ไม่ว่าคนอื่นจะชื่นชมมีดของซ่งฝูเซิงอย่างไร ชมว่าเขามีของดีเช่นนี้ บ้างก็บอกว่าเขามีสติปัญญาหลักแหลม เขาก็ยังถ่อมตนอยู่
ขนาดซ่งหลี่เจิ้งบอกเป็นนัยให้เขาออกหน้า เขาก็จะหลีกเลี่ยง
คนโบราณเหล่านี้ ในสายตาของเขาช่างมีความสามารถ มีทักษะการใช้ชีวิตมากมาย ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเขาก็เรียนรู้ได้หลายสิ่ง
ความต้องการสําหรับตัวเขาเองคือ ขอเพียงรักษาชีวิตคนในครอบครัวสามคนไว้ให้ได้ อย่าเป็นตัวถ่วงของขบวน แต่จะให้เป็นหัวหน้า? อย่าล้อเล่นเลยน่า เป็นหัวหน้าต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ไม่ไหวหรอก
ซ่งฝูเซิงถ่อมตัว แต่ท่านย่าหม่ากลับภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางเชิดคอตั้งตรงต่อหน้าหญิงสูงวัยรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งหลาย
นางเริ่มสบายใจขึ้นแล้ว ลูกสามของข้าเป็นบัณฑิต มีคุณค่า สติปัญญาเฉลียวฉลาด อย่าเห็นว่าไม่มีพ่อตาของลูกสามแล้ว แม้เขาจะเสียชีวิตไป แต่ก็ได้รับผลประโยชน์ตกทอดมา พวกเจ้าเคยเห็นหน้ากากแบบนี้ไหม? เคยเห็นมีดแบบนี้ไหม? เขามีของดีมากมายเลยนะ
หลังจากนั้น เถียนสี่ฟาก็ยังทําให้ท่านย่าหม่าสามารถเชิดหน้าต่อได้อีก
เถียนสี่ฟาพูดกับทุกคน “ที่อยู่อาศัยตอนนี้สร้างเกือบเสร็จหมดแล้ว ขอคนมากับข้าสักสามสี่คนก่อน ข้าจะลองวางกับดักหลายอย่างเพื่อดูว่าสามารถจะจับสัตว์อะไรมาได้บ้างไหม พวกเราทำกับดักไว้หลายอันหน่อย หาพวกกิ่งไม้มีหนามแหลมมาล้อมรอบทำเป็นรั้ว โดยทั่วไปสัตว์ป่าตัวใหญ่จะไม่ค่อยตกใจเมื่อเห็นมีสิ่งกีดขวางอยู่ตรงหน้า มันมักจะเดินไปตามทางที่ไร้สิ่งกีดขวาง ไม่เดินมาทางที่พวกเราอยู่”
เมื่อเถียนสี่ฟาออกคําสั่งจบก็มีคนเดินตามเขาไปสิบกว่าคน
ท่านย่าหม่าคิดในใจ เจ้าดูสิ โดยปกติพวกเจ้าก็ไม่ชอบลูกเขยของข้า รังเกียจที่เขามีอาชีพเป็นพรานป่าอยู่บนเขา บอกว่าลูกเขยของนางใช้ชีวิตเสี่ยงอันตราย ไม่แน่ว่าวันไหนเจอหมาป่าเข้า ลูกเขยข้าก็คงสิ้นชีพ พวกเจ้านั่นแหละที่ตาบอด พวกเจ้าควรจะเจอหมาป่าแล้วโดนมาป่าคาบไปมากกว่า
สําหรับท่านย่าหม่าแล้ว สิ่งที่ทําให้นางประหลาดใจมากที่สุดก็คือหลานสาวคนเล็ก ซ่งฝูหลิง
ซ่งฝูหลิงไม่ใช่ว่าจะไม่ถ่อมตน แต่เป็นเพราะทีมเล็กๆ ทั้งหลายของนางที่อึกทึกจนไม่สามารถจะถ่อมตนได้
เด็กหลายกลุ่ม สามสี่ห้าคนวิ่งไปมา ส่งเสียงดังจนทำงานเสร็จ ใบหน้าและตามตัวต่างสกปรกมอมแมม พร้อมตะโกน “รายงาน”
หญิงสาวต่างพากันสอบถามขึ้น “นี่ทำอะไรกัน”
ซ่งฝูหลิงไม่มีเวลาตอบ นางสั่งการพี่ชายให้รีบใช้ไม้ไผ่ที่ผ่าออก ล้อมรอบหลุมสี่เหลี่ยมกว้างและยาวหนึ่งเมตร สั่งให้ปักไม้ไผ่ลึกลงหน่อยและล้อมให้แน่นหนาขึ้น เหลือไว้เพียงแค่ช่องเล็กๆ ที่ไม้ไผ่เล็กในมือนางสามารถสอดเข้าไปได้ หลังจากนั้นก็ใช้เส้นเถาวัลย์มัดพวกมันไว้อย่างแน่นหนาอีกรอบ
เมื่อทำโครงสร้างพื้นฐานเสร็จแล้ว ซ่งฝูหลิงก็หยิบหินก้อนใหญ่ที่ทีมเด็กๆ เก็บมา วางเรียงไว้ข้างใน
เถาฮวาเห็นซ่งฝูหลิงวางก้อนหิน นางจึงเข้าไปช่วย สองคนช่วยกันใช้ก้อนหินวางไว้ชั้นล่างอย่างหนาแน่น
“คราวนี้ก็เทหินก้อนเล็กๆ ลงไป”
พี่ชายคนโตซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง รับตะกร้าหินก้อนเล็กมาและเทลงไป ซ่งฝูหลิงตรวจสอบชั้นที่ปูด้วยหินก้อนเล็กนี้อีกที
“เททรายหยาบ ทุบทรายอัดให้แน่น หลังจากอัดทรายเสร็จแล้ว พี่รองกับพี่ใหญ่ค่อยๆ นำไม้ไผ่มาล้อมให้รอบด้านอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ทำเหมือนตอนยาแนวกําแพงเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลออกจากช่องว่างระหว่างต้นไผ่ ต้ายา เอ้อร์ยา พี่สองคนไปหาดินกับโคลนให้พวกเขา หาจากตรงไหนก็ได้”
ซ่งฝูหลิงพูดจบก็วิ่งออกไปหาหินที่มีขนาดเล็กใหญ่ตามลักษณะที่เหมาะสม นางต้องหาหินขนาดพอดีๆ หลายก้อนที่จะสามารถปิดท่อน้ำได้
ขณะที่นางกำลังหาก้อนหิน ไกลออกไปก็มีเด็กหลายคนตะโกนถาม“พี่พั่งยา ต้องทำอะไรต่อไปอีก?”
ซ่งฝูหลิงรีบเร่งฝีเท้าวิ่งกลับไป ก่อนใช้หินปิดปากท่อน้ำไหล หลังจากนั้นนางจึงออกคําสั่ง “ตอนนี้เททรายละเอียดที่พวกเจ้าขุดขึ้นมาจากลำธารลงไปให้หมด ทำเสร็จแล้วรอข้าสักครู่”
ท่านย่าหม่าจ้องมองหลานสาวคนเล็กของนางที่วิ่งไปแบกถุงถ่านครึ่งถุงมา “เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น พั่งยาหยุดเดี๋ยวนี้!”
ท่านย่าหม่าร้อนรนแล้ว จะเล่นโคลน ไม้ไผ่ หินทราย จะเล่นอะไรก็ได้ไม่มีใครว่า แต่ต้องไม่ใช่ถ่าน
เพราะรู้ดีว่าอยู่ในระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นลง ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร ถ่านแค่เพียงครึ่งถุงก็จะไม่พอใช้แล้ว
ก่อนที่ย่าของนางจะตามมาทัน ซ่งฝูหลิงก็ได้เทถ่านครึ่งถุงลงไป พร้อมส่งสายตาให้พี่เถาฮวาที่กำลังตื่นตระหนกเททรายที่ถืออยู่ในมือลงไปด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...