บทที่ 924 รับการทดสอบ
“ความทุกข์ทรมาน ความสุข เงินทอง ครอบครัว.. พวกนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราเท่านั้น ชีวิตของแต่ละคนล้วนแต่มีตัวเองคอยควบคุม ดังนั้นชีวิตของคนเราก็คือการเวียนว่ายตายเกิด”
“ทหารยมทูต ผมไม่รู้ว่าคุณเคยเจอกับเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ผมรู้ว่าชีวิตคนเราไม่แน่ว่าจะต้องอยู่แต่กับชีวิตที่โศกเศร้าทุกข์ทรมานตลอด มันก็ต้องมีด้านที่ดีบ้าง มีเพียงแบบนี้ คนถึงจะใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น แต่ไม่ใช่เอาแต่โทษความไม่ยุติธรรม”
เฉินเกอเอ่ยบรรยายปรัชญาชุดใหญ่กับถ่าบัน
เป็นไปได้ว่าตั้งแต่เริ่มต้น เฉินเกอก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจรายละเอียดความหมายที่เฉพาะเจาะจงของด่านนี้ว่ามันคืออะไร
แต่ว่าตอนนี้เฉินเกอค้นพบแล้ว รู้แล้ว
ด่านนี้ไม่ได้มีเพียงเพื่อทดสอบความเข้าใจต่อชีวิตคนเราของเฉินเกอ แต่เพื่อช่วยเฉินเกอแก้ไขปัญหาในใจของตัวเขาเองมากกว่า
อีกทั้งภาพทั้งหมดที่แสดงอยู่บนม่านแสงตรงหน้าเฉินเกอนี้ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตอนที่ถ่าบันยังเป็นคนอยู่
ชีวิตจักต้องพยายามมีความสุขจึงจะน่าพึงพอใจ ความสุขความทุกข์การพบกันและการจากลาย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
“ดิง! ”
ทันทีที่เฉินเกอพูดจบ ทุกอย่างก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม
ถ่าบันปรากฏกายต่อหน้าเฉินเกออีกครั้ง
“หลายร้อยปีแล้ว ฉันรอคอยใครสักคนที่จะมาช่วยฉันไขปมในใจนี้ของฉันมาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ไขมันได้แล้ว”
“คุณพูดได้ถูกต้อง มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ถึงจะสามารถก้าวหน้าต่อไปได้”
“ยินดีด้วย คุณผ่านด่านที่สองนี้แล้ว! ”
ถ่าบันมองเฉินเกอแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ประกาศผลสรุปสุดท้าย
ได้ยินว่าตัวเองผ่านแล้ว ในใจเฉินเกอก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“แต่ว่าชีวิตของคุณกลับแตกต่างออกไป ชีวิตของคุณเติบโตมากับการได้รับและการสูญเสียมาโดยตลอด คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้มาก ของบางสิ่ง คนบางคนสุดท้ายก็ต้องจากคุณไปในสักวัน”
ได้ยินเพียงตอนนี้ถ่าบันเอ่ยเตือนเฉินเกออีกครั้ง
ได้ยินคำนี้ของถ่าบัน เฉินเกอก็ตกใจเช่นกัน เขาต้องเข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของถ่าบันอยู่แล้ว ดูท่าถ่าบันจะมองเห็นทุกอย่างในอนาคตของตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
แต่ว่าเฉินเกอไม่ได้ไปสอบถามในรายละเอียด
เรื่องของอนาคตเฉินเกอไม่อยากจะไปรับรู้ ชะตาชีวิตของเขาอยู่ในมือของเขาเอง ไม่ต้องจงใจไปเปลี่ยนแปลงมัน
เพราะว่าในชีวิตหนึ่งของคนเรา ทุกๆ การเคลื่อนไหวล้วนแต่สามารถทำให้ชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงไปได้ร้อยแปดพันเก้า
“อืม ผมรู้แล้ว ทหารยมทูต! ”
เฉินเกอก็มองไปที่ถ่าบันและพยักหน้าตอบรับ
“เอาล่ะ เช่นนั้นต่อไปเรามาเข้าสู่ด่านที่สามกันเถอะ! ”
จากนั้น ถ่าบันมองไปที่เฉินเกอแล้วเอ่ยขึ้น
เอ่ยจบ ไม่รอให้เฉินเกอตอบรับ ก็สะบัดมือใหญ่ จากนั้นภาพฉากทั้งหมดของเปลี่ยนไปในทันที
เวลานี้ ตรงหน้าเฉินเกอมีเงาของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา
เงาร่างนั้นเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ จนกระทั่งหลังจากยิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เฉินเกอถึงได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเงาร่างนั้นอย่างชัดเจน
หลังจากที่เห็นหน้าเงาร่างนั้นอย่างชัดเจน เฉินเกอถึงกับตกใจไปในทันที
เงาร่างที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเจินจี
เจินจีเดินมาถึงหน้าเฉินเกอ มองเฉินเกอด้วยรอยยิ้ม
“เฉินเกอ! ”
ได้ยินเพียงเจินจีเรียกเฉินเกอคำหนึ่งด้วยความอ่อนโยน
“เจินจี.. คุณ.. ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่? ”
เฉินเกอเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“เฉินเกอ เรามาอยู่ด้วยกันที่แดนจี๋หยิงดีหรือเปล่า? ”
เจินจีมองเฉินเกอแล้วเอ่ยเสนอ
“อะไรนะ? อยู่ในแดนจี๋หยิง? เพราะอะไร? ทำไมต้องอยู่ในแดนจี๋หยิง? ”
เฉินเกอมองไปที่เจินจีแล้วถามด้วยความไม่เข้าใจอย่างมาก
“หรือว่าคุณไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ? ”
สีหน้าของเจินจีเกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที เปลี่ยนเป็นหมองคล้ำลงไปจ้องมองเฉินเกอแล้วเอ่ยถาม
ในตอนที่เฉินเกอกำลังคิดที่จะตอบกลับไป เฉินเกอก็อึ้งไปทันที
ในทันใดนั้นเองจู่ๆ เฉินเกอก็รู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นภาพลวงตา ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงภาพลวงตา เจินจีคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนจริงๆ แต่เป็นภาพลวงตาที่ตัวเองเห็นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี!
พระเอกแม่งโครต looser จัดสภาพ...