บทที่902 จำคำพูดของคุณไว้นะคะ
หานมู่จื่อใจเต้นระรัว นั่งมองหน้าเย่โม่เซินนิ่ง
เธอรู้สึกเหมือนคำถามนี้เขาจงใจถามลองเชิงเธออยู่
หลังจากสบตากับเขามาสักพัก หานมู่จื่อก็เม้มริมฝีปากบางสีชมพูของตัวเอง “เอ่อ… ทำไมคุณถึงถามแบบนี้ล่ะคะ”
เย่โม่เซินหายใจรดใบหน้าของเธอ พร้อมกับจ้องหน้าเธอนิ่ง
“แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงได้ถามคำถามแปลกๆแบบนี้ออกมา”
เอาเถอะ ดูท่าทางเขาคงจะถามเพราะเธอถามแปลกๆออกมาก่อน หานมู่จื่อไม่แน่ใจจริงๆว่าเขารู้เรื่องหรือยัง แต่ในเมื่อตอนนี้เขายังไม่ยอมพูดออกมา ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะยังไม่รู้เรื่อง
เธอส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันก็แค่ถามเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง”
พอพูดจบ เธอก็คว้ามือของเย่โม่เซินมาจับไว้แน่น ก่อนจะพูดออกมา “แต่ว่านะคะ ถ้าหากวันหนึ่งคุณพบว่าคุณเจอเรื่องที่รับไม่ได้ คุณต้องให้โอกาสฉันได้อธิบาย โอเคไหมคะ”
แววตาที่เย่โม่เซินมองหน้าเธอดูเคร่งขรึมมากขึ้นไปอีก พร้อมกับสายตาค้นหา สายตาของเขาทำให้หานมู่จื่อถึงขั้นหายใจติดขัด แต่สุดท้าย เขาก็ยิ้มออกมา “โอเคครับ”
พอเห็นว่าเขาตอบตกลง หานมู่จื่อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“จำคำพูดของคุณไว้นะคะ”
“อืม”
ช่วงที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เฉียวจื้อพาหลัวลี่มาเยี่ยมหานมู่จื่อพร้อมกัน ตอนที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องยังทะเลาะกันอยู่เลย พอเห็นแบบนี้หานมู่จื่อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าช่วงนี้ทั้งสองคนจะสนิทสนมกันมากถึงขนาดนี้
ดูท่าทางเรื่องบุพเพสันนิวาส ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ
หลังจากที่หลัวลี่สอบถามอาการของหานมู่จื่อได้สักพัก เธอก็อดที่จะนินทาออกมาไม่ได้
“พูดจริงๆนะมู่จื่อ เมื่อก่อนฉันคิดมาตลอดว่าเฉียวจื้อจะเสเพล ไร้สาระ ตามคำเล่าลือกันไว้ ในสายตามีแต่ผู้หญิงกับรักสนุกไปวันๆ คิดไม่ถึงว่าเขากลายเป็นแบบนี้เพราะถูกทำร้ายจิตใจมาก่อน”
“ถูกทำร้ายจิตใจอย่างนั้นเหรอ”พอได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
เธอพยายามทบทวนการกระทําของเฉียวจื้อตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็ไม่ใกล้เคียงกับการโดนทำร้ายจิตใจเลย
“จริงสิจริง วันนั้นท่านประธานอุ้มเธอกลับไปก่อนใช่ไหมล่ะ หลังจากนั้นฉันก็วิ่งตามไป แล้วเห็นเฉียวจื้อกับตวนมู่เสว่… อื้ออื้อ”
หลัวลี่ยังไม่ทันได้พูดจบ ปากของเธอก็ถูกปิดไว้ซะก่อน
เดิมทีเฉียวจื้อก็แอบฟังสิ่งที่หลิวลี่พูดอยู่ พอได้ยินหญิงสาวพูดถึงเรื่องของตนเอง จึงรีบปิดปากเขาก่อนที่ความลับทั้งหมดจะหลุดปากออกมา
“นี่คุณ… จะทำ… อะไรเนี่ย… ปล่อย… ”
เฉียวจื้อรีบปิดปากหลัวลี่ไว้ไม่ให้เธอพูด ก่อนจะดึงเธอไปด้านนอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้หานมู่จื่อ “พี่สะใภ้ คุณอย่าฟังเธอพูดบ้าๆ ผู้หญิงคนนี้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเอามากๆ อีกทั้งยังชอบพูดใส่สีตีไข่ ที่เธอพูดไป ห้ามเชื่อเด็ดขาดเลย
หลัวลี่ถูกเขาลากออกไป ถึงเธอจะดิ้นยังไงก็ไม่หลุด สุดท้ายเธอก็เหยียบขาของเขาอย่างแรง เฉียวจื้อเบิกตาโต รู้สึกเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
หลัวลี่ถือโอกาส รีบผลักเขาออกห่าง “ไม่พูดแล้วก็ได้ ทำไมต้องแตะเนื้อต้องตัวกันแบบนี้ด้วย ไม่รู้หรือไงว่าชายหญิงแตกต่างกัน เดี๋ยวฉันก็ฟ้องร้องว่าคุณลวนลามฉันหรอก”
ตอนนี้เฉียวจื้อเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
พอเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา ภายในห้องพักคนไข้ที่เงียบสงบจึงเริ่มมีสีสันขึ้นมา เย่โม่เซินที่นั่งดูเอกสารในโน๊ตบุ๊คอยู่ด้านข้างเองก็เริ่มรู้สึกหนวกหู จึงขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ทั้งสองคน
ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย ตั้งใจจะพูดตำหนิพวกเขาว่าที่นี่ห้ามส่งเสียงดัง แต่หลังจากมองไปทางนั้น โดยสิ่งแรกที่เขาเห็นคือสีหน้าด้านข้างของหานมู่จื่อกำลังยิ้มอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่