตรธิดา​ มิอาจ​แทนคุณ​มารดา​ได้​หมดสิ้น​”

“ใคร​สอน​เจ้า”

เฉียน​หมี่​โซ่ว​ยิ้ม​ตาหยี​ “พี่สาว​”

เนื่องจาก​สังเกตเห็น​ความพึงพอใจ​บน​ใบหน้า​พี่​แม่ทัพ​เล็ก​ เด็กน้อย​จึงยิ่ง​กระตือรือร้น​มากกว่า​เดิม​

“เดือน​ยี่​ พฤกษา​ขจี​ วิหค​เริงร่า​ หลิว​นั้น​หนา​พลิ้วไหว​อยู่​ริมฝั่ง​

เด็กน้อย​เลิกเรียน​รีบ​กลับบ้าน​ พา​กัน​ปล่อย​ว่าว​สู่ท้องฟ้า​”

“พา​กัน​ปล่อย​ว่าว​สู่ท้องฟ้า​ ว่าว​รึ​ หึ​ ใคร​เป็น​คน​แต่ง​กลอน​นี้​” ลู่​พั่น​วาง​ถ้วย​ชา สบตา​กับ​เด็กน้อย​อย่าง​จริงจัง​

ใคร​แต่ง​เหรอ​ ไม่รู้​สิ “เอาเป็นว่า​พี่สาว​สอน​มา”

ถ้าซ่งฝูห​ลิง​อยู่​ด้วย​เวลานี้​คง​สะดุ้ง​ตกใจ​ตอนที่​ลู่​พั่น​ถามแบบนี้​ ไม่มีคน​เตือน​ไม่ทัน​ได้​ระวัง​ ตาย​แล้ว​ เผลอ​สอน​กลอน​ของ​ยุค​หลัง​ไป​เสียได้​ จำได้​แค่​ว่า​เป็น​กลอน​ที่​เรียน​มาสมัย​ประถม​

ไม่สิ ราชวงศ์​ชิงก็​ไม่ใช่ยุค​หลัง​มาก​เท่าไร​ ซ่งฝูห​ลิง​ยัง​ได้​หลุด​สอน​อีก​

“สายลม​แคว้น​เหนือ​ น้ำแข็ง​จับตัว​พัน​ลี้​ หิมะ​โปรยปราย​หมื่น​ลี้​”

ลู่​พั่นรอ​แล้ว​รอ​เล่า​ อยาก​รอ​ท่อน​ถัดไป​ แต่กลับ​ไม่มีเสียง​ต่อจากนั้น​ “ทำไม​ไม่ท่อง​แล้ว​ล่ะ​”

สอง​มือ​ของ​เฉียน​หมี่​โซ่ว​ผาย​ออก​ “แต่​มัน​ไม่มีแล้ว​นี่​นา​ พี่สาว​ท่อง​ไว้​แค่นี้​ นาง​ท่อง​ตอน​เปิด​ประตูออก​ไป​บิดขี้เกียจ​ช่วง​ที่​มาถึงที่นี่​แล้ว​หิมะ​ตกหนัก​ ข้า​ไป​ได้ยิน​เข้า​ก็​เลย​จำมา”

ขีดเส้นใต้​ เน้น​คำ​ว่า​ ‘บิดขี้เกียจ​’ อืม​ ลู่​พั่น​รับ​ชาร้อนที่​ซุ่นจื่อ​ยื่น​ให้​มาจิบ​หนึ่ง​อึก​

จากนั้น​หมี่​โซ่ว​ก็​ท่อง​กลอน​อีก​ ท่อน​แรก​ก็​ทำ​เขา​หน้า​นิ่ว​ด้วย​ความรู้สึก​เหนือ​ความคาดหมาย​

นึกไม่ถึง​ว่า​ซ่งฝูห​ลิง​ก็​สอน​กลอน​บท​นี้​ด้วย​

ได้ยิน​เสียง​เด็กน้อย​ท่อง​เสียงดัง​ฟังชัด​

“ท่ามกลาง​ทะเลทราย​อัน​เวิ้งว้าง​ ดวง​จันทรา​นอกเมือง​ช่างโศกเศร้า​…

…เสียง​ขลุ่ย​ลอย​มาจาก​ที่ใด​ ค่ำ​คืนนี้​ทหาร​กล้า​มอง​ไป​ทาง​บ้านเกิด​”

ลู่​พั่น​ถามเฉียน​หมี่​โซ่ว​ “เจ้ารู้​ความหมาย​ของ​กลอน​บท​นี้​หรือไม่​”

เฉียน​หมี่​โซ่วต​อบ​

“ข้า​เข้าใจ​ท่อน​ที่ว่า​ ‘ค่ำ​คืนนี้​ทหาร​กล้า​มอง​ไป​ทาง​บ้านเกิด​’…

…พี่สาว​บอ​กว่า​ ค่ำคืน​ หมายถึง​การ​ค้างแรม​ หรือ​จะตีความ​เป็น​คน​ที่​คิดถึง​ทั้งคืน​ก็ได้​ ถึงเรียก​ว่า​ค่ำคืน​…

…อีก​ทั้ง​ไม่พูดตรงๆ​ ว่า​พวกเขา​คิดถึงบ้าน​ แต่​บอ​กว่า​พวกเขา​ต่าง​มอง​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​บ้านเกิด​…

…เวลา​กลางคืน​มืดสนิท​ มองไม่เห็น​แสงจันทร์​หรือ​สิ่งอื่น​ ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ที่จะ​มองเห็น​บ้าน​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ ทำได้​เพียง​ให้เสียง​ขลุ่ย​ช่วย​นำพา​ความรู้สึก​คิดถึง​บ้าน​…

…พี่ชาย​ พี่สาว​ของ​ข้า​พูด​ถูก​หรือไม่​ ดี​หรือเปล่า​”

ลู่​พั่น​มอง​เฉียน​หมี่​โซ่วอ​ย่าง​เงียบๆ​ ภาพ​ใน​หัว​เป็น​ตอนที่​เขา​ติดตาม​บิดา​ไป​รบ​ครั้งแรก​

ตอนนั้น​เขา​อายุ​สิบ​สี่ปี​ และ​ก็ได้​พบ​เจอ​ทหาร​หลาย​คน​ที่​อายุ​ไล่เลี่ย​กับ​เขา​

มีทหาร​หลาย​คน​ที่​ร้องไห้​หลัง​ทำสงคราม​อัน​เลวร้าย​

ยิ่ง​ช่วง​กลางวัน​สงคราม​โหดร้าย​มาก​เท่าไร​ ตก​กลางคืน​คน​ที่​คิดถึงบ้าน​ก็​มีมาก​เท่านั้น​

ตอนนั้น​เขา​ก็​มอง​ไป​ทางบ้าน​ตัวเอง​ตอนกลางคืน​เหมือนกัน​

ครั้งแรก​ที่​ออกรบ​เห็น​การนองเลือด​ ครั้งแรก​ที่​ฆ่าคน​ สิ่งที่​นึกถึง​คือ​กลอน​บท​นี้​ ‘ค่ำ​คืนนี้​ทหาร​กล้า​มอง​ไป​ทาง​บ้านเกิด​’

“พี่​แม่ทัพ​เล็ก​ ข้า​ทน​ต่อไป​ไม่ไหว​แล้ว​”

ทันใดนั้น​ได้​ดึง​สติ​ของ​ลู่​พั่น​กลับมา​ และ​ก็​พลอย​ทำ​ซุ่นจื่อ​ตกใจ​ไป​ด้วย​ คิด​ว่า​อยู่​ๆ เด็ก​คน​นี้​ก็​อั้น​ฉี่ไม่ไหว​แล้ว​ ไอ๊ห​ยา​

แต่​นึกไม่ถึง​ว่า​ เด็ก​คน​นี้​กลับ​ร้องเพลง​ อีก​ทั้ง​ยัง​ร้อง​พร้อม​ประกอบ​ท่าทาง​ ร้อง​ไป​เต้น​ไป​ ร้อง​ด้วย​สำเนียง​เพี้ยน​ๆ เต้น​ก็​ท่าทาง​ประหลาด​

“ข้า​มีความฝัน​อยู่​อย่างหนึ่ง​ อยาก​เรียน​วิทยา​ยุทธ์​กับ​พี่​แม่ทัพ​ เป็น​เหมือน​วีรบุรุษ​ที่​เก่งกาจ​ใน​ตำนาน​ กล้าหาญ​ชาญชัย​ เดิน​บน​กำแพง​เหาะ​บน​หลังคา​

พี่ชาย​ เหตุใด​ท่าน​ถึงได้​ว่องไว​ ตวัด​อาวุธ​คล่องแคล่ว​ กระบอง​กวาด​เรียบ​

ท่าน​กลับ​สะบัด​แขน​เสื้อ​พูด​กับ​ข้า​”

เฉียน​หมี่​โซ่ว​หยุด​ร้อง​ “พี่ชาย​ ตา​ท่าน​แล้ว​ ท่าน​ต้อง​พูดว่า​ รีบ​ไป​ฝึก​ได้​แล้ว​”

ซุ่นจื่อ​อยาก​ห้าม​ นี่​มัน​อะไร​กัน​

ลู่​พั่น​ “รีบ​ไป​ฝึก​ได้​แล้ว​” พูด​จบ​ใบ​หู​ก็​แดง​เล็กน้อย​

ซุ่นจื่อ​ “แค่​กๆๆ”​

“รับทราบ​!”

เฉียน​หมี่​โซ่ว​เงยหน้า​ยิ้มแฉ่ง​ เต้น​ท่า​ที่​ตอนนั้น​ซ่งฝูห​ลิง​แกล้ง​เด็ก​ นาง​สอน​เต้น​ท่า​แบบ​บ้าน​ๆ ใน​บ้าน​ตัวเอง​ โยกย้าย​ร่างกาย​พลาง​ร้อง​

“ฝึก​วิทยา​ยุทธ์​ต้อง​อยู่​ท่ามกลาง​แดด​เปรี้ยง​ ตก​เย็น​ยัง​ต้อง​อาศัย​แสงจันทร์​ ขาด​ฝึก​วัน​เดียว​ที่ผ่านมา​สูญเปล่า​

ก่อนอื่น​ต้อง​ฝึก​คุณธรรม​ เรียน​มารยาท​ก่อน​เรียน​ศิลปะ​ ข้า​เอง​ก็​จด​จำขึ้นใจ​

จอม​ยุทธ์​ฝึกฝน​สิบ​ปี​ เพื่อ​อยู่​ใน​สนาม​ต่อสู้​ไม่กี่​นาที​ ความลำบาก​ความเหงา​ใคร​เล่า​จะเข้าใจ​

หวด​หมัด​ทะลวง​ไป​ใน​สายลม​ ร่างกาย​เคลื่อน​เข้าออก​ดุจ​มังกร​ผงาด​ สืบทอด​ความฝัน​ผู้​กล้า​รุ่น​ต่อไป​

ศีลธรรม​เปรียบ​ดั่ง​ขุนเขา​ ชื่อเสียง​นั้น​เล่า​เปรียบ​ดั่ง​ใบ​หญ้า​”

จบ​

เฉียน​หมี่​โซ่ว​เต้น​จน​ใบหน้า​แดงก่ำ​ ร่าง​ใน​ชุด​น้ำเงิน​เอียง​หน้า​มอง​ลู่​พั่น​

ลู่​พั่น​ขมวดคิ้ว​ใส่เฉียน​หมี่​โซ่ว​ ยก​มุมปาก​ขึ้น​อย่า​งอด​ไม่ได้​ “พี่สาว​เจ้าก็​สอน​เรื่อง​พวก​นี้​รึ​”

ยัง​ไม่ต้อง​วิเคราะห์​ว่า​ใคร​เขียน​เนื้อ​พวก​นี้​

สอน​ท่อง​กลอน​ สอน​ร้องเพลง​ สอน​เคลื่อนไหว​ร่างกาย​เป็น​ท่วงท่า​ สาวน้อย​ที่​ชื่อ​ซ่งฝูห​ลิง​นั่น​คง​งาน​ยุ่ง​ไม่เบา​

ที่แท้​ใบหน้า​ดวงอาทิตย์​ที่​ผูก​ติด​บน​เข่ง​ขี้เหร่​ใส่ขนม​พวก​นั้น​ ก็​เป็น​ผลงาน​ของ​พวก​เด็ก​ๆ ที่แท้​พี่สาว​ของ​พวกเขา​ก็​ตระหนัก​ได้​เหมือนกัน​ว่า​เข่ง​นั่น​หน้าตา​ขี้เหร่​เหลือเกิน​ ไม่ใช่ว่า​ไม่อยาก​ทำให้​สวย​ วุ่น​อยู่​ตั้ง​แต่เช้า​จรด​เย็น​

อีก​ทั้ง​ครั้งนี้​ลู่​พั่น​ก็ได้​รู้​อะไร​มากขึ้น​จาก​การ​พูดคุย​กับ​เฉียน​หมี่​โซ่ว​

เด็ก​ตรงหน้า​คน​นี้​ยัง​รู้จัก​วิธี​คำนวณ​ บอ​กว่า​พี่สาว​ของ​เขา​ก็​สอน​มาโดย​ใช้เหรียญทองแดง​

“ใช่ขอรับ​พี่ชาย​ ไม่เพียงแต่​พี่สาว​จะสอน​ข้า​ ยัง​สอน​พี่​ๆ น้องๆ​ หลาย​คน​อีกด้วย​ เพียงแต่​ความจำ​ของ​พวกเขา​ไม่ดี​เท่า​ข้า​”

อืม​ ลู่​พั่น​คิดในใจ​ เจ้าเก่ง​จริงๆ​

ถึงเวลา​กิน​ของว่าง​แล้ว​

วันนี้​สาวใช้​ใหญ่​มู่จิ่น​ก็​ไม่รู้​ว่า​คุณชาย​ยัง​จะกิน​ของว่าง​หรือไม่​ เพราะ​ก่อนหน้านี้​คุณชาย​กิน​ขนมเค้ก​ไป​ไม่น้อย​ ตอน​นาง​เข้าไป​เก็บ​ขนมเค้ก​ คุณชาย​กิน​ดอกไม้​นั่น​จน​หมด​ ตัก​จน​เละเทะ​

ทว่า​ก็​ไม่กล้า​ทำผิด​กฎ​ เรียก​สาวใช้​หลาย​คน​มายก​ของว่าง​ที่​ลู่​พั่น​ชอบ​กิน​ไป​ตามปกติ​

มู่จิ่น​จะล้างมือ​ให้​เฉียน​หมี่​โซ่ว​

เฉียน​หมี่​โซ่ว​หลบ​บอก​ไม่ต้อง​ พูด​ขอบคุณ​ พี่สาว​เคย​บอก​เขา​ว่า​เรื่อง​ของ​ตัวเอง​ต้อง​ทำ​ด้วยตัวเอง​

มู่จิ่น​เหลือบมอง​ลู่​พั่น​

ลู่​พั่น​กลับ​เอาแต่​จ้อง​เฉียน​หมี่​โซ่ว​ล้างมือ​ พบ​ว่า​เขา​ล้าง​ได้​สะอาด​จริงๆ​

“พี่ชาย​ นี่​ขนม​อะไร​หรือ​” เฉียน​หมี่​โซ่ว​ชูขนม​ที่​ตัวเอง​กัด​เป็น​รอย​ฟัน​

“ขนม​ฝูห​ลิง​” พูด​จบ​ลู่​พั่น​ก็​หยิบ​ขึ้น​มากัด​หนึ่ง​คำ​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว