เฉียนหมี่โซ่วจ้องมองตากลมโต “ตายแล้ว?”
ซ่งฝูเซิงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “โดนงูกัดเพียงครู่เดียวก็ตาย ตายต่อหน้าข้าเลย”
เฉียนหมี่โซ่วพยักหน้า “ท่านลุง ต่อไปท่านเดินไปไหนต้องระวังนะ เพราะท่านก็กลัวอยู่มันแล้ว”
“ใช่ เจ้าก็ต้องระวังเหมือนกัน”
เฉียนเพ่ยอิงเห็นสองคนนี้ก็พูดไม่ออก ชายอายุสามสิบกว่าปีกับเด็กน้อยอายุห้าขวบพูดคุยกันดูเข้ากันได้ดี
เมื่อหันมามองบุตรสาว โอ้ว ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ ดูท่าที่กำลังครุ่นคิดนั่นสิ
ย้อนมิติมายุคโบราณ ผ่านเรื่องราวพวกนี้ ทำให้เฉียนเพ่ยอิงรู้ว่า มีชายที่ดูสมบูรณ์แบบรายล้อมอยู่ข้างกายบุตรสาวนางมากมาย ตั้งแต่มัธยมต้นก็เริ่มมีคนเข้ามาจีบ ทั้งตอนเข้าเรียน ตอนเลิกเรียน แต่เพราะอะไรพอถึงตอนทำงาน บุตรสาวของนางยังไม่มีแฟนเสียที
เด็กคนนี้ถูกปู่ของนางเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก บางครั้งจึงดูห้าวเหมือนเด็กผู้ชาย
ตอนประสบปัญหาจึงไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่จะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไร้เรี่ยวแรงจนต้องการความช่วยเหลือ นอกจากเรื่องขี้เกียจกับชอบกินแล้ว สองอย่างนี้ค่อยดูสมเป็นผู้หญิงหน่อย บุตรสาวของนางมีความคิดเป็นแบบผู้ชาย ยามเจอปัญหา ปฏิกิริยาแรกจึงเป็นการขบคิดวิธีการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่ให้โอกาสคนอื่นได้ช่วยเหลือ มิน่าล่ะถึงไม่มีคู่ครอง
ซ่งฝูหลิงกล่าว “หมี่โซ่ว เจ้ารู้ความหมายของคำว่า ‘แหวกหญ้าให้งูตื่น’ ไหม? เจ้าจะต้องจดจำไว้ ต่อไปไม่ว่าจะทำอะไร ไปฉี่ กินข้าว ล้างหน้า เจ้าจะต้องถือกิ่งไม้ในมือเพื่อแหวกหญ้าดูก่อน เมื่อแหวกจนแน่ใจว่าปลอดภัยถึงจะทำกิจอื่นได้ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ต้องไม่ลืมเช่นกัน”
ซ่งฝูหลิงก็กล่าวต่อ “ข้าจำได้ว่าในหนังสือเขียนไว้ว่า งูสายตาไม่ดี แต่การดมกลิ่นของพวกมันนั้นดีมาก เกลียดกลิ่นที่รุนแรง เมื่อได้กลิ่นก็จะหนีไป เราทำแบบนี้ดีไหม ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเราเอาน้ำส้มสายชูออกมาขวดหนึ่ง นำมาแช่ขากางเกงกับรองเท้าแล้วนำมาตากให้แห้งค่อยสวมใส่ จะได้ไม่ต้องกลัวและยังมีผลต่อจิตใจ อีกทั้งเป็นการฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย”
ซ่งฝูเซิงรีบสนับสนุน “ดี ทำตามนี้ เอาน้ำส้มสายชูออกมา แต่ใช้ของบ้านย่าเจ้าก่อนดีไหม ของพวกเราเก็บไว้กิน ของนางคุณภาพไม่ดี”
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซ่งฝูเซิงก็ยังคงกังวล เขาวางแผนที่จะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับงูที่เขารู้มาตลอดชีวิต “จงจดจำไว้ว่า ถ้าเจ้าถูกงูกัดแล้ว มีการกล่าวไว้ว่า หากงูกัดไม่ปล่อยไม่ตาย พวกเจ้าก็อย่าตะโกนร้องเสียงดัง อาจทำให้มันตกใจจนกัดแรงกว่าเดิม งูที่น่ากลัวคือกัดแล้วปล่อย หลังจากนั้นมันจะจ้องมองเจ้าอย่างเงียบๆ รู้ไหมว่ามันมองอะไร? มันรอเจ้าล้มลงยังไงล่ะ”
ซ่งฝูหลิงเกาหนังหัว
เฉียนเพ่ยอิงค้อนใส่
เฉียนหมี่โซ่วลูบแขนตนเอง โอ้ ลุงของฉันช่างน่ารำคาญเสียจริง
สมาชิกครอบครัวสี่คนนี้ไม่สนใจเรื่องภายนอก นั่งจับเข่าคุยเรื่องงูเปลี่ยนสีกันภายในเต็นท์
พวกเขาก็ไม่ได้เห็นกับตา จินตนาการกันไปก่อนทำให้ตนเองกลัว
แต่เหตุการณ์ภายนอกเป็นเช่นนี้
ทุกคนตะโกนเรียกเถียนสี่ฟาเป็นอันดับแรก
ไม่มีวิธีอื่นแล้ว อย่าเห็นแค่ว่าหมู่บ้านอยู่ใกล้ภูเขาใหญ่ เมื่อยี่สิบปีก่อนเรื่องของพ่อเถียนสี่ฟาที่ถูกเสือกัดกินทำให้พวกเขาหวาดกลัว เหตุการณ์ในตอนนั้นน่าอนาถใจมาก ไม่มีใครที่ไม่รู้ข่าวนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคนยอมอดอยาก ไม่ไปภูเขาด้านหลังเพื่อล่าสัตว์ และเข้าใจครอบครัวเถียนสี่ฟาผิด ไม่ค่อยอยากจะสนิทสนม
เสือเหล่านั้นวิ่งลงมาจากภูเขาเพื่อล้างแค้น มันน่ากลัวขนาดไหน ทุกคนต่างคิดว่าไม่ควรสนิทสนมกับบ้านเถียนมากเกินไป ถ้ามันลงจากภูเขาเพื่อมาแก้แค้นอีกครั้งล่ะ อย่าดูถูกไป บางครั้งสัตว์ป่าก็มีความทรงจำดีกว่าคนมาก
ในท้ายที่สุด เถียนสี่ฟาก็ไม่กลัวอะไร หลังจากเขาเติบโตก็มักจะขึ้นไปบนภูเขา แต่เขาไม่ได้ขึ้นไปบ่อยๆ เหมือนกับพ่อของเขาในตอนที่มีชีวิตอยู่ แต่ความรู้ที่สั่งสมมานานหลายปี ทำให้เขามีประสบการณ์มากกว่าคนส่วนใหญ่
เถียนสี่ฟากำลังช่วยครอบครัวที่เพิ่งมาทีหลังทำเพิงพักพิง เมื่อได้ยินคนเรียกเขา บอกว่ามีเด็กถูกงูกัดแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปทันที
เขาเข้ามาดูใกล้ๆ เถียนสี่ฟาไม่สนใจเด็ก เขารีบเดินออกไปหลายก้าว สักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับงูในมือ
จับได้ตอนยังมีชีวิตอยู่
ซ่วนเหมียวจื่อเป็นเด็กที่ถูกงูกัด อายุหกขวบ เป็นหลานชายคนเล็กของท่านยายหวัง
ซ่วนเหมียวจื่อเห็นงูเข้าอีกก็ตกใจจนร้องไห้อย่างหนัก งูหนีไปแล้ว ไม่มากัดเขา ทำไมถึงจับมันกลับมาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...