บรรยากาศเริ่มอึดอัดในทันที
เฉียนเพ่ยอิงส่งสายตาให้กับสามีของนาง เป็นนัยว่าท่านควรพูดต่อไป ไม่ต้องห่วงบุตรสาว สักพักเดี๋ยวนางก็ดีขึ้นเอง อีกอย่าง ลูกก็ไม่ใช่เด็กอายุสิบสามจริงๆ
พ่อซ่งรู้สึกผิดที่ตนเองไม่หนักแน่นพอ พลอยทำให้ลูกสาวหดหู่ไปด้วย
เหลือบมองบุตรสาว เข้าใจว่าปลอบกันไปมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก
สองมือขยี้หน้าตา พยายามรวบรวมสติเอ่ยกับภรรยา
“เพ่ยอิง แท้จริงแล้วพ่อของเจ้าในยุคโบราณดีกับพวกเรามาก…
…ท่านเฉียนทำอาชีพค้าขายไปทั่วทิศ ตอนหนุ่มทำงานที่เสี่ยงอันตราย ตอนหลังไม่ทราบว่าได้สูตรการหมักเหล้ามาจากที่ใด หมักรสชาติดีคงที่แล้วจึงหันมาเปิดโรงเตี๊ยมในตัวอำเภอ…
…ท่านเฉียนมีแค่บุตรชายหนึ่งคนกับบุตรสาวหนึ่งคน เพ่ยอิง เจ้าเป็นลูกคนโต เจ้ามีน้องชายหนึ่งคน แม่ของเจ้าเสียชีวิตตอนที่น้องชายเจ้าอายุเพียงสิบปี เรื่องนี้เจ้าคงต้องจดจำไว้หน่อย…
…ก่อนหน้านั้นข้าได้เกริ่นนำไปแล้ว ชีวิตข้าดีได้ก็เพราะได้แต่งงานกับเจ้า…
…ตอนพวกเราแต่งงานกันใหม่ๆ อาศัยอยู่ชนบทร่วมกันกับครอบครัวใหญ่ พ่อของเจ้ากลัวเจ้าทำไร่ไถนาจะเหน็ดเหนื่อย ทุกครั้งที่กลับมาทำการเกษตร เขาต้องออกเงินเองเพื่อจ้างคนไปช่วยทำงาน พลอยทำให้ข้าไม่ต้องออกแรง…
…พอเจ้าคลอดลูกสาวออกมา ท่านหมอได้บอกไว้ว่าสุขภาพเจ้าอ่อนแอ ไม่สามารถจะมีลูกได้อีก ท่านเฉียนก็กังวลใจมากกว่าเดิม…
…เห็นว่าข้าสอบไม่ผ่านก็ช่วยข้าหางานสอนเด็กในตัวอำเภอให้ ให้พวกเราย้ายออกมาจากหมู่บ้านด้วย เพราะกลัวว่าแม่ของข้าจะทรมานเจ้า…
…นอกจากนี้ยังเตรียมบ้านให้พวกเรา บ้านที่เราอาศัยกันอยู่ตอนนี้ก็คือบ้านที่ท่านเฉียนมอบให้ไว้….
…เมื่อเอ่ยถึงบ้าน ก็ต้องกล่าวถึงช่วงชีวิตที่สามของท่านเฉียนด้วย…
…เนื่องจากการค้าเหล้าดีมาก ท่านเฉียนจำเป็นต้องเข้าไปขยายกิจการในเมือง จึงพาครอบครัวน้องชายของเจ้าไปด้วย โดยย้ายออกไปจากเขตอำเภอ…
…หลังจากที่เขาย้ายไป เขตเมืองกับเขตอำเภอห่างไกลกันมาก จึงไม่สามารถกลับมาได้บ่อยๆ และยังเป็นห่วงพวกเจ้าสองแม่ลูก แน่นอนว่า เขากลัวว่าข้าหาเงินได้น้อย ทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก เขาจึงตัดสินใจยกโรงเตี๊ยมที่อยู่ในตัวอำเภอให้เป็นชื่อของเจ้า…
…ฟังเข้าใจรึยัง? ไม่เพียงแต่ให้ที่อยู่กับพวกเราแบบฟรีๆ ยังให้อาชีพค้าขายมาด้วย…
…ถึงได้บอกว่าเขาเป็นห่วงเจ้ามาก ให้ร้านกับลูกสาว ลูกเขย และไม่สามารถประกาศให้คนอื่นรู้ได้ เพราะอีกด้านหนึ่งเขากลัวกระทบกับการสอบของข้า อาชีพสมัยก่อนมีแค่สี่อย่าง รับราชการ ทำการเกษตร งานฝีมือ การค้าขาย…
…อีกด้านที่ข้าคิดเอง เขาคงกลัวว่าข้าจะคิดมาก กลัวว่าจะถูกคนอื่นล้อเลียน เหมือนแต่งเพื่อเข้ามาอยู่บ้านภรรยา กลัวว่าจะเสียหน้าแล้วกลับบ้านไปหาเรื่องทะเลาะกับเจ้า เขาเลยปิดบังเรื่องการยกร้านให้ และส่งคนแซ่หนิวที่เคยร่วมงานกัน มาคอยดูแลจัดการให้…
…ลุงหนิวคนนี้ ไม่รู้เพราะอะไรถึงยังไม่แต่งงานมีครอบครัว คอยดูแลกิจการโรงเตี๊ยมของพวกเรามาโดยตลอด และพักอาศัยอยู่ที่นั่น…
…ที่ร้านนั้น เราต้องเดินออกจากบ้านเราไปแล้วเลี้ยวขวาไปทางถนนฝั่งตะวันตก วันที่หนึ่งของทุกเดือน เหล่าหนิวจะนำรายรับที่ได้มาให้ถึงที่บ้าน หรือพูดอีกอย่างว่า พวกเราไม่ต้องดูแลร้านและยังได้เงินมาฟรีๆ”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องเงิน พ่อซ่งก็ถึงกับชะงัก นึกขึ้นมาได้ถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสามคนทะลุมิติเวลามาที่นี่
เขาหันไปมองภรรยา คิ้วขมวดกัน และกล่าวต่อ
“เพ่ยอิง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง รายได้ที่พวกเราได้รับจากร้านในแต่ละเดือน นอกจากพ่อตาแล้ว แม่ของข้าและพี่ชายทั้งสอง แม้แต่พี่สาวแท้ๆ ของข้าก็ยังไม่รู้ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อย่างละเอียด…
ตอนก่อน ข้าก็พูดไปแล้ว ข้าส่งเงินไปให้ท่านแม่ใช้ที่ชนบททุกปี เพื่อซื้อที่ดินหนึ่งหรือสองไร่ โดยบอกว่าเป็นเงินที่ได้จากการสอน พวกเราทำไมถึงถูกโจรปล้นได้ แล้วโจรรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
เฉียนเพ่ยอิงพูดขึ้น “เจ้าก็ยังมีพี่สะใภ้อีกสองคน พี่ชายทั้งสองของเจ้าไม่ปิดประตูคุยกับภรรยาเลยหรือไง ขนาดเจ้า เวลามีเรื่องอะไร กลับมาบ้านยังมาเล่าให้ข้าฟัง พี่สะใภ้ทั้งสองคนนั้นก็มีญาติทางฝั่งเขาเช่นกัน ในครอบครัวก็มีแต่พวกสะใภ้ด้วยกัน ในโลกใบนี้ ถ้าได้บอกเรื่องอะไรใครไปแล้วหนึ่งคน มันก็ไม่ใช่ความลับแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...