“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ฟรานซิสโกตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าวันนี้เขาต้องคุยกับนภาลัยให้รู้เรื่อง เขาแทบบ้าเพราะไม่ได้เจอหญิงคนรักมาแรมเดือน หลังจากที่กมลเนตรถูกเรียกตัวกลับเมืองไทย ในวันนั้นเขาเดินทางมาพร้อมกับเธอ เปิดเผยตัวเองในฐานะคนรักของกมลเนตร ครั้งแรกที่ได้เจอหน้านภาลัย นางเปิดเผยออกมาทันทีว่า ไม่ชอบหน้าเขาอย่างแรง แทบจะไม่มองหน้าเลยด้วยซ้ำ คำประกาศิตของนภาลัยผู้เป็นยายของกมลเนตร ประกาศออกมาว่าห้ามเขามายุ่งกับกมลเนตรไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม เป็นความผิดของเขาเองที่วันนั้นห้ามใจตัวเองไม่อยู่จูบเธอ โดยไม่รู้ว่านภาลัยยืนอยู่ข้างหลัง รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ชอบชาวต่างชาติด้วย
“มาทำไมมีธุระอะไรถึงมาที่นี่” นภาลัยถามออกมาเป็นชุด ปรายตามองผู้มาเยือนด้วยหางตาอย่างไม่ใส่ใจ
“ผมมาหาตาครับ” ฟรานซิสโกบอกความจำนง เขาต้องพยายามพูดภาษไทยให้ชัดถ้อยชัดคำ เป็นเพราะนภาลัยจะไม่เสวนากับเขาหากพูดภาษาต่างประเทศ ดีที่ว่าเขารู้จักและคุ้นเคยกับภาษาไทยมาตั้งแต่เด็ก ได้ยินทิพย์ธาราพูดกับวิตโตริโอบ่อยครั้ง เขาจึงซึมซับภาษาไทยไว้ในสมอง แม้ไม่คล่องแคล่วเท่ากับเพื่อนรัก แต่สามารถสื่อสารได้ เพราะมีครูดีที่ชื่อทิพย์ธารา คอยเคี่ยวเข็ญสอนเขาอย่างหนักตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ไม่อยู่ ออกไปข้างนอก”
“ไปไหนครับ”
“ไปดูแหวนหมั้นกับคุณสุรสีห์” แหวนหมั้น คุณสุรสีห์ หมายความว่ายังไง หัวใจของคนที่ฟังเต้นแรง ความอยากรู้วิ่งแล่นมาจุกที่ปาก จำต้องเผยอถามเพื่อให้คลายความสงสัย
“แหวนหมั้นอะไรครับ แล้วคนที่ชื่อสุรสีห์นี่คือใคร”
“ก็แหวนหมั้นนะสิ ไม่เข้าใจเหรอ แหวนหมั้นก็ต้องเอาไว้หมั้น พอหมั้นเสร็จ อีกไม่นานงานแต่งงานก็เกิดขึ้น ส่วนคุณสุรสีห์ก็คือว่าที่คู่หมั้น ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตของไง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ” นภาลัยตอบสวนชายหนุ่มสเปนด้วยความหมั่นไส้ ปล่อยให้อกแตกตายอยู่ตรงนี้แหละ ดี โทษฐานที่มาจูบหลานสาวสุดที่รักของนางต่อหน้าต่อตา
“ตาจะหมั้นหรือจะแต่งงานกับใคร หน้าไหนไม่ได้นะครับ ผมไม่ยอม” เขร้องค้านออกมาทันที หากมีงานหมั้นเกิดขึ้นจริงเขาจะพังให้ราบ ฉุดกมลเนตรออกจากงานกักขังเธอให้ไม่ได้รับอิสระ เธอต้องเป็นของเขาคนเดียวคนเดียวเท่านั้น ชายอื่นอย่าได้หวัง
“คุณเป็นใครถึงไม่ยอม แล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญ ฉันขอตัว”
“ผมเป็นเป็นสามีของกมลเนตร ฐานะนี้พอจะเกี่ยวข้องกับงานหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ไหมครับ” ฟรานซิสโกพูดฐานะตัวเองที่พยายามปิดบังมานานให้กับนภาลัยได้รับทราบ ผู้สูงวัยมองหน้าผู้พูดเขม็ง ในที่สุดฐานะของฟรานซิสโกเปิดเผยสักที
“ถึงยังไง คุณก็ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ดี ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะอะไรกับหลานสาวของฉันงานหมั้นก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี”
นางพูดไม่ทุกข์ร้อน ลอบยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่แดงกล่ำ กัดกรามทั้งสองข้างแน่น มือทั้งสองข้างกำเข้าหากัน ข่มความโกรธไว้ภายใน ไม่มีทางงานหมั้นต้องไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“แล้วผมจะคอยดูว่างานหมั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่” เสียงที่พูดนั้นเข้มจัด หนักแน่น ฟรานซิสโกจะทำทุกอย่างไม่ให้งานหมั้นนั้นเกิดขึ้น
นภาลัยยิ้มอย่างสมใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าสำราญหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ นี่คือการแก้เผ็ดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นางสังเกตเห็นหลานสาวสุดที่รัก นั่งเหม่อลอย มีหยาดน้ำตาไหลอาบลงมา เหมือนกับกำลังคิดถึงใคร นางรู้ว่าคนที่กมลเนตรรักและคิดถึงคือหนุ่มหน้าเข้ม แสนกวนที่เดินจากไป เห็นทีนางคงต้องเลือกความสุขของหลานสาวมากกว่าความพึงพอใจของนาง
ครั้งแรกที่นางรู้ว่าฟรานซิสโกคือคนรักคนใหม่ของหลานสาว แทนที่วิตโตริโอที่เลิกรากันไป นางยอมรับว่าไม่ชอบหน้าของหนุ่มสเปนคนนี้ กีดกัน ขัดขวางทุกครั้งที่นางมีโอกาส ไม่ให้พบหลานสาวบ้าง โดยอ้างว่าไม่อยู่ ไม่สบาย กำลังนอนและเหตุผลอีกมากมายที่นึกออก จนกระทั่งวันที่นางเห็นทั้งสองจูบกัน นางโกรธและยื่นคำขาด ไม่ให้ทั้งสองคบหากันอีกต่อไป ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากัน
รถยนต์คันโก้ของสุรสีห์แล่นมาจอดที่หน้าประตูรั้ว เพื่อรอคนรับใช้มาเปิดประตู ฟรานซิสโกที่จอดรถซุ่มรออยู่ประมาณสามชั่วโมง ก้าวเดินลงมาจากรถ ใบหน้าของเขาเรียบตึงบึ้ง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“ลงมาไอ้หน้าหัก ลงมา” มือหนาของฟรานซิสโกทุบไปที่กระโปรงรถยนต์เสียงดังลั่น กมลเนตรเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าและท่าทางของคนรัก
“ทำอะไรคุณฟรานโก้” กมลเนตรลงมาจากรถ ตรงมาหาร่างหนา
“ก็จะมาฉีกอกไอ้หน้าหัก ว่าที่คู่หมั้นของเธอนะสิ แย่งเมียใครไม่แย่ง มาแย่งเมียฉัน คิดผิดแล้วโว้ย ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฟรานซิสโกใช้มือทุบกระโปรงรถต่อไป ในขณะที่เท้าเตะไปที่ด้านข้างของตัวรถ
“มีปัญหาอะไรครับ” สุรสีห์นายทหารอากาศหนุ่มมาดเนี๊ยบ ถามอย่างเอาเรื่อง
“มีสิ แกจะหมั้นกับเมียฉันไม่ได้นะล้มเลิกงานหมั้นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นงานหมั้นจะกลายเป็นงานศพทันที” เขาพูดข่มขู่มีหรือที่สุรสีห์จะกลัวท่าทางผู้ชายตรงหน้าจะขี้หึงไม่เบา ดีเหมือนกันจะปั่นให้หัวหมุนเป็นลูกข่างเลย
“คงไม่ได้เพราะผมกับน้องตารักกัน ผมเองก็รักน้องตามากด้วย คำขอของคุณคงจะเป็นหมัน” สุรสีห์เดินมาหยุดข้างกายกมลเนตร โอบบ่าเนียนสวยต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มขี้หึง กมลเนตรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในฐานะคนกลาง ฐานะที่ลำบากใจที่สุด
“มึงจะรักเมียกูไม่ได้นะโว้ย!! คำขอของกูไม่มีทางเป็นหมัน มึงต่างหากที่ต้องเป็นหมัน ไม่มีลูก” ฟรานซิสโกทนเห็นสีหน้ากวนๆ ทนเห็นชายหนุ่มร่างหนาโอบกอดคนที่เขารักไม่ไหว กระโจนเข้าใส่สุรสีห์ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ชายขี้หึงกับหนุ่มขี้แกล้งยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“หยุดนะคุณฟรานโก้ พี่หนึ่ง ตาบอกให้หยุดไง” กมลเนตรร้องตะโกน หวังจะให้สองหนุ่มหยุดการวางมวย หากแต่เสียงนั้นไม่อาจทำให้ทั้งสองหยุดได้และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย กมลเนตรเห็นสุรสีห์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ล้มไปนอนอยู่บนพื้น โดยมีร่างของฟรานซิสโกนั่งคร่อม ปล่อยหมัดใส่หน้าของอีกฝ่ายไม่ยั้ง
“หยุดนะคุณฟรานโก้บอกให้หยุด คุณเป็นบ้าอะไรของคุณไปทำไปทำพี่หนึ่งแบบนี้ทำไม” กมลเนตรตัดสินใจผลักร่างของคนรักให้ออกห่างร่างของพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง ฟรานซิสโกเห็นคนที่เขารักปกป้องอีกฝ่าย ความโกรธที่มาพร้อมกับความหึงหวง ระเบิดคำถามออกไปดังลั่น
“เธอเป็นเมียฉันนะ แต่ทำไมถึงไปปกป้องคนอื่น คำว่ารักที่เธอมีให้ฉันไม่มีค่าเลยใช่มั้ยหรือว่าเธอหันไปรักมัน”
“ใช่ ฉันรักเขา พอใจหรือยัง ฉันรักเขา รักพี่หนึ่งได้ยินไหมฉันรักพี่หนึ่ง” กมลเนตรพูดออกมาอย่างน้อยใจ หัวใจทั้งดวงของเธอนั้นมอบให้เขาเพียงคนเดียว เหตุใดไม่ถามเธอก่อนว่า ชายคนนี้เป็นใคร เขาไม่ถามคิดเองเออเองตลอด มันน่าน้อยใจนัก คำตอบของเธอทำให้เขาแทบบ้า ความเจ็บปวดแน่นจุกอก อยากจะฆ่าเธอให้ตายคามือ โทษฐานที่ปันใจให้ชายอื่น หากแต่หัวใจของเขาไม่แข็งพอ
“ทำไมทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้” เขาตะโกนถามเสียงดัง จ้องหน้าเธอนิ่ง
“ที่ถามว่าทำไมฉันถึงรักเขานะเหรอ ก็เพราะพี่หนึ่งเป็นพี่ชายของฉันน่ะสิ” คำตอบที่ได้ยินนั้น ทำให้ฟรานซิสโกอึ้ง ก่อนจะยิ้มเต็มใบหน้า กอดร่างเล็กที่ทำน้าบึ้งตึงใส่ทันควัน
“แล้วเมียจ๋า ทำไมไม่บอกผัวจ๋าล่ะจ๊ะ ปล่อยให้ผัวหึงอยู่ได้ตั้งนาน” ฟรานซิสโกเปลี่ยนโหมดอารมณ์เป็นเบิกบานทันที
“ไม่ต้องมาเมียจ๊ะเมียจ๋าเลย ผัวบ้าๆไม่มีเหตุผลแบบนี้ ไม่อยากเอามาทำพันธุ์หรอกเคยถามกันก่อนบ้างไหม” กมลเนตรพูดออกไปอย่างเหลืออด พยุงร่างของสุรสีห์ให้ลุกขึ้นยืน โดยมีฟรานซิสโกที่หน้าเหลือสองนิ้ว คอยพยุงช่วยอีกแรง
“ไม่ต้องมาจับจะไปไหนก็ไปเลย เกลียดขี้หน้านัก” กมลเนตรปัดมือหนาของฟรานซิสโกให้ออกห่างร่างของสุรสีห์ เขาได้แต่มองร่างของทั้งสองเดินหายเข้าไปในรั้วหลังใหญ่
“งานเข้าแล้วกู” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง หากเขาถามเธอสักนิด เชื่อใจเธอสักหน่อย เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไปนี่สิ คือสิ่งที่เขาต้องขบคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์รักอสูรร้าย