เข้าสู่ระบบผ่าน

ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! นิยาย บท 655

บทที่655 ลงมือ

“คุณชายเฉินแห่งจินหลิง?” ซีเหมินหยู่เองก็ตกใจเช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้ รู้ว่าตัวเองจะตายแล้ว ถึงได้มาสวมรอยเป็นคุณชายเฉินคนนั้นอย่างนั้นหรือ?”

ซีเหมินหยู่คิดอีกทีแล้วเอ่ยขึ้น

ส่วนผู้หญิงที่มากับไป๋เสี่ยวเฟยนั้น สายตาที่มองไปทางเฉินเกอนั้นก็เปลี่ยนไป

“คาดว่าคงจะใช่ ตอนนี้เขาทำให้คุณหนูใหญ่ซีเหมินไม่พอใจ ทางเดียวก็คือสวมรอยเป็นคุณชายเฉิน ก็สามารถที่จะพอมีชีวิตอยู่ต่อได้ มิเช่นนั้นแล้ว วันนี้คงจะต้องได้กลายเป็นคนพิการแน่ๆ!”

มีคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

และเห็นว่าเฉินเกอที่อยากจะเดินไปแล้ว เหลียงหยู่จึงรีบเดินเข้ามาก่อน ยืนอยู่ด้านบนเวที แล้วมองมายังเฉินเกออย่างเย็นชา

“ไอ้เด็กบ้า แกก้าวไปอีกก้าวเดียว ฉันจะทำให้เลือดแกสาดกระเด็นออกมาเดี๋ยวนี้เลย!”

เหลียงหยู่เอ่ยพูดขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“เหลียงหยู่เองก็เป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่งของสมาคมการต่อสู้ ดูแล้ววันนี้เขาน่าจะกันคนที่สวมรอยว่าเป็นคุณชายเฉินคนนี้ไม่ยอมปล่อยง่ายๆแน่?”

“คาดว่าเด็กนี่ทำให้คนอื่นเกลียดมากเกินไปแล้ว ไม่คิดว่าจะกล้ามาสวมรอยเป็นคุณชายเฉิน หาเรื่องตายชัดๆ!”

หลายๆคนต่างก็พากันรู้สึกแค้นเคืองกับความไม่เป็นธรรมนี้

“ว่าอย่างไร? กล้าพอที่จะก้าวออกไปอีกก้าวนึงหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นก็รับปากที่จะสู้กับฉันสักรอบก่อนสิ!” เหลียงหยู่ยิ้มพลางเอ่ยถามขึ้น

“พรุ่งนี้พวกนายยังต้องเข้าร่วมการประลองของตระกูลกู่ สู้กับฉัน คงจะไม่มีความจำเป็นนี้จริงๆ” เฉินเกอส่ายหน้า

“ฮ่าๆ ทำไม คนที่ไม่มีประโยชน์อย่างแก หมายความว่า จะสามารถทำให้ฉันเจ็บตัวได้อย่างนั้นหรือ?” เหลียงหยู่ดูมั่นใจ

ประโยคนี้ของเฉินเกอราวกับว่าจะเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาก่อน เหลียงหยู่หัวเราะเยาะออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ดูแล้ว.....” เฉินเกอกึ่งๆยิ้มออกมาแล้วมองเขา “นายจะต้องสู้กับฉันให้ได้เลยใช่ไหม?”

“ทำไม กลัวแล้วหรือ?”

เหลียงหยู่เดินเข้ามาแล้วใช้นิ้วจิ้มตรงหน้าอกของเขา เอ่ยขึ้นมาทีละคำทีละประโยค

“กลัวแล้ว ต่อไปก็อย่ามาทำคุยโม้โอ้อวด แล้วแกก็ตัดมือของตัวเองต่อหน้าคุณหนูใหญ่ซีเหมินหยู่ของพวกเราซะ”

เฉินเกอเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา : “ฉันกลัวว่าจะสู้กับพวกนายไม่พอต่างหาก”

“สู้กับพวกเราไม่พออย่างนั้นหรือ?” เหลียงหยู่สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป

เขาหันกลับมา แล้วเอ่ยพูดขึ้นกับคนที่อยู่รอบๆเสียงดัง : “เด็กนี่บอกว่าจะสู้กับพวกเราไม่พอ พวกนายว่าน่าขำไหม?”

คำพูดนี้ของเหลียงหยู่ ทำให้เกิดเสียงฮือฮาในหมู่คนหมู่มากขึ้นมาในทันใด

“ในเมื่อบอกว่าเหลียงหยู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว สวมรอยมาเป็นคุณชายเฉินอีก เด็กนี่จะบ้าระห่ำเกินไปแล้ว”

“เหลียงหยู่เป็นผู้มีฝีมือเป็นอันดับสองของสมาคมการต่อสู้ระดับเยาวชนเชียวนะ นอกจากต้วนเฟยแล้ว ใครจะกล้าพูดว่าจะเอาชนะเขาได้กัน?”

“ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นคนที่มีฝีมือที่แฝงซ่อนตัวเอาไว้อยู่ก็ได้นะ? ฮ่าๆ!”

คนที่อยู่รอบๆนั้นเห็นว่าจะมีดราม่าให้ได้ดูนั้น ก็พากันหยุดแล้วมาล้อมรอบดูกัน

คนจำนวนไม่น้อยก่อนหน้านี้ที่ยังคงพากันมีความรู้สึกเวทนาเฉินเกอ เนื่องจากเทียบกันจากรูปร่างแล้ว เหลียงหยู่สูงร้อยเก้าสิบกว่า แต่เฉินเกอนั้นสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบกว่าๆเพียงเท่านั้น แค่มองดูก็เห็นแล้วว่าเสียเปรียบอีกฝ่าย ทุกคนจึงพากันรู้สึกเห็นใจเฉินเกอ

ผลปรากฏว่าเมื่อเฉินเกอพูดออกไปแล้ว หลายๆคนก็รู้สึกว่าเขาช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียอย่างนั้น

ตอนแรกก็ทำให้คุณหนูใหญ่ซีเหมินไม่พอใจก็ว่าแล้ว ตอนนี้ก็ยังจะพูดจาไม่รู้จักกาลเทศะอีก

ไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรแล้วจริงๆ

ไป๋เสี่ยวเฟยเองก็กังวลเสียจนเหงื่อออกมือเต็มไปหมด

ต้องรู้สิว่าคนพวกนี้ล้วนแต่เป็นพวกมีฝีมือยอดเยี่ยมกันทั้งนั้น

“มาสิ ดูซิว่าฉันจะสั่งสอนแกอย่างไร” เหลียงหยู่กวักมือเรียกเฉินเกออย่างยั่วยุ

หลังจากนั้นเขาก็ขยับคอ และเคลื่อนไหวมือและเท้าอย่างลวกๆ

มีกิริยาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทุกๆหมัด ราวกับว่าเป็นพลังที่จะสามารถฆ่าเสือได้

ไม่คิดว่าเฉินเกอจะส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา

“หมัดเท้าปักบุพผา ดูดีแต่ไม่มีประโยชน์”

ประโยคนี้หลุดออกไปนั้น ไม่เพียงแค่เหลียงหยู่จะมีสีหน้าเปลี่ยนไปเพียงเท่านั้น แม้แต่คนของสมาคมบูโดและต้วนเฟยสีหน้าก็จมดิ่งลงด้วยเช่นกัน หมัดเท้าปักบุพผา ดูดีแต่ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นหรือ? คำพูดที่ดูถูกถากถางนี้ไม่เพียงแค่เอ่ยถึงเหลียงหยู่เพียงคนเดียว แต่กลับดึงทั้งสมาคมบูโดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ซีเหมินหยู่รู้สึกเคียดแค้น

มีเพียงแค่ต้วนเฟยเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว

เขาเดินไปดูเหลียงหยู่ วินิจฉัยทางเดินของเลือดลมแขนทั้งสองข้าง และกระดูกเข่าทั้งสองข้างแตก ตอนนั้นจึงเจ็บปวดเสียจนสลบไป ถึงได้หันมาเผชิญหน้ากับเฉินเกอ :

“ไม่เลวนี่ แต่นายไม่ควรจะออกแรงมากขนาดนี้ เส้นทางในสายบูโดของเขา ต้องสิ้นสุดลงแบบนี้! เพราะฉะนั้น นายไม่ได้เพียงแค่ทำให้น้องหยู่ของฉันไม่พอใจได้ง่ายๆแบบนี้หรอกนะ!”

“จะไม่พูดถึงว่าเขาเป็นฝ่ายที่เริ่มยั่วยุก่อน มีเพียงแค่การยกเท้าเตะมาของเขาก่อนหน้านี้ คุณคิดว่าถ้าหากผมโดนบ้างจะเป็นอย่างไร?” เฉินเกอเอ่ยขึ้นมา

ต้วนเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง

การเตะข้างวนไปมาของคนปกติทั่วไปหากเตะโดนศีรษะ จะได้รับบาดเจ็บในระดับเบา แต่เหลียงหยู่ที่สูงถึงร้อยเก้าสิบ และน้ำหนัก100 กก.แรงทั้งหมดจากเท้าของเขานั้นหากเตะโดนช่วงศีรษะ ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ต่อให้เลวร้ายก็คงจะตกอยู่ในสภาพโคม่าเช่นกัน

จะว่าไปแล้วเฉินเกอยังถือว่าออมมือกับเขาอยู่บ้าง

ต้วนเฟยยืนขึ้นมาพลางเอ่ยขึ้น :

“ดีเลย ในเมื่อนายมีความสามารถแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นนายก็เหมาะกับการที่จะมาตายอยู่ในกำมือฉันแล้วล่ะ!”

ต้วนเฟยเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานต่างก็เบิกตาโต ต้วนเฟยร้อนใจแล้ว มีเรื่องสนุกๆให้ดูกันอีกแล้ว

“นายยังอยากจะสู้กันฉัน?” เฉินเกอหรี่ตาลง

เห็นการเตะของเขาไปแล้ว ต้วนเฟยคนนี้ยังกล้าที่จะยืนออกมาอีกอย่างนั้นหรือ ดูแล้วการแสดงออกมาก่อนหน้านี้คงจะไม่ได้เป็นการแสดงความสามารถของเขาออกมาจริงๆแล้ว

“นายต้องรู้นะ ว่าถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆแล้ว ฉันไม่สามารเก็บมือให้ได้” เฉินเกอกล่าว

“เหอะ แกยังคิดว่าแกจะสามารถชนะต้วนเฟยของพวกเราได้อย่างนั้นจริงๆหรือ”

คำพูดของเฉินเกอที่พูดออกไปนั้น มีคนที่อยู่ทางด้านล่างนั้นไม่พอใจ ซีเหมินหยู่จึงเอ่ยขึ้นมา

“ใช่ การเตะของเขาเมื่อกี้นี้ยังดูไม่ออกเลยว่าจะเก่งซักขนาดไหน เร็วไปหน่อยแล้วก็แรงมากไปหน่อยเท่านั้นเอง” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเอ่ยสมทบขึ้นมา

ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะเอาชนะเหลียงหยู่ไปได้อย่างเด็ดขาดในช่วงก่อนหน้านี้นั้น แต่ทุกคนยังคงเชื่อมั่นในตัวของต้วนเฟย ถึงอย่างไรความสามารถที่ปรากฏออกมาของต้วนเฟยในหลายๆปีมานี้ก็เอาชนะคนมาได้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

แม้แต่ซีเหมินหยู่เองก็วางใจเช่นกัน ว่าพี่เฟยลงมือ คนๆนี้จะต้องตายอย่างแน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!