ตั้งแต่มาถึงจุดพักผ่อน เมื่อรู้ตำแหน่งพื้นที่ของบ้านตนเองแน่นอนแล้ว ซ่งฝูหลิงกับแม่ของนางก็รีบนำเสื่อออกมาปู
บนเสื่อสานด้านบนมีแผ่นรองกันชื้น แผ่นรองกันชื้นด้านบนปูด้วยผ้านวมอีกชั้น ซ่งฝูหลิงเข้าไปนอนไม่ขยับเขยื้อน ไม่สนใจเรื่องอะไร ได้แต่ลืมตาจ้องมองท้องฟ้า
เถาฮวาที่เหนื่อยจนเคยชิน เดินมาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พั่งยา ไปเก็บหญ้าแห้งกัน”
ซ่งฝูหลิงโบกมือปฏิเสธ ไม่ไป
ซ่งจินเป่าอดทนสักพัก ถึงด่าออกมาประโยคหนึ่ง “ผู้หญิงขี้เกียจ”
ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปเรียนมากับใคร
เดิมทีซ่งจินเป่าอยากจะด่าพี่พั่งยาเหมือนกับทุกครั้งที่เขาด่าพี่สาวแท้ๆ ที่อยากด่าอะไรก็ด่าออกมา แต่เขากลัวว่าจะอดกินข้าวสวย
ตอนอยู่บนภูเขา เขาไม่ได้แย่งหมาฮวาของต้ายากับเอ้อร์ยากิน เพราะต้องการรอกินข้าวสวย ตอนนี้เหมือนขี่อยู่บนหลังเสือ ลงมาลำบาก เพราะมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ไม่สามารถทำให้พี่พั่งยาขุ่นเคืองใจได้ แต่ถ้าไม่ด่าก็รู้สึกอิจฉาริษยานางมากๆ
เขาตัวเล็กกว่าพี่พั่งยามาก นางมีสิทธิ์อะไรได้นั่งรถบ่อยๆ มาถึงสถานที่ตรงนี้แล้วก็ไม่ทำงาน รู้แต่ว่าจะนอนอย่างเดียว
ซ่งฝูหลิงนอนเอนกายมองซ่งจินเป่าไปเก็บหญ้าแห้ง จะว่าเป็นผู้หญิงขี้เกียจก็ตามนั้นเถอะ
เมื่อครู่ป้ารองจูซื่อยังแอบถลึงตาใส่นาง นางคงคิดในใจว่าเป็นคนผลาญเงินทอง หลังจากนั้นคงเหน็บแนมด้วยคำพูดหลายประโยค คาดว่าคงแขวะนางไปก่อนแล้ว
ถลึงตาใส่ก็ถลึงตาไปเถอะ อย่าคิดว่านางไม่เห็น
ท่านย่าหม่ากลับมาเห็นหลานคนเล็กมีสภาพแบบนี้ ก็กล่าวตักเตือนไปหลายประโยค
ซ่งฝูหลิงคิดในใจ ด่าไปเถอะ ถึงอย่างไรก็ไม่ลุกขึ้น ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน ด่าไปประเดี๋ยวก็คงหมดแรงไปเอง
ท่านย่า ตอนนี้ท่านด่าข้า เพราะว่าท่านยังไม่ชินไง รอจนชินกับความขี้เกียจของข้า ท่านก็จะคุ้นเคยไปเอง หากวันใดที่ข้าขยันขึ้นมา ท่านจะต้องตบมือตะโกนร้องออกมาอย่างดีใจ “โอ้ หลานสาวคนเล็กของข้ามีอนาคตแล้ว สุดยอดจริงๆ”
ซ่งฝูหลิงฉีกยิ้มมองท้องฟ้า
ใบหน้าของซ่งฝูหลิงเปื้อนโคลนจนดำเมี่ยม เวลายิ้มเห็นฟันดูจึงดูน่าเกลียดน่ากลัวนัก ซ่งอิ๋นเฟิ่งที่รีบเดินมาก็เห็นเข้าพอดี
นางก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็ยังชอบหลานสาวคนเล็กนี้มาก ที่สำคัญหลานสาวคนนี้ก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของน้องสามด้วย
“พั่งยา เจ้าไม่สนใจน้ำแล้วหรือ? ยังต้องกรองน้ำหรือไม่? ถ้าเจ้าไม่กรองแล้วพวกข้าจะได้เทน้ำลงในกระทะ”
ซ่งฝูหลิงสบตากับนาง “ดื่มแบบสกปรกๆ ไปละกัน” พอพูดจบ สมองก็เห็นภาพการทดสอบพิษโดยการถุยน้ำลายลงในแม่น้ำ นางจึงรีบพูดขึ้นว่า “ท่านป้า ท่านหยดน้ำส้มสายชูลงไปหลายหยดหน่อยละกัน พวกเรายอมกินน้ำเปรี้ยวๆ”
ท่านย่าหม่ากัดฟันบ่น “เรื่องมากจริงเชียว!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าเด็กหัวเหม็นนี่จะต้องกินน้ำต้มให้ได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะคับขันแค่ไหนก็ยังจะเรื่องมาก
ทำเอานางที่อยู่บนรถลากต้องใช้หม้อเล็กต้มน้ำ เมื่อจะต้มน้ำก็ต้องให้คนลงจากรถไปก่อนเพราะไม่มีพื้นที่ และยังต้องระมัดระวังมากขึ้นเพราะบนรถมีสิ่งของเยอะแยะมากมาย ต้องระวังไม่ให้ไหม้ไฟ และยังต้องคอยระวังหม้อไม่ให้ตกลงมาลวกตนเองอีก
ตลอดการเดินทางต้องต้มน้ำถึงสามครั้ง เด็กนั่นเหมือนควาย ดื่มน้ำมากมายไม่รู้จักพอ ดื่มเองก็พอแล้ว ยังจะบอกให้ทุกคนดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อบำรุงร่างกายอีก เจ้าพั่งยานี่ทำตัวเป็นคนดี แต่ทำให้ยายเฒ่าอย่างนางลำบาก ต้องมานั่งต้มน้ำให้บนรถลากแบบนี้
ยังดีที่พั่งยานอนหลับไปนานถึงได้หยุดดื่มสักที เฮ้อ มิเช่นนั้นคงต้องทรมานกว่าเดิม
“เจ้าได้ยินไหม ผู้ลี้ภัยพวกนั้นแทบจะดื่มน้ำดิบกันแล้ว ยัยเด็กนี่ยังจะต้องให้ใส่น้ำส้มสายชูอีก”
ซ่งอิ๋นเฟิ่งรีบกระซิบห้าม “ท่านแม่ ท่านพูดเบาๆ หน่อย ตอนอยู่บนเขาน้องสามได้กำชับท่านไว้ ท่านลืมแล้วหรือ? พั่งยาโตแล้ว อย่าด่านางต่อหน้าคนอื่น ครอบครัวแต่ละบ้านอยู่ติดกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...