กลิ่นดินโคลนลอยอยู่ในอากาศ เม็ดฝนตกกระหน่ำใส่ต้นไม้ใบหญ้าและพื้นดิน
พายุลมแรงพัดพาฝนเม็ดใหญ่สาดลงมา ตกลงสู่พื้นดินก็กระเด็นเป็นหมอกสีขาวเหมือนคลื่นที่ถาโถม
ข้างนอกมืดมิด มีหมอกหนาแน่น
ภายในเต็นท์ก็ดูมืดสลัว
ลมพัดผ้าม่านจนม้วนสะบัด ฝนสาดเข้ามา เฉียนเพ่ยอิงนำเชือกมาผูกไว้ด้านในสองเส้นจนแน่น เพื่อไม่ให้มันสะบัดไปมา
ซ่งฝูหลิงยืนตรวจหลังคาเต็นท์ด้านบน กลัวว่าจะมีรอยรั่ว
ยังดีที่ตอนสร้างเต็นท์ พ่อแม่ของนางทำหลังคาเต็นท์ทับกันหลายชั้นและมิดชิดมาก ชั้นด้านในสุดเป็นเสื่อน้ำมัน เสื่อน้ำมันคลุมเกินจากด้านบนลงมา มองดูแล้วยังสภาพดีกว่าคนพวกนั้นที่อาศัยอยู่ตรงเพิงพักพิงมาก
ซ่งฝูหลิงวางใจ นางนั่งลงขัดสมาธิโดยมีผ้าห่มพันรอบตัวกับน้องชาย ในผ้าห่มก็มีถุงน้ำร้อนถุงหนึ่งที่ให้ความอบอุ่นกับเท้าทั้งสองข้าง บางทีก็นำถุงน้ำมาวางให้ความอบอุ่นบนท้อง
ในมือของเฉียนเพ่ยอิงก็มีอีกถุงหนึ่ง แต่นางชอบนำถุงน้ำวางไว้ใต้ฝ่าเท้าของซ่งฝูเซิง
จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร?
ตั้งแต่ขึ้นเขามา ซ่งฝูเซิงก็ถอดรองเท้าออกแล้วสวมรองเท้าฟางที่ท่านย่าหม่าเป็นคนทำ
รองเท้าแตะฟางนั้นสะดวกและไม่ต้องกลัวว่าจะสกปรก บางครั้งก็ต้องย่ำดินด้วยเท้าเปล่าเพื่อทำโคลน เดินลงแม่น้ำเพื่อไปตักน้ำ ในสายตาของเฉียนเพ่ยอิง ฝ่าเท้าของสามีนางไม่เคยได้รับความอบอุ่นมาก่อน นางเกรงว่าเขาจะเย็นเท้าจนเจ็บป่วย
ซ่งฝูเซิงสวมกางเกงขาสั้นตัวใหญ่ เปลือยกายด้านบนแต่ก็พันตัวด้วยผ้าห่ม
หมี่โซ่วรังเกียจที่ตัวของเขาไม่สะอาด เขาจึงจำเป็นต้องถอดผ้าทั้งหมดออก เสื้อผ้าก็เปียกชื้นด้วย ทำให้สวมใส่ไว้ก็ไม่สบายตัว
ซ่งฝูเซิงดึงผ้าห่มที่เลื่อนตกลงมาให้กระชับขึ้นหน่อย อีกมือหนึ่งถือฝากาน้ำร้อนที่ลูกสาวใช้ใส่น้ำร้อน เขาดื่มน้ำอุ่นก่อนจะโบกมือพูดกับเฉียนเพ่ยอิง “รีบทำให้ตัวเจ้าอบอุ่นเถอะ ข้าไม่หนาว”
“ไม่ทำให้เจ้าเสียเวลาหรอกน่า แค่เอาถุงน้ำวางอยู่ใต้ฝ่าเท้าให้ร้อนไว้หน่อย”
ซ่งฝูเซิงปฏิเสธอีกครั้ง ไม่ต้องยุ่งยากมาก เขาแง้มหน้าต่างออกหน่อยเพื่อดูสถานการณ์ข้างนอก เมื่อยื่นหัวมองออกไปก็ถึงกับขมวดคิ้วถอนหายใจ
ซ่งฝูหลิงถาม “ท่านพ่อ ด้านนอกยังมีคนไหม? ทุกคนยังอยู่ตรงนั้น? ได้ยินที่พวกเขาพูดกันหรือไม่ ตกลงเป็นเด็กบ้านใครที่ถูกงูกัด ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...