บทที่ 67 เฉินเกอมีหน้ามาหรอ
จะเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวยีฟานได้อีก?
เฉินเกอแอบประหลาดใจ
ทว่าตอนนี้หยางฮุยเพิ่งจะชวนตัวเองไปที่หอของสวีเสียด้วยกัน ตัวเองไม่ไปก็ไม่ดี
พอดีกับที่เฉินเกอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวยีฟานกันแน่?
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้จะทำให้ตัวเองรู้สึกชอบเล็กน้อย และหลังจากที่ตัวเองก็ถูกหลินเจียวใส่ร้ายแล้ว ทัศนคติก็เปลี่ยนไป 180 องศา
แต่ท้ายที่สุด ยังไงก็นับว่าเป็นเพื่อนกัน!
ที่จริงแล้วเฉินเกอก็แค่หาข้ออ้างให้ตัวเองเท่านั้น ปากบอกว่าไม่สนใจจ้าวยีฟานเท่าไหร่ ในความเป็นจริง ในฐานะที่เป็นผู้ชายปกติคนหนึ่ง จะไม่สนใจผู้หญิงที่สวยมากๆคนนี้ได้ยังไงกันล่ะ
ณ หอพักของจ้าวยีฟาน
เฉินเกอและหยางฮุยพวกเขาหกคนเซ็นชื่อที่ใต้ตึกหอพักหญิงแล้ว ก็เข้ามาแล้ว
หลังจากที่เข้ามาแล้ว
ก็มองเห็นจ้าวยีฟานนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ในเวลาเดียวกันรวมถึงหลินเจียวเอง ก็ร้องไห้หนักเหมือนกัน
สีหน้าของหลินเจียวซีดเซียว ดูเหมือนจะตกใจมาก
“ยีฟาน หลินเจียว พวกเรามาดูพวกเธอแล้ว!”
หยางฮุยพูดขึ้น
ในระหว่างทาง จากที่เฉินเกอได้ยินมา เฉินเกอถึงได้รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้
จริงๆ แล้ว สี่คนนั้นที่ถูกต่อยที่วิลล่านั้น ฐานะไม่ธรรมดา
หนึ่งในนั้น ครอบครัวทำธุรกิจอุตสาหกรรม จะบอกว่าเป็นคนมีอำน่จแห่งการค้าจินหลิงก็ไม่เกินไป
ดูเหมือนว่ายกเว้นบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ปแล้ว อย่างอื่นก็นเป็นครอบครัวหนุ่มสาวนั้นที่เป็นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมการค้า
คนคนนั้นเป็นใคร?
เขาชื่อสวี่เว้ย พ่อชื่อสวี่ไห่ชานทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเจ้านายใหญ่ในเมืองจินหลิง
วันนั้นบังเอิญ สวี่เว้ยคนนี้ แม้ว่าจะเป็นทายาทเศรษฐี แต่ปกติถ่อมตนมาก
จากนั้นก็ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนไม่กี่คนที่วิลล่า
เมื่อดื่มหนักมาก แล้วก็มองเห็นหลินเจียว โดยเฉพาะจ้าวยีฟานที่หน้าตาสะสวย
ถึงได้ลวนลามเธอสองคนเพราะฤทธิ์เหล้า
คิดไม่ถึงเลยว่า ก่อนหลังจะถูกทำร้ายร่างกายถึงสองครั้ง
ตีกันจนหัวแตกเลือดออก
หลังจากที่กลับไปแล้ว สวี่เว้ยก็เรียกคนแล้ว
ทั้งครอบครัวก็พากันตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
แม้ว่าจะไม่ได้มาหาคู่กรณีเพื่อแก้แค้นถึงที่ แต่สวี่ตง สวี่ชาว หลินเจียวจ้าวยีฟานที่อยู่ในบ้าน ทุกคนได้รับคำเตือนในระดับที่แตกต่างกัน
ครอบครัวของสวี่ชาวเปิดบริษัท วันนี้ทุกเส้นทางการค้าถูกตัดขาดหมดแล้ว
ครอบครัวของจ้าวยีฟานเองก็เปิดบริษัทเหมือนกัน สถานการณ์ก็คล้ายกับของสวี่ชาว
ส่วนหลินเจียวและสวี่ตงพวกเขา พ่อแม่ของพวกเขาก็ถูกเตือน และข่มขู่เช่นกัน
มีความรู้สึกเหมือนเกร็ดมังกรเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณสัมผัสมันคุณจะต้องตาย
สรุปว่าตอนนี้จ้าวยีฟานพวกเธอกลัวจะตายอยู่แล้ว
เพราะว่าสวี่เว้ยได้ขู่ไว้ว่า จะทำลายครอบครัวของพวกเขาภายในหนึ่งเดือน!
“ทำยังไงดี? ทำยังไงดี? พ่อฉันติดต่อไปหลายคนมาก แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลย!”
จ้าวยีฟานร้องไห้หนักมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลินเจียวที่พ่อแม่ถูกปลดออกจากงานโดยตรงเลย
“ยีฟาน สวี่ตง สวี่ชาว พวกเขาเองก็ไม่มีหนทางเหมือนกัน?”
หยางฮุยมองดูอยู่ข้างๆ เรียกได้ว่าช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด ทำได้แค่คุยกันแบบนี้แล้วล่ะ
“เฮ้อ พวกเขาจะไปมีหนทางอะไรได้ ได้ยินว่าสวี่ตงและสวี่ชาวไปหาคนอื่นเขาถึงที่บริษัทแล้ว และไปคุกเข่าขอโทษเขาแล้วล่ะ สุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขาไล่ออกมา”
“ปัญหาในครั้งนี้มันใหญ่มากเกินไปแล้ว ฉันยังได้ยินมาอีกว่า สวี่ตงตบหน้าตัวเองต่อหน้าทุกคนในครอบครัวอีกด้วย! แต่ก็ไร้ประโยชน์!”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในหอพักเดียวกันก็พูดขึ้นอย่างกังวล
จ้าวยีฟานร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิมอีก
รวมถึงหลินเจียวก็อยู่ในนั้นด้วย จะไปเหลือความมีชีวิตชีวาก่อนหน้านี้ที่ไหนอีก
“ไม่อย่างนั้นก็แจ้งตำรวจเถอะ!”
หลี่ปินส่ายหน้า
ใครบ้างที่มาเรียนในมหาวิทยาลัยจินหลิงแล้วไม่รู้ ว่าตระกุลสวี่น่ากลัวจะตาย
คนปกติทั่วไปไม่อาจเข้าไปยุ่งได้หรอก
จ้าวยีฟานส่ายหน้า : “ไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น คนที่พวกเราต่อยตีด้วย คนอื่นเขาไม่ได้โต้กลับ ถึงแจ้งตำรวจไปคนที่จะโดนจับก็เป็นพวกเราเอง!”
เมื่อทุกคนได้ยิน มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นแล่ะ
“พวกเธอสองคนก็อย่าเศร้าเกินไปเลย ทุกปัญหามีทางออกเสมอ!”
เฉินเกอที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น ตอนนี้ได้เอ่ยปากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!