ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 52

สรุปบท ตอนที่ 52 จิตใจที่มีเมตตาของคนเป็นแม่: ทะลุมิติทั้งครอบครัว

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 52 จิตใจที่มีเมตตาของคนเป็นแม่ – ทะลุมิติทั้งครอบครัว โดย Internet

บท ตอนที่ 52 จิตใจที่มีเมตตาของคนเป็นแม่ ของ ทะลุมิติทั้งครอบครัว ในหมวดนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ทะลุมิติทั้งครอบครัว ตอนที่ 52 จิตใจที่มีเมตตาของคนเป็นแม่
ตอนที่ 52 จิตใจที่มีเมตตาของคนเป็นแม่

เฉียนหมี่โซ่วจ้องมองตากลมโต “ตายแล้ว?”

ซ่งฝูเซิงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “โดนงูกัดเพียงครู่เดียวก็ตาย ตายต่อหน้าข้าเลย”

เฉียนหมี่โซ่วพยักหน้า “ท่านลุง ต่อไปท่านเดินไปไหนต้องระวังนะ เพราะท่านก็กลัวอยู่มันแล้ว”

“ใช่ เจ้าก็ต้องระวังเหมือนกัน”

เฉียนเพ่ยอิงเห็นสองคนนี้ก็พูดไม่ออก ชายอายุสามสิบกว่าปีกับเด็กน้อยอายุห้าขวบพูดคุยกันดูเข้ากันได้ดี

เมื่อหันมามองบุตรสาว โอ้ว ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ ดูท่าที่กำลังครุ่นคิดนั่นสิ

ย้อนมิติมายุคโบราณ ผ่านเรื่องราวพวกนี้ ทำให้เฉียนเพ่ยอิงรู้ว่า มีชายที่ดูสมบูรณ์แบบรายล้อมอยู่ข้างกายบุตรสาวนางมากมาย ตั้งแต่มัธยมต้นก็เริ่มมีคนเข้ามาจีบ ทั้งตอนเข้าเรียน ตอนเลิกเรียน แต่เพราะอะไรพอถึงตอนทำงาน บุตรสาวของนางยังไม่มีแฟนเสียที

เด็กคนนี้ถูกปู่ของนางเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก บางครั้งจึงดูห้าวเหมือนเด็กผู้ชาย

ตอนประสบปัญหาจึงไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่จะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไร้เรี่ยวแรงจนต้องการความช่วยเหลือ นอกจากเรื่องขี้เกียจกับชอบกินแล้ว สองอย่างนี้ค่อยดูสมเป็นผู้หญิงหน่อย บุตรสาวของนางมีความคิดเป็นแบบผู้ชาย ยามเจอปัญหา ปฏิกิริยาแรกจึงเป็นการขบคิดวิธีการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตนเอง ไม่ให้โอกาสคนอื่นได้ช่วยเหลือ มิน่าล่ะถึงไม่มีคู่ครอง

ซ่งฝูหลิงกล่าว “หมี่โซ่ว เจ้ารู้ความหมายของคำว่า ‘แหวกหญ้าให้งูตื่น’ ไหม? เจ้าจะต้องจดจำไว้ ต่อไปไม่ว่าจะทำอะไร ไปฉี่ กินข้าว ล้างหน้า เจ้าจะต้องถือกิ่งไม้ในมือเพื่อแหวกหญ้าดูก่อน เมื่อแหวกจนแน่ใจว่าปลอดภัยถึงจะทำกิจอื่นได้ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ต้องไม่ลืมเช่นกัน”

ซ่งฝูหลิงก็กล่าวต่อ “ข้าจำได้ว่าในหนังสือเขียนไว้ว่า งูสายตาไม่ดี แต่การดมกลิ่นของพวกมันนั้นดีมาก เกลียดกลิ่นที่รุนแรง เมื่อได้กลิ่นก็จะหนีไป เราทำแบบนี้ดีไหม ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเราเอาน้ำส้มสายชูออกมาขวดหนึ่ง นำมาแช่ขากางเกงกับรองเท้าแล้วนำมาตากให้แห้งค่อยสวมใส่ จะได้ไม่ต้องกลัวและยังมีผลต่อจิตใจ อีกทั้งเป็นการฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย”

ซ่งฝูเซิงรีบสนับสนุน “ดี ทำตามนี้ เอาน้ำส้มสายชูออกมา แต่ใช้ของบ้านย่าเจ้าก่อนดีไหม ของพวกเราเก็บไว้กิน ของนางคุณภาพไม่ดี”

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซ่งฝูเซิงก็ยังคงกังวล เขาวางแผนที่จะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับงูที่เขารู้มาตลอดชีวิต “จงจดจำไว้ว่า ถ้าเจ้าถูกงูกัดแล้ว มีการกล่าวไว้ว่า หากงูกัดไม่ปล่อยไม่ตาย พวกเจ้าก็อย่าตะโกนร้องเสียงดัง อาจทำให้มันตกใจจนกัดแรงกว่าเดิม งูที่น่ากลัวคือกัดแล้วปล่อย หลังจากนั้นมันจะจ้องมองเจ้าอย่างเงียบๆ รู้ไหมว่ามันมองอะไร? มันรอเจ้าล้มลงยังไงล่ะ”

ซ่งฝูหลิงเกาหนังหัว

เฉียนเพ่ยอิงค้อนใส่

เฉียนหมี่โซ่วลูบแขนตนเอง โอ้ ลุงของฉันช่างน่ารำคาญเสียจริง

สมาชิกครอบครัวสี่คนนี้ไม่สนใจเรื่องภายนอก นั่งจับเข่าคุยเรื่องงูเปลี่ยนสีกันภายในเต็นท์

พวกเขาก็ไม่ได้เห็นกับตา จินตนาการกันไปก่อนทำให้ตนเองกลัว

แต่เหตุการณ์ภายนอกเป็นเช่นนี้

ทุกคนตะโกนเรียกเถียนสี่ฟาเป็นอันดับแรก

ไม่มีวิธีอื่นแล้ว อย่าเห็นแค่ว่าหมู่บ้านอยู่ใกล้ภูเขาใหญ่ เมื่อยี่สิบปีก่อนเรื่องของพ่อเถียนสี่ฟาที่ถูกเสือกัดกินทำให้พวกเขาหวาดกลัว เหตุการณ์ในตอนนั้นน่าอนาถใจมาก ไม่มีใครที่ไม่รู้ข่าวนี้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทุกคนยอมอดอยาก ไม่ไปภูเขาด้านหลังเพื่อล่าสัตว์ และเข้าใจครอบครัวเถียนสี่ฟาผิด ไม่ค่อยอยากจะสนิทสนม

เสือเหล่านั้นวิ่งลงมาจากภูเขาเพื่อล้างแค้น มันน่ากลัวขนาดไหน ทุกคนต่างคิดว่าไม่ควรสนิทสนมกับบ้านเถียนมากเกินไป ถ้ามันลงจากภูเขาเพื่อมาแก้แค้นอีกครั้งล่ะ อย่าดูถูกไป บางครั้งสัตว์ป่าก็มีความทรงจำดีกว่าคนมาก

ในท้ายที่สุด เถียนสี่ฟาก็ไม่กลัวอะไร หลังจากเขาเติบโตก็มักจะขึ้นไปบนภูเขา แต่เขาไม่ได้ขึ้นไปบ่อยๆ เหมือนกับพ่อของเขาในตอนที่มีชีวิตอยู่ แต่ความรู้ที่สั่งสมมานานหลายปี ทำให้เขามีประสบการณ์มากกว่าคนส่วนใหญ่

เถียนสี่ฟากำลังช่วยครอบครัวที่เพิ่งมาทีหลังทำเพิงพักพิง เมื่อได้ยินคนเรียกเขา บอกว่ามีเด็กถูกงูกัดแล้ว เขาจึงรีบวิ่งไปทันที

เขาเข้ามาดูใกล้ๆ เถียนสี่ฟาไม่สนใจเด็ก เขารีบเดินออกไปหลายก้าว สักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับงูในมือ

จับได้ตอนยังมีชีวิตอยู่

ซ่วนเหมียวจื่อเป็นเด็กที่ถูกงูกัด อายุหกขวบ เป็นหลานชายคนเล็กของท่านยายหวัง

ซ่วนเหมียวจื่อเห็นงูเข้าอีกก็ตกใจจนร้องไห้อย่างหนัก งูหนีไปแล้ว ไม่มากัดเขา ทำไมถึงจับมันกลับมาอีก

ให้มองดูว่าบริเวณใกล้ๆ นี้มีต้นหญ้าขึ้นดีตรงไหนและถูกกัดแทะไปมาก นั่นเป็นผลงานของหนูภูเขา หนูภูเขาจะเลือกกัดแทะหญ้าดีๆ เพื่อนำกลับไปทำรัง ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัด มันจะกัดกินหญ้าเป็นทางเพื่อสร้างทางเดินของหนูภูเขาและพวกมันชอบเดินทางผ่านทางนี้เท่านั้น หนูเป็นสัตว์ขี้กลัว มันจึงไม่เดินบนเส้นทางที่มันไม่เคยใช้

ซ่วนเหมียวจื่อได้ฟังจนจบก็อยากลงมือทำ เขารีบขึ้นเขาไปเพื่อทำตามขั้นตอนนั้น ถ้าหากจับหนูภูเขาได้ล่ะ เขาก็จะจับหนูสักตัวหนึ่งกลับไปให้ท่านย่าย่างเพื่อกินเนื้อ

มันช่างบังเอิญที่เด็กวัยหกขวบสามารถหาทางเดินของหนูภูเขาจนเจอ ไม่คาดคิดว่าเสี่ยวชุ่ยก็อยู่ด้วย เสี่ยวชุ่ยกับเขามีเป้าหมายเดียวกัน คือมาเพื่อที่จะจับหนูไปกิน

ซ่วนเหมียวจื่อไม่กลัวหนู เขาเคยจับมันตอนอยู่ในท้องนา แต่เขากลัวเสี่ยวชุ่ย เขาตกใจร้องเสียงดังทำให้หนูตื่นตระหนกจนวิ่งหนีไป แต่ไปรบกวนเจ้างูเสี่ยวชุ่ย เสี่ยวชุ่ยเกลียดเขาจึงกัดเขา

ในเวลานี้เถียนสี่ฟาก็มาถึงรังหนู เขาสั่งให้คนอื่นปิดปากรูอื่นไว้ น้ำฝนที่ตกลงมาไหลไปตามใบหน้าและร่างกายของเขาจนทำให้ร่างเปียกโชก

เปิดฝาถุงน้ำออกแล้วเริ่มเทน้ำใส่ลงไปในรูของหนูภูเขา สักครู่หนูตัวใหญ่เป็นพิเศษสองสามตัวก็วิ่งออกมา

ทุกคนดีใจมาก

ดีใจที่ซ่วนเหมียวจื่อไม่ได้ถูกงูมีพิษกัด โชคดีที่ยังมีชีวิตรอดมาได้

และดีใจที่เย็นนี้จะมีเมนูอาหารเพิ่มมาอีก ผัดซอสเนื้อหนู

ท่านย่าหม่าดีใจเป็นพิเศษเพราะหลี่เจิ้งเป็นคนประกาศและทุกคนต่างก็บอกว่าเถียนซี่ฟาเป็นคนจับเสี่ยวชุ่ย ดังนั้นมันจึงตกเป็นของครอบครัวนาง นางสามารถทำน้ำซุปงูแยกต่างหากได้อีกเมนู

ท่านย่าหม่ายังห่วงลูกสาม ต้องให้ลูกสามได้กินเนื้องูเยอะหน่อย เขาเป็นคนชอบกิน ครั้งนี้ต้องให้เขากินให้หายอยาก

——

[1] เสี่ยวชุ่ย เป็นงูชนิดหนึ่งพันธุ์เล็กตัวสีเขียว ขี้ตกใจ ธรรมดาจะไม่จู่โจมคน เป็นงูที่ไม่มีพิษ

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว