The king of War นิยาย บท 2077

ลั่วปิงไม่ใช่นักบุญ เพราะเขาได้รับการเลี้ยงดูจากน้าเล็กจนเติบใหญ่ และเขาเป็นหนี้บุญน้าเล็กที่เลี้ยงดู และการที่เขาให้หลูเฉียงเข้ามาทำงานในเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เขาไม่ได้ทำอะไรผิด

หลังจากได้ยินคำพูดของหยางเฉินแล้ว ลั่วปิงรู้สึกซาบซึ้งทันที และน้ำตาคลอเบ้า

ลั่วปิงกล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า “ประธาน ขอบคุณที่คุณเข้าใจ!”

หยางเฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย และไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ผมจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้ ตอนนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมีปัญหาอะไรที่ยากจะแก้ไข คุณบอกมาเถอะ แล้วผมจะเป็นคนจัดการเอง”

การที่เขามาเยี่ยนเฉินกรุ๊ปครั้งนี้ เพื่อดูว่ามีปัญหาใดที่ลั่วปิงไม่สามารถแก้ไขได้

เมื่อได้ยินว่าวันพรุ่งนี้หยางเฉินจะออกเดินทาง ลั่วปิงรู้สึกตกใจ “คุณไปเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หยางเฉินพยักหน้า “มีเรื่องบางอย่าง ที่ผมต้องไปจัดการด้วยตนเอง”

ถึงแม้ลั่วปิงจะไม่รู้ว่าหยางเฉินกำลังยุ่งอยู่กับอะไร แต่เขาก็รู้ว่าหยางเฉินเป็นนักบูโด หยางเฉินต้องยุ่งอยู่กับเรื่องของบูโด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าถามมาก

ลั่วปิงรีบกล่าวว่า “ประธาน ตอนนี้ธุรกิจของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปพัฒนาได้ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไร คุณสามารถไปทำงานของคุณได้อย่างเต็มที่ ผมจะบริหารดูแลเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างดี”

หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วปิงแล้ว หยางเฉินรู้สึกพอใจมาก แม่ได้ทิ้งเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ตนเอง และมันยังเป็นความอุตสาหะของแม่อีกด้วย การที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสามารถพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ ทำให้ความปรารถนาของแม่กลายเป็นจริงแล้ว

ต่อไป เขาเพียงแค่มุ่งเน้นไปที่เรื่องของบูโดเท่านั้น และเขารู้สึกวางใจ ที่จะมอบเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ลั่วปิงดูแลบริหาร

หยางเฉินไม่ได้อยู่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปนาน หลังจากฟังลั่วปิงรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างละเอียดแล้ว เขาก็พาหม่าชาวจากไปทันที

ในระหว่างทางกลับไปยอดเมฆา หยางเฉินได้รับโทรศัพท์จากผู้อาวุโสใหญ่

หลังจากหยางเฉินรับสายแล้ว เขาก็ถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ตรวจสอบตัวตนของคนเหล่านั้นได้แล้วเหรอ?”

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “พวกเขาเป็นคนของซางหยุนเฟิง มาจากโลกบู๊โบราณล่าง”

“ซางหยุนเฟิง”

หยางเฉินขมวดคิ้ว เขารู้เรื่องกองกำลังของโลกบู๊โบราณล่าง แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของซางหยุนเฟิงมาก่อน

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวต่อไปว่า “ซางหยุนเฟิง เป็นนักบูโดที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกบู๊โบราณล่าง เขาอยู่ในแดนนภาขั้นสามชั้นยอด ว่ากันว่าเขาจำศีลมาหลายปี และพยายามทะลวงมาตลอด ถ้าเขาทะลวงสำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาจะบรรลุถึงแดนนภาขั้นสี่”

หยางเฉินตกใจทันที แดนนภาขั้นสี่เหรอ?

ในโลกบู๊โบราณล่าง ดูเหมือนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด คือผู้แข็งแกร่งในแดนนภาขั้นสามชั้นต้น

หยางเฉินถามว่า “ถ้าความแข็งแกร่งของซางหยุนเฟิงบรรลุถึงแดนนภาขั้นสี่ เขาจะถูกบังคับให้ไปโลกบู๊โบราณกลางใช่ไหม?”

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า “ไม่ใช่ถูกบังคับ แต่เขาจะไปโลกบู๊โบราณกลางเอง”

“เมื่อก่อนตอนที่ม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างยังไม่ถูกทำลาย เพื่อที่จะรักษาม่านพลังนี้เอาไว้ ดังนั้นพันธมิตรพิทักษ์จึงคอยจับตามองผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกมนุษย์มาโดยตลอด เมื่อผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกมนุษย์ทะลวงผ่านแดนแล้ว ก็จะถูกบังคับนำตัวไปที่โลกบู๊โบราณล่าง”

“แต่โลกบู๊โบราณล่างนั้นแตกต่างกัน เมื่อผู้แข็งแกร่งของโลกบู๊โบราณล่างทะลวงไปถึงแดนนภาขั้นสี่แล้ว พวกเขาจะไปที่โลกบู๊โบราณกลางเอง และใบผ่านทางระหว่างโลกบู๊โบราณกลางและโลกบู๊โบราณล่าง ความจริงแล้ว ก็คือความแข็งแกร่งในการก้าวเข้าสู่แดนนภาขั้นสี่”

“ว่ากันว่าชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณกลางหนาแน่นมาก หนาแน่นกว่าชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณล่างมาก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียร ซึ่งผู้แข็งแกร่งในโลกบู๊โบราณล่างทุกคนปรารถนาที่จะไป”

“แต่อย่างไรเสีย เขาก็เป็นหัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์ ดังนั้นเขาจึงไม่สะดวกที่จะลงมือเอง และไม่เหมาะที่จะสั่งให้ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ลงมือ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอให้ปีศาจดำมาลอบสังหารคุณ เมื่อถึงเวลานั้น ถึงแม้ว่าคุณจะถูกฆ่าตาย เขาก็สามารถทำได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา”

สีหน้าของหยางเฉินเคร่างขรึมยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เขานึกไม่ถึงว่าหัวหน้าสมาคมของพันธมิตรพิทักษ์ จะเป็นคนถ่อยที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้

“หยางเฉิน คุณต้องระวังตู้อวี้ซานให้ดี ๆ บุคคลนี้เป็นคนที่เจ้าเล่ห์มาก ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่เบื้องหลังเป็นคนโหดเหี้ยมมาก”

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเตือน “เขาจะไม่โจมตีคุณอย่างเปิดเผย แต่เขาจะโจมตีคุณอย่างลับ ๆ แน่นอน คุณต้องระวังตัวให้ดี!”

หยางเฉินพยักหน้า “ผู้อาวุโสใหญ่ วางใจเถอะ ผมจะระวังบุคคลนี้!”

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวต่อไปว่า “คุณต้องระวังคนของปีศาจดำด้วย ซางหยุนเฟิงเป็นคนที่มีพลังอำนาจมาก และไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะไม่โจมตีคุณ คนอย่างเขา ทำอะไรไม่มีขอบเขต โชคดีที่ตอนนี้การบำเพ็ญของเขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ และเขาจะไม่ลงมือเคลื่อนไหวง่าย ๆ”

“อย่างไรก็ตาม ปีศาจดำมีนักฆ่าชั้นนำมากมายเช่นกัน คราวนี้เขาสูญเสียนักฆ่าแดนนภาขั้นสองชั้นต้นไปสี่คน คราวต่อไป เขาจะส่งนักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่ามาเท่านั้น”

หยางเฉินรู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย ตนเองแข็งแกร่งมากแล้ว แต่ตอนนี้ศัตรูที่เขาต้องเผชิญ กลับแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ด้วยแดนบูโดในแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นของเขาในตอนนี้ และอาศัยสายเลือดคลั่งที่ปรับเปลี่ยนโดยผู้ทรงพลังสามคนในสมัยโบราณ แล้วยังมีวิชาลับเชียนเสวียนที่สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเทียบแดนนภาขั้นสองชั้นกลางได้

ถ้าเขาสู้ตาย บางทีเขาอาจจะสามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นปลายได้ แต่ถ้าเผชิญกับผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสองชั้นยอดแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ทุกวิถีทาง เกรงว่าจะไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย

ตอนนี้ในโลกบู๊โบราณล่าง มีผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นสาม และสถานการณ์ของเขานั้นอันตรายมากจริง ๆ

หยางเฉินกำหมัดทั้งสองไว้แน่น และกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมต้องหาทางพัฒนาความแข็งแกร่ง มิฉะนั้น ผมจะไม่สามารถรับมือกับวิกฤตที่กำลังจะเผชิญได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War