ตอนที่ 92
ท่านย่าหม่าไม่สนใจยาน้ำนี้แล้ว นางรีบวางชามลง นั่งอยู่ในกลุ่มคนแต่ส่งสายตาให้กับซ่งฝูเซิงไม่หยุด ความหมายคือ ฆ่าสัตว์ของครอบครัวคนอื่น ฆ่าสัตว์ของครอบครัวคนอื่น
แต่ในใจก็ครุ่นคิดไม่ชัดเจน
หนึ่ง มีเพียงบ้านนางที่มีล่อ ถ้าไม่ได้จะฆ่าล่อ ลูกสามของนางก็คงไม่พูดล่อ ควาย แต่ควรเป็นควายแก่
สอง ลูกสามของนาง ไม่ใช่ลูกสามคนเดิมของนางเมื่อก่อนแล้ว แต่ก่อนนางสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมบีบน้ำตาร้องไห้ ขู่จะแขวนคอกับเขาได้ แต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้ผล ถ้าจะต้องฆ่าล่อของนาง จะทำอย่างไรดี?
การฆ่าสัตว์ในสายตาชาวไร่ชาวนายุคโบราณถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะชาวนาที่นี่ ในชีวิตหนึ่งอาจจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของควายแม้แต่หนึ่งตัว
เปรียบเหมือนกับยุคปัจจุบันเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินจนถึงขั้นต้องขายบ้าน
ไม่ได้มีเพียงแค่คนที่เป็นเจ้าของสัตว์เท่านั้นที่ตื่นตระหนก หลายครอบครัวที่ไม่มีสัตว์เป็นของตัวเองต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
แต่เรื่องจริงที่ปรากฏต่อหน้า ไม่ต้องให้ซ่งฝูเซิงพูดอีกรอบทุกคนก็เข้าใจ สัตว์เหล่านี้ทำให้เปลืองน้ำมากที่สุด พวกมันดื่มน้ำมากกว่าคนเยอะ สถานการณ์ในตอนนี้คงให้อาหารไม่ไหว สัตว์กินหญ้าเป็นอาหาร แต่หญ้าที่อยู่บริเวณโดยรอบแห้งกรอบจนหาใบสีเขียวไม่เจอ
ซ่งฝูเซิงกล่าวเตือน
“ไม่เพียงแค่ไม่มีหญ้า น้ำกับอาหารก็เหลือน้อยด้วย พวกเจ้ารู้เพียงแค่ส่วนเดียว ยังไม่รู้ว่ายังมีส่วนที่สองอีก…
…พวกเราดื่มยาเพราะกลัวว่าสภาพอากาศร้อนมาก คนตายเยอะ ยุงกัดเนื้อที่เน่าเปื่อยแล้วกลับมากัดพวกเรา จำเป็นต้องป้องกันไม่ให้ป่วย…
…แต่พวกเจ้าเคยคิดกันหรือไม่? พวกสัตว์ไม่มีอะไรคลุมตัว ไม่มีอะไรป้องกันก็อาจเป็นโรคได้…
…จากเมื่อก่อนที่ข้าเห็นในหนังสือ พวกโรคระบาดพวกนี้มักจะแพร่เชื้อมาจากสัตว์ ที่ทำให้คนถึงกับตกใจก็ยามที่พวกมันเป็นโรคติดต่อ ใครได้สัมผัสก็พลอยติดเชื้อไปด้วย สามารถแพร่ระบาดไปสู่อีกคนได้อีก…
…มีทั้งหนู วัว สัตว์พวกนี้ที่สามารถเป็นพาหะในการแพร่ระบาดไปได้อีกเยอะ”
เกาถูฮู่ถามออกมาด้วยความร้อนรน “เสี่ยวซาน จริงหรือ?”
ซ่งฝูเซิงพยักหน้า “ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามีน้ำให้ดื่มไหม แค่สภาพอากาศที่ร้อนจัดจนน่าพิศวงก็ต้องทำการป้องกันไว้ก่อน สัตว์ของพวกเราต้องถูกฆ่าทิ้ง อาศัยช่วงที่พวกมันยังไม่ป่วยไม่เป็นอะไร เนื้อสัตว์จะสามารถเอามากินได้ ฆ่ามันแล้ว อย่างน้อยก็สามารถใช้เป็นอาหาร ถ้ารอให้มันป่วยจนล้มลงเอง ตอนนั้นคงห้ามแตะต้องมัน แม้ว่าจะอดตายก็ห้ามกินเป็นอันขาด”
หัวข้อนี้อาจจะดูค่อนข้างหนักไปหน่อย ทุกคนปรึกษากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่างปรึกษากันว่าจะฆ่าดีหรือไม่
ฆ่าแล้วทุกครอบครัวก็จะได้รับส่วนแบ่งเนื้อสัตว์
สภาพอากาศที่ร้อนจัด ฆ่าสัตว์ของบ้านใครคนใดคนหนึ่งแล้วคงไม่สามารถเก็บไว้กินเพียงครอบครัวเดียวได้เพราะมีเกลือเหลือไว้หมักเนื้อไม่มาก ตอนนี้มีครอบครัวที่ไม่มีเกลือ แต่สุดท้ายทุกคนต่างมีข้อเสนอแนะเหมือนกัน เสมือนว่าจะต้องฆ่าสัตว์บ้านของตนเองเช่นนั้น
“ฝูเซิง เลี้ยงพวกมันอีกสักครึ่งวัน แค่ครึ่งวัน พวกเราใช้น้ำอย่างประหยัดหน่อย ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ฝนตก สภาพอากาศเย็นขึ้น ถ้าพรุ่งนี้หาน้ำได้แล้วล่ะ? หากพรุ่งนี้เดินหน้าต่อไปไม่เจอคนตายแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวโรคระบาด”
ซ่งฝูเซิงพลอยคล้อยตามอารมณ์กับทุกคนอีกครั้ง
เขาบอก
“ตกลง มีความหวังไว้บ้างก็ดี ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะฟังความเห็นของทุกคน ถ้าพรุ่งนี้ตอนบ่ายยังไม่มีน้ำ สภาพอากาศก็ยังร้อนเช่นเดิม ถ้าเช่นนั้นจะดูว่าสัตว์บ้านใครกินอาหารไม่ค่อยลง อาการไม่ดี พวกเราก็ฆ่าสัตว์ของบ้านนั้นเสีย”
——
ยามค่ำคืนอันเงียบสงัดประมาณตีหนึ่งกว่า ทุกคนต่างสวมที่คลุมหัวปกปิดมิดชิดกันทุกคน พวกเขากำลังนอนหลับสนิท
เฉียนเพ่ยอิงนอนพลิกตัว นางเอามือคลำข้างกายแต่พบความว่างเปล่า ทำให้นางถึงกับตกใจตื่นขึ้นมา
นางทั้งเหนื่อยทั้งง่วงทั้งหิว หรี่ตา พยายามดันกายให้ลุกขึ้น นางอาศัยแสงสว่างจากกองไฟ มองบริเวณโดยรอบก็ไม่พบแม้แต่เงาของซ่งฝูเซิง
วันนี้พวกเกาเถี่ยโถวคอยเฝ้ายามกลางคืน แต่ไม่ค่อยจะน่าเชื่อใจเท่าไรเพราะนอนกรนกันเสียงดัง
เฉียนเพ่ยอิงแอบหยิบผ้าอนามัยมาเปลี่ยน กลับมาเห็นสภาพนี้ก็ถึงกับส่ายหัว
นี่ยังดีที่ไม่เจอโจรปล้น เพียงแค่เคยเจอโจรลักเล็กขโมยน้อยที่ต้องการกระบอกน้ำร้อนเก็บอุณหภูมิ พวกเขาไม่มีสิ่งของอะไรที่ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของโจรป่า หากพบเจอจริง เด็กหนุ่มพวกนี้โดนฆ่าตายไปตอนไหนก็อาจจะยังไม่รู้ตัว
“ท่านพี่?” เฉียนเพ่ยอิงไม่กล้าเดินเพ่นพ่านออกไปไกล นางถูกลูกสาวขู่ทำให้ตกใจกลัว เกรงว่าถ้าไม่ระวังจะเหยียบกระดูกขาวได้
“นี่ อยู่ตรงนี้ ทำไมเจ้าถึงยังไม่นอน?”
“ท่านก็ยังไม่นอนเหมือนกัน?”
“เฮ้อ! ข้าเหนื่อยมากจนนอนไม่หลับ”
เฉียนเพ่ยอิงนั่งยองๆ ตรงหน้าซ่งฝูเซิงและพูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ “แย่แล้ว เจ้าเข้าไปพื้นที่พิเศษเพื่อไปเอาบุหรี่มวนหนึ่งออกมาสูบ ท่านแกะห่อบุหรี่ที่แอบวางอยู่ในตู้ตรงทางเดินเข้าออกใช่ไหม? ท่านเก่งจริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...