ฉีตงหมิงหลับไปแล้ว ลู่จือหว่านยังลืมตาอยู่
นึกถึงวันนี้ พอนางเข้าไปในห้องของแม่สามี คนของบ้านน้องสามก็สำลักน้ำชา สีหน้าของแม่สามีก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ นางรู้สึกว่าสองคนนี้จะต้องนินทานางลับหลังอีกแล้ว รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก
ประการแรกหงุดหงิดแม่สามี นางไม่ได้ใช้เงินบ้านแม่สามีสักหน่อย นั่นเป็นทรัพย์สมบัติที่ติดตัวนางมาตอนสมรส แม่สามีมีสิทธิ์อะไรมาไม่พอใจนาง หาเรื่องนาง เห็นนางเป็นเหมือนสะใภ้บ้านอื่นที่รังแกง่ายนักหรือ เห็นนางนิสัยดีเหมือนพี่รองอย่างนั้นหรือ คิดง่ายเกินไปแล้ว
ประการสองหงุดหงิดน้องสะใภ้สาม
จวนฉีที่แสนใหญ่โต มีเพียงสามีของนางกับน้องชายสามีคนที่สามที่เกิดจากแม่สามี น้องสอง น้องสี่ และน้องห้าเป็นบุตรของอนุภรรยา
ส่วนน้องสะใภ้สาม เป็นหลานสาวสายนอกของทางฝั่งแม่สามี
ถูกต้อง เป็นหลานสาวสายนอกด้วย แม่สามีของนางมาจากสกุลเล็กๆ จึงมักจะเอาหลานสาวทั้งสายในสายนอกที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมาอยู่ในจวนด้วย คอยกังวลเรื่องครอบครัวฝ่ายมารดาของตัวเองอยู่เสมอ
น้องสะใภ้สามก็ชอบคิดว่า อาศัยความที่แม่สามีเป็นญาติ สนิทสนมกับแม่สามียิ่งกว่า ทำราวกับว่านินทานางลับหลังแล้วจะสามารถแย่งอำนาจดูแลจวนได้เสียอย่างนั้น
ก็จริง น้องสะใภ้สามช่างลำบากนัก ไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัวอะไร ครอบครัวฝ่ายมารดาตัวเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก จวนฉีก็คือท้องฟ้าที่อยู่เหนือกะลาที่ครอบน้องสะใภ้สามอยู่ สายตาจึงเอาแต่จับจ้องอำนาจในการดูแลจวน
เชอะ ทำเหมือนกับนางอยากดูแลจวนเสียเต็มประดา ยุ่งยากจะตาย
แต่น่าเสียดาย คนข้างนอกไม่ใช่แค่นับหน้าถือตาตำแหน่งขุนนางของพ่อสามี ก็ให้เกียรติลู่จือหว่านคนนี้เช่นกัน
ตอนนั้นแม่สามีกลุ้มอกกลุ้มใจ ไปขอทาบทามลูกสะใภ้ด้วยท่าทีนอบน้อมเสียจนไม่ไหว อย่าคิดว่านางไม่รู้ ก็หมายตาแซ่ลู่ของนางเช่นกัน
ไอ๊หยา น่าหงุดหงิด
ลู่จือหว่านพลิกตัวอีกครั้ง ผ่านไปสักพักก็ผล็อยหลับไป
“คุณหนู” ยามค่ำคืนผ่านพ้นไป สาวใช้ใหญ่ประจำตัวประคองลู่จือหว่านด้วยสีหน้าร้อนใจ คุณหนูตื่นสายอีกแล้ว
เวลาอยู่ในห้องสาวใช้ใหญ่ทั้งสี่คนไม่เคยเรียกว่าคุณนายใหญ่ แต่เรียกว่าคุณหนู เพราะลู่จือหว่านเคยขอไว้
ลู่จือหว่านนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่สบอารมณ์นัก
นางคิดในใจ ทำไมต้องตื่นแต่เช้าตรู่ด้วย ทั้งยังต้องไปยืนปรนนิบัติแม่สามีกินข้าวที่เรือนของแม่สามี สามีของนางรักนาง ไม่เห็นต้องให้นางปรนนิบัติ ดูสิ สามีของนางไปฝึกกำลังที่สวนแล้ว พอตื่นก็ไม่ได้รบกวนนาง
แต่แม่สามีกลับไม่ได้
อีกทั้งนางพบว่ายิ่งเป็นคนแบบแม่สามี ก็ยิ่งเจ้าระเบียบไร้สาระ
แม่สามีเป็นฮูหยินของทุกคนใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามีชาติกำเนิดมาจากสกุลเล็กๆ อาจเป็นจุดนี้ที่เป็นข้อด้อยของแม่สามีหรือไม่ ไม่อยากให้คนพูดถึงหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้ถึงได้ยิ่งเจ้าระเบียบกับทุกคน กฎเกณฑ์เยอะเสียเหลือเกิน
มีหลายครั้งที่นางอยากพูดว่า ต่อให้จวนฉีจะใหญ่สักเพียงใด ยังจะสู้จวนผู้สำเร็จราชการได้อีกหรือ
ตอนนางเป็นคุณหนูอยู่บ้านตัวเอง ไม่ใช่แบบนี้เลยจริงๆ
คนอื่นคิดว่าจวนผู้สำเร็จราชการใหญ่ถึงเพียงนั้น อีกทั้งท่านย่ายังเป็นองค์หญิง คาดเดากันว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้
ในความเป็นจริง คำพูดที่ท่านย่าของนางมักพูดอยู่บ่อยครั้งก็คือ รำคาญการถูกน้อมทักทาย มีคนมาน้อมทักทายตั้งแต่เด็ก น่ารำคาญ ไม่จำเป็น พวกเจ้าอยากนอนไปจนถึงเมื่อไรก็นอนไป ตื่นแล้วค่อยมาเล่นในเรือน มาเป็นเพื่อนคุย
ด้วยเหตุนี้ ออกเรือนมาห้าปีแล้ว เวลาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่าลู่จือหว่านก็ยังคงคิดถึงบ้านตัวเองอยู่เสมอ และก็เพราะสาเหตุนี้ นางถึงอาลัยอาวรณ์ช่วงเวลาความสุขตอนเป็นคุณหนู
อาลัยอาวรณ์จวนผู้สำเร็จราชการที่ไม่จำเป็นต้องนอบน้อมใครเพื่อสร้างความเป็นระเบียบ ไม่ได้มีข้อจำกัดมากเช่นนี้เลยจริงๆ
ทันใดนั้นเด็กผู้ชายวัยสามขวบกว่าไม่ถึงสี่ขวบก็วิ่งเข้ามา “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าอยากกินขนม”
“เพิ่งจะกี่ยาม เจ้าจะกินขนมแล้วหรือ”
“จะกี่ยามก็อยากกินขนม”
“ขนมเค้กนั่นอร่อยเพียงนั้นเชียวรึ”
“อร่อย”
ลู่จือหว่านโอบบุตรชายพลางเหม่อลอย ทันใดนั้นก็ได้หันไปถามบรรดาสาวใช้ “เอ๊ะ ร้านขายเครื่องกระเบื้องของข้าเอามาเปิดเป็นร้านขนมเค้กดีหรือไม่”
บรรดาสาวใช้ประจำตัว “…”
คุณหนู ปล่อยเช่าออกไปมิได้หรือ จะดึงขนมเค้กของเขาที่ขายอยู่ดีๆ มาเจ๊งไปด้วยให้ได้เลยเชียวหรือเจ้าคะ
ต้องทราบก่อนว่า ไม่ว่าจะค้าขายอะไรเมื่อมาถึงมือคุณหนู มีกิจการไหนบ้างที่กำไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...