ทัณฑ์รักอสูรร้าย นิยาย บท 69

ท้องฟ้าพร่าพราวด้วยหมู่ดวงนับร้อยดวง สว่างไสวเคียงคู่แสงของพระจันทร์เต็มดวง เสียงเกลียวคลื่นกระทบเข้าหาฝั่ง ลมเย็นจากท้องทะเลไม่สามารถทำให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งเกิดความหนาวสั่น ตรงกันข้ามทั้งสองร้อนรุ่มด้วยเพลิงพิศวาสที่ลุกโชน

ร่างกายสาวสะท้อนไหวตามแรงรักที่ฟรานซิสโก ทะยานเข้าหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เรียวขางามกระหวัดเกี่ยวเอวหนาไว้แน่น สะโพกแข็งแรงยังคงทำหน้าที่โยกไหวไปตามแรงจังหวะเร็วอย่างไม่มีหยุดพัก เสียงครางของเขาและเธอดังแข่งกับเสียงคลื่นที่กระทบเข้าหาฝั่ง ยอดอกสีสวยที่ชูชันถูกกลืนกินหายเข้าไปในอุ้งปากร้อนชื้น

“โซเฟียที่รัก” เขาพูดเสียงกระเส่า ขยับสะโพกหนาด้วยกำลังแรง โจนจ้วงเข้าหาร่างกายสาวที่ยกสะโพกบางลอยเด่นรับแรงกระชั้นที่วิ่งเข้าหา

“คุณฟรานโก้” เธอครางดังไม่แพ้กับเขา มือนุ่มจับต้นแขนหนาไว้แน่น หลังจากที่เธอกำลังเดินทางไปยังดินแดนแห่งความสุขที่เปิดประตูรอรับเธออยู่ เขาออกแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว เหมือนจะรู้ว่ากมลเนตรกำลังเดินทางเข้าไปในประตูสวรรค์ แรงรักที่เพิ่มระดับความรุนแรงทำให้เขาและเธอก้าวผ่านประตูสวรรค์ไปพร้อมๆ กัน

ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนเคียงข้างหญิงสาว ใช้ลำแขนหนาให้เธอได้หนุนแทนหมอน สายตาสองคู่นอนมองท้องฟ้าที่เต็มท้องฟ้า หมู่ดาวมากมายระยิบระยับต้องกับแสงของพระจันทร์สวยงาม

“ผมรักคุณโซเฟีย ผมสัญญา ผมจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่น่ารัก ผมจะดูแลคุณตลอดชีวิตผมสัญญา” เขาจูบที่หน้าผากนูนอย่างแผ่วเบา กระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น กมลเนตรรู้ว่าฟรานซิสโกทำได้ทุกอย่าง ผู้ชายคนนี้จะปกป้อง ดูแลและรักเธอยิ่งกว่าชีวิตตราบนานเท่านาน.เธอมั่นใจ

“โซเฟียรักคุณฟรานโก้ค่ะ” คำมั่นรักและคำสัญญาที่ทั้งสองมอบให้กันและกันนั้น จะยืดหยัดและเป็นจริงดั่งคำที่ทั้งพูดตราบสิ้นลมหายใจ

.................

ภัทราปัดมือหนาคล้ายกับหนวดปลาหมึกของรังสรรค์ออกเป็นพัลวัน ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เธอกลัวว่าจะไมใจตัวเองไม่อยู่ ก็เขาเล่นบอกรักทุกวันที่เห็นหน้า จูบทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพัง จูบชนิดที่เรียกว่าเธอแทบจะไม่ได้หายใจหายคอ

“พอแล้วคุณเสก” เธอร้องห้ามเมื่อใบหน้าของเขาเริ่มเคลื่อนมาซุกตรงซอกคอหมอกรุ่น

“ยังเพลินอยู่เลย ตัวคุณหอมจัง” ใบหน้าคมบ่นพึมพำตรงลำคอหอม ที่ไม่มีทีท่าว่าจะผละจาก

“เราสองคนสัญญากันแล้วนะ ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน” รังสรรค์กับภัทราตกลงกันไว้ว่าเรื่องระหว่างเขาและเธอจะไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่าการกอด หอมและจูบเท่านั้น จนกว่าจะถึงวันที่ทั้งสองลั่นวิวาห์แต่งงานกัน ซึ่งรังสรรค์รับคำเสียงหนักแน่น ใบหน้าคมหาได้หยุดนิ่งกับคำเตือนนั้นไม่ ยิ่งเพิ่มแรงซุกไซ้มากกว่าเดิม มือใหญ่ของเขาเลื่อนมากอบกุมทรวงอกพอเหมาะ จนร่างบางสะดุ้ง

“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนี่นา แค่จูบแค่หอมเท่านั้นเอง แต่จูบทั้งตัว เพราะฉะนั้นไม่ผิดข้อตกลง” ชายมาดนิ่งที่ซ่อนความเจ้าเล่ห์เอ่ยบอก ขณะเลื่อนใบหน้าลงต่ำไปยังทรวงอก ผ่อนร่างบางมีแรงต่อต้านน้อยเต็มที่ล้มตัวนอนบนที่นอน ถลกชายเสื้อของเธอขึ้นสูงเหนือทรวงอก ปลดตะขอเสื้อในด้านหน้าออกอย่างรวดเร็ว

วินาทีนั้นเสียงร้องค้านของเธอแห้งหาย กลับกลายเป็นเสียงครางเมื่อเขาดื่มกินบางส่วนที่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อน ยอดถันอยู่ในปากของรังสรรค์ เขาดื่มกินยอดอกหอมหวานมากที่สุดในโลก หวานกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา เขารู้สึกระชุ่มกระชวยเมื่อได้กลืนกินและสะบัดปล่อยลิ้นไปมารอบๆ

“อา...คุณเสก” เธอเกร็งร่างจนเกือบกลายเป็นหิน ความรู้สึกเสียงสยิวพุ่งสูงราวกับตึกสิบชั้น หัวสมองของเธอขาวโพลน นึกอะไรไม่ออก เต้าทรวงอีกข้างถูกชายหนุ่มบีบเคล้นอย่างมันมือ เพิ่มแรงอารมณ์พิศวาสที่ภัทราไม่เคยรู้จัก ลามกระจายไปทั่วผิวกาย

กระโปรงตัวเล็กถูกถลกขึ้นเหนือท้องน้อย ตามด้วยแพนตี้สีม่วงสวยที่หลุดออกจากปลายขาไปตอนไหนเธอไม่อาจรู้ได้ เนื่องจากสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดไม่ทำงานเอาดื้อๆ เพราะถูกปากหนาโอบอุ้มยอดถันไม่ห่าง มันทั้งเสียวซ่าน กระสันเสียว

มือหนาวางทาบไปที่เนินเนื้อสาวโหนกนูน คลึงเบาๆ ก่อนจะแทรกผ่านกลับดอกไม้ช่อหุบ ภัทราหนีบขาไว้แน่น สติที่หลงเดินไปไกลถูกเธอดึงกลับมา เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังหยอกเย้าอยู่ตุ่มเล็กๆ กลางกลีบดอกไม้ จุดที่รวบรวมความกระสันไว้ทั้งหมด เรียวขางามถูกแยกออกด้วยขาของเขา เพื่อที่เขาจะได้ส่งนิ้วใหญ่เข้าสำรวจปากทางเข้าถ้ำที่ถูกปิดตายมาตั้งแต่เกิด

“อุ๊ย! คุณเสก” เธอสะดุ้งเมื่อมีบางอย่างแทรกเข้าไปในกลีบดอกไม้ของเธอ มันเจ็บจนเธอต้องกระเถิบร่างหนี แต่เขาดึงรั้งเอวไว้ ดูดกลืนยอดถันต่อไปสลับกันทั้งสองข้าง เริ่มขยับจังหวะนิ้วเข้าออก ใบหน้างามของภัทราสะบัดไปมาหมอน ดวงตาปรือฉ่ำ เสียงของเธอเรียกชื่อคนรักไม่ขาดสาย เสียงครางดังระงมไปทั่ว เขาขยับปลายนิ้วเข้าออกอย่างเร็ว ในขณะที่ปากยังคงทำงานอยู่ที่เดิม อาการเกร็งและเสียงกรีดร้อง ภายในกลีบกุหลาบช่องามกระตุกรัดนิ้วมือของเขา ทำให้รังสรรค์รู้ว่าเขาได้ส่งเธอไปยังดินแดนของความสุขเรียบร้อยแล้ว

ภัทราอ่อนแรง ลมหายใจขาดๆ หายๆ หัวใจเต้นแรง ความซาบซ่านที่ได้รับมันช่างสุขล้ำอะไรอย่างนี้ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภัทราเหมือนคนสบายตัว หัวสมองปลอดโปร่าง หากแต่รังสรรค์นั้นเล่าร้อนรุ่มเหมือนอยู่ในกองไฟ

“ช่วยผมหน่อยภัทร” เสียงของเขานั้นร้องขอ อ้อนวอน ภัทราไม่เข้าใจคำพูดของคนรัก ใบหน้าแดงเถือก ดวงตาปรือ ริมฝีปากสั่น เหมือนว่ารังสรรค์กำลังสะกดกลั้นอารมณ์อะไรบางอย่างไว้ภายใน

“ช่วย...ช่วยอะไรคะ” เธอถามออกไปอย่างไร้เดียงสา หญิงสาวไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องอะไรที่เธอจะต้องช่วยเขา รังสรรค์ไม่ตอบปลดกางเกงและชั้นในชายมากองอยู่ที่หัวเข่า ใบหน้างามเปลี่ยนสี หวาดกลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านี้ เพราะสภาพร่างกายของเธอล่อแหลม ไม่ต่างกับหัวใจที่อ่อนปวกเปียกยามที่เขาสัมผัส

“คุณ...คุณจะทำอะไร” ภัทราถามเสียงสั่น ถอยร่นร่างกายหมายจะก้าวลงจากเตียง

“ผมไม่ทำอะไรคุณ ช่วยผมหน่อยที่รัก ผมไม่ไหวแล้ว” เขาพูดเสียงแห้ง คว้าข้อมือบางไว้แน่น ออกแรงดึงใบหน้างามมาปะทะกับแผงอก ภัทราหลับตาปี๋ เป็นเพราะสายตาของเธอมองเห็นงูเห่าตัวใหญ่ที่ขยายแม่เบี้ยผงาดอยู่บริเวณหน้าขาของเขา

“จะให้ช่วยอะไรก็บอกมาจะได้รีบไป” เธอพูดชิดอกแกร่ง หลับตาแน่นไม่มองงูเห่าตัวนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“ช่วยทำแบบนี้ไงครับที่รัก” ไม่ทันที่ภัทราตั้งตัว ฝ่ามือแสนนุ่มของเธอถูกบังคับให้จับงูเห่าตัวนั้น เธอพยายามชักมือออกเพราะความกระดากอาย ไม่เคย หากแต่มือหนาจับทับมือของภัทราไว้แน่น มือของเธอจึงจับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำไม่มิดอย่างไม่เต็มใจ เขาเริ่มบังคับให้เธอขยับฝ่ามือขึ้นลง เนิบช้า

บทที่ 69 ทัณฑ์รักอสูรร้าย 1.1 (จบ) 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์รักอสูรร้าย