“สวัสดีค่ะคุณธีร์ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณมางานแต่งของสุ” คนถูกทักทายยิ้มให้
“ขอให้คุณสุมีความสุขมากๆ นะครับ...เจ้าบ่าวก็เช่นกัน อ่อ นี่พิยะตาหลานสาวของผม” ธีร์เห็นสายตาตั้งคำถามมองมายังคนข้างกาย เขาจึงแนะนำเธอให้รู้จักกับพิยะตา ส่วนอีกคนคงไม่ต้องบอกว่าเขาเป็นใครแต่สิ่งที่ชายหนุ่มอยากเปิดเผยก็คือ
“นี่ก็ธัญญ์ คงรู้จักกันแล้ว หลานชายคนเดียวของผมและก็เป็นผู้สืบทอดกิจการทั้งหมดของสินสาโรจน์” ธัญญ์จงใจจ้องมองใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาเคลือบ เขาอยากจะเห็นสีหน้าเวลาที่เธอรับรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่สถาปนิกไส้แห้งอย่างที่เธอเคยเห็น เขาเป็นถึงหลานชายของนักธุรกิจใหญ่ แถมยังเป็นมหาเศรษฐีระดับต้นๆ เสียอีก สีหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้าซีดลงเหมือนมันซึมผ่านผิวที่ไร้สีสันของคนเธอ เจ้าสาวคนงามเม้มปากราวกับมีของหนักฟาดลงที่ใบหน้าของเธอ
“อืม เจ้าบ่าวหล่อมาก มีความสุขเช่นกันนะครับ”
“ขอบคุณครับ เชิญด้านในดีกว่า อาหารพร้อมต้อนรับแล้วครับ”
เจ้าบ่าวหนุ่มเชื้อเชิญ แต่ธัญญ์ยังยืนนิ่ง จวบจนเจ้าสาวที่ควรจะเป็นของเขาเดินเลี่ยงไป เขาจึงเดินตามห่างๆ จิตใจคนหนุ่มเจ็บร้าวจนชาเรี่ยวแรงที่จะก้าวเดินยังแทบไม่มี เขาต้องฝืนร่างกายให้เข้มแข็งเพื่อไม่ให้ใครรับรู้อาการของเขา ชายหนุ่มลอบมองหญิงสาวจากด้านหลัง แผ่นหลังขาวนวลเนียนที่เขาเคยคลอเคลียมันช่างตอกลึกสุดขั้วหัวใจแว๊บนึงเขาก็คิดว่าเธอหันมองเขาเช่นกัน แต่มันคงไม่มีความหมายอีกแล้วเพราะเธอเลือกที่จะทิ้งเขาไป ผู้ชายที่ไม่มีอะไรเทียบเจ้าบ่าวคนนี้เลย แขกในงานมากมายล้วนแล้วแต่เป็นผู้ดีมียศชายหนุ่มเดินเลี่ยงมาอีกมุม ธัญญ์ต้องการสยบความรู้สึกทรมานที่กัดกินจิตใจให้หมดสิ้น สิ่งที่ชายหนุ่มใช้เป็นที่พึ่งก็คือเครื่องดื่มสีเข้มในแก้วใสๆ เครื่องดื่มที่บริกรเดินมาเสิร์ฟถูกยกพรวดเดียวหมดไปหลายแก้วใบหน้าคมเข้มเริ่มมีสีแดงเปื้อนจางๆ เลือดภายในร่างกายคงสูบฉีดจากฤทธิ์เครื่องดื่มมึนเมา สายตาคมมองไปรอบๆ งานหมายจะค้นหาอะไรบางอย่างที่ตัวเองก็บอกไม่ได้ คงไม่ใช่เพื่อนสนิทหรือนักธุรกิจใหญ่เป็นแน่ เรือนร่างบางอรชรในชุดสีชมพูหวานผิวไหล่ขาวนวลเนียนเวลาต้องแสงนีออน ดวงตากลมโตแก้มขาวเนียนช่างดึงดูดให้เขาจ้องมองเธออยู่เป็นนาน มือเรียวที่ยกไหว้คนสำคัญในงานดูนอบน้อมเกินกว่ากิริยาของสาวสิ้นคิด ธัญญ์รู้สึกว่าใจเขาเริ่มเต้นโครมครามเมื่อดวงตาหวานหันมองมายังเขา สายตาเธอมิได้กลัวการจับจ้องของเพศตรงข้ามเลยซักนิด กลับมองท้าทายเหมือนยั่วยวนให้เขาพิศสวาทเธอเสียอีก
“ธัญญ์” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านข้าง ชายหนุ่มจึงหันไปมอง ร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวยาวยืนมองเขาอยู่ ชายหนุ่มรู้สึกฝืดในลำคอ เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“มีอะไรครับคุณเจ้าสาว”
“อย่าประชดสุแบบนั้นสิคะ...สุเสียใจที่เรื่องของเรามันเป็นแบบนี้”
“ฮ่าๆ ผมลืมมันไปหมดแล้วครับคุณสุ อย่าได้ใส่ใจกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วเลยครับ”
“สุขอโทษค่ะ...สุไม่รู้จริงๆ”
“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด...แต่ถ้าไม่รู้เพราะไม่เคยเปิดใจที่จะรับรู้มันก็ยากที่จะตัดสินใจว่าผิดหรือเปล่า”
“คุณยังโกรธสุอยู่จริงๆ ด้วย...ธัญญ์คะ” เรียวปากบางเม้มราวกับสิ่งที่เธอจะพูดนั้นมันอัดอั้นเต็มทน
“ทำไมธัญญ์ไม่บอกสุเลยคะ ว่าคุณเป็นหลานของคุณธีร์” สิ่งที่เขาคิดเป็นจริงเสียแล้ว เธอดูสนใจเขาขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าชาติตระกูลเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าบ่าวในคืนนี้ อีกทั้งจะดูสูงศักดิ์กว่าเสียด้วยซ้ำ
“ผมคิดว่าไม่จำเป็นเลยซักนิด…แต่ถ้าหากการที่เราเคยคบกันมันไม่ได้เกิดจากความรักแล้วล่ะก็ ผมคิดว่าเป็นการดีเสียอีกที่คุณเพิ่งรู้ความจริงตอนนี้” ชายหนุ่มแสร้งหันไปมองทางอื่น
“ถ้าบอกสุเร็วกว่านี้ เรื่องของเรามันคงไม่จบแบบทางใครทางมันหรอกค่ะ”
“ทำไมครับ คุณจะยอมมาแต่งงานกับผมงั้นเหรอ” หญิงสาวเม้มปากอีกครั้ง คำพูดของเขาเหมือนต่อว่าเธอตรงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม