ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 3

ทะลุมิติทั้งครอบครัว ตอนที่ 3 อาการเรื้อรัง
ตอนที่ 3 อาการเรื้อรัง

พ่อซ่งชมบุตรสาวเสร็จก็หันมาดูสีหน้าของเฉียนเพ่ยอิง เข้าใจภรรยาว่าร้อนรนเรื่องอะไร กระแอมไอเบาๆ สองครั้งก่อนเอ่ยปลอบ

“พวกเราดูเหมือนจะกลับไปไม่ได้แล้ว อย่าเหนื่อยคิดเรื่องนั้นเลย ถ้าต้องให้ร่างกายของพวกเรามีปัญหาถึงจะกลับไปได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็โง่นะสิ ข้าไม่ยอมหรอก”

ซ่งฝูหลิงแสดงความคิดเห็น “ท่านแม่ ข้าก็ไม่อยากอยู่ในสถานที่แบบนี้ ไม่อยากฟังเรื่องราวพวกนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่ว่าสิ่งที่สำคัญคือความไม่แน่นอน ถ้าหากว่าร่างกายพวกเรามีปัญหาไปแล้วจริงๆ คงไม่สามารถกลับไปได้ ถ้าเช่นนั้นก็อาจไม่มีอะไรเหลืออยู่ คงมีแค่กองขี้เถ้า เมื่อถึงเวลานั้นทั้งพ่อและแม่ พวกท่านก็จะไม่มีข้า ข้าก็จะไม่มีพวกท่านแล้วเช่นกัน หากเป็นเช่นนี้ดูเหมือนจะน่ากลัวมากกว่าการมีชีวิตในยุคโบราณเสียอีก”

“แล้วทำไมท่านแม่ถึงยังไม่ยอมรับความจริงล่ะ ตายไปก็ไม่เหมือนกับมีชีวิตอยู่ต่อไป เหตุผลแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ไม่เหมือนลูกของท่าน ข้ากล้ารับประกัน เมื่อกี้ที่ข้าได้พูดเรื่องนั้นไป แม้แต่ชื่อข้าเรียกว่าอะไร ท่านแม่ก็คงไม่ได้จดจำ ปากก็บอกไปให้พูดแต่ใจความสำคัญ แท้จริงแล้วภายในใจมัวแต่คิดหาทางจะกลับไปยุคปัจจุบัน”

ทั้งสองพ่อลูกพูดเพื่อที่จะให้เฉียนเพ่ยอิงฟัง ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ

เฉียนเพ่ยอิงเศร้าโศกเสียใจมาก เช็ดน้ำตา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่ขัดแล้ว พวกเจ้าพูดต่อไปเถอะ”

“เจ้าก็ต้องจำไว้บ้าง”

“จำสิ อย่าชักช้า”

“ได้” เหล่าซ่งโบกมือ ดูท่าแล้วสามารถเล่าเรื่องสำคัญได้ เขามองภรรยาและเอ่ยขึ้น

“ข้าชื่อซ่งฝูเซิง ปีนี้อายุยี่สิบเก้า เราสองคนอายุเท่ากัน…

…ท่านพ่อของเจ้าในยุคโบราณเห็นข้า ก็มีความมั่นใจว่าสอบครั้งต่อไปข้าจะสามารถสอบได้อั้นโส่วอีก อนาคตต้องรุ่งโรจน์แน่นอน ดังนั้นพวกเราสองคนถึงได้แต่งงานกัน ตามความนิยมในยุคก่อนที่คนมักแต่งงานกันเร็ว…

…แต่หลังจากนั้นข้ากลับสอบไม่ผ่าน เขามองพลาดไป…

…หลังจากแต่งงาน พวกเราก็มีซ่งพั่งยาคนหนึ่ง ก็คือบุตรสาวของพวกเรา ตอนนี้นางอายุสิบสาม…

…พวกเราตอนแต่งงานสองปีแรก ยังอาศัยอยู่ชนบทกับคนในบ้านตระกูลซ่ง…

…หมู่บ้านนั้นเรียกว่า ต้าจิ่งชุน อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก รู้เลยว่าสภาพหมู่บ้านนั้นเป็นอย่างไร…

…ต้าจิ่งชุนเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปจากเขตการปกครอง หากอยากจะเข้ามาจับจ่ายซื้อของในตัวเมืองนั้นจะค่อนข้างลำบาก…

…อย่างที่เล่าให้ฟัง หมู่บ้านนั้นหากข้ามภูเขาไป เดินตามเส้นทางเดินเล็กๆ ออกไปข้างนอก ใช้เวลาเดินสองวันก็ออกนอกเขตเมืองนี้ไป ถ้านับตามปัจจุบัน ตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นที่ของมณฑลเหอหนาน…

…ตอนนี้คงฟังเข้าใจใช่ไหมแล้วว่าตนเองเป็นใคร พวกเราอยู่ตรงตำแหน่งไหน?”

เฉียนเพ่ยอิงไม่สนใจเขา

ซ่งฝูหลิงสนิทสนมกับพ่อของนางเป็นอย่างดี ตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน หากนางขาดเงินก็จะเข้าหาพ่อ ไม่ว่านางจะใช้จ่ายเท่าไรเขาก็ให้ จะไม่ให้สนิทสนมกันได้อย่างไร นางรีบกล่าวตอบ “เข้าใจแล้ว สถานที่นั้นชอบพูดกันว่า ได้หรือไม่ ข้ามีชื่อว่าซ่งพั่งยา ดูเหมือนว่าหญิงสาวบ้านซ่งจะถูกเรียกว่า ‘ยา’ ทั้งหมด ต้ายา เอ้อร์ยา ซานยา ข้าอายุน้อยสุดจึงกลายเป็นพั่งยา”

“สาวน้อยของข้าฉลาดหลักแหลมเสียจริง พิจารณาได้ถูกต้อง ก่อนหน้าเจ้า มีต้ายากับเอ้อร์ยา ทั้งสองคนเป็นบุตรสาวของลุงรอง ตั้งแต่เล็กมาสุขภาพของเจ้าไม่ค่อยดี ผอมมาก ด้วยหวังว่าเจ้าจะอ้วนขึ้นจึงเรียกเจ้าว่าพั่งยา”

“เอ๊ะ ท่านพ่อ ถ้างั้นท่านแม่ของข้าชื่ออะไร?”

เหล่าซ่งได้ยินบุตรสาวถาม เขาหันหน้าไปมองภรรยาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แม่ของเจ้า แม่ของเจ้าไม่ได้เปลี่ยนแซ่ ยังแซ่เฉียน ตระกูลเฉียน ครานี้แม่ของเจ้าคงเบิกบานใจขึ้นไม่น้อย”

“ท่านพ่อ ช่างบังเอิญจริง นี่คงไม่ใช่อดีตของพวกเราหรอกนะ? หรือพวกเราย้อนมิติมาอยู่ในร่างบรรพบุรุษตัวเอง?”

พ่อซ่งทอดถอนใจ โดยเฉพาะครั้งนี้ที่อยู่ในยุคโบราณ

เล่าต่อ

“ที่บังเอิญก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคปัจจุบันหรืออยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องให้เงินบ้านตระกูลซ่ง ให้ยืมเงินไปจนหมด…

…เหมือนท่านตาของเจ้าเมื่อก่อน ที่ถ่ายทอดฝีมือการทำอาหารให้ข้าและมอบเงินที่สั่งสมมาเกือบค่อนชีวิตเพื่อให้ยืมมาทำทุน บ้านเราเปิดร้านขายของชำเล็กๆ รวมถึงการทำไอศกรีม ค่อยๆ สะสมเงินทีละเล็กทีละน้อย ภายหลังถึงได้เปิดโรงงาน…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว