ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 38

เรื่องของโจเซฟ ซี เป็นเพียงฉากเล็ก ๆ ที่สักพักก็ถูกลืม โรงงานของโจเซฟจะล้มละลายหรือไม่นั้นไม่มีใครสนใจ แม้ว่าวินนี่เฟรดต้องการช่วยเหลือโจเซฟจริง ๆ แต่เธอยังคงมองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยเหลือเขา ซีกรุ๊ปไร้ความเห็นอกเห็นใจ

ชีวิตการทำงานยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน วินนี่เฟรดทำงานหนักกว่าที่ผ่านมา โครงการชุดแรกได้ส่งมอบให้กับสมิธกรุ๊ป เป็นที่เรียบร้อย และสมิธกรุ๊ปก็รองรับเครื่องหมายการค้าอย่างถูกต้อง เพื่อการส่งออกสู่ตลาดเพื่อจำหน่าย

ผลการตอบรับนั้นยอดเยี่ยม ไม่ว่าคุณภาพหรือสไตล์จะเป็นอย่างไร ทุกอย่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ดังคำกล่าวที่ว่า ก้าวแรกมักจะยากที่สุดเสมอ ด้วยการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม ต่อจากนี้ไปทุกอย่างจะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้โครงการของวินนี่เฟรด ที่ดำเนินไปอย่างราบรื่น ไทร์ได้จัดโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารพิเศษในช่วงสุดสัปดาห์ แด่วันที่หน้าจดจำ

ในตอนบ่ายของวันนั้น ครอบครัวที่มีสมาชิกทั้งห้าคนกำลังเพลิดเพลินกับอาหารกลางวัน บางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ดีของเธอ เฮเลนไม่ได้ดูถูกไทร์แล้ว แต่กลับชมเชยอาหารของเขาแทน พ่อตาของเขาถึงกับเปิดขวดไวน์เพื่อดื่มกับไทร์

ไทร์รู้สึกดีมากเช่นกัน แม้ว่าครอบครัวนี้จะเล็ก และเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของตระกูลซัมเมอร์ทางตอนเหนือ แต่ไทร์ก็เริ่มชอบครอบครัวนี้แล้ว อย่างน้อยครอบครัวนี้ก็มีน้ำใจ

จู่ ๆ โทรศัพท์ของวินนี่เฟรดก็ดังขึ้นในขณะนั้น

“วินนี่เฟรดซี กลับไปที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้!” เมื่อวินนี่เฟรดรับสายและไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูด เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของจอร์จก็ดังขึ้นจากปลายสาย

ตั้งแต่อายุยังน้อย นี่เป็นครั้งที่สองที่จอร์จโกรธวินนี่เฟรดได้ถึงเพียงนี้ ครั้งแรกเมื่อหกปีที่แล้วที่วินนี่เฟรดตั้งครรภ์ก่อนแต่งงาน และมันทำให้การหมั้นของเธอต้องถูกยกเลิกโดยคู่หมั้นของเธอ

สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงบ หัวใจของวินนี่เฟรดเต้นแรง “คุณปู่ เกิดอะไรขึ้น”

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด...จอร์จตัดสาย

“เกิดอะไรขึ้น วินนี่เฟรด”

"ไม่มีอะไร พวกคุณกินข้าวกันเถอะ ฉันต้องกลับไปที่บริษัทตอนนี้”

เมื่อเขาเห็นท่าทางแปลก ๆ บนใบหน้าของวินนี่เฟรด ไทร์ขึ้นพูดทันทีว่า “ฉันจะไปกับเธอ”

"ก็ได้" วินนี่เฟรดไม่ปฏิเสธ

ทั้งสองขับรถไปถึงบริษัทและเข้าไปในห้องประชุม ในตอนนั้นกรรมบริหารของซีกรุ๊ปทุกคน กำลังรวมตัวกันรออยู่ทั้งห้องตกอยู่ในความโกลาหล และทุกคนก็ดูหดหู่

“วินนี่เฟรด ซี ดูสิ่งที่เธอทำสิ” เมื่อเห็นวินนี่เฟรดและไทร์เดินเข้ามาไอริสเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปหาวินนี่เฟรดและยกมือขึ้น

ด้วยปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของไทร์ เขาจับข้อมือของไอริสทันทีและพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอกำลังพยายามจะทำอะไร?” ไทร์เหวี่ยงแขนของไอริสออกไป คนที่อยู่ข้างหลังก็เริ่มถอยห่างทันที

“ไทร์ นายอย่าแส่รู้!” จอร์จกระแทกโต๊ะและยืนขึ้น เขาแทบคลั่งจากความโกรธ

“คุณปู่ เกิดอะไรขึ้น” วินนี่เฟรดที่ยังงุนงงจากเหตุการณ์ที่เธอถูกประณามเมื่อเข้ามาในห้อง

ไอริสพูดต่ออย่างชั่วร้าย “วินนี่เฟรด เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น? เธอเสแสร้งเพื่ออะไร?”

ไอริสโยนเสื้อผ้าสองสามชุดใส่วินนี่เฟรดด้วยสีหน้าที่มุ่งร้าย “ใช่ นี่เหรอเสื้อผ้าที่ถูกผลิตภายใต้การดูแลของเธอ? คุณภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีแม้กระทั่งสารเคมีที่เป็นพิษปนเปื้อนบนสีย้อมผ้า บอกเราหน่อยว่าเธอได้รับเงินคืนเท่าไหร่ เพื่อใช้ผ้าที่มีคุณภาพต่ำเป็นวัตถุดิบเช่นนี้? เธอจะรับผิดชอบยังไง ที่บริษัทต้องแบกรับการสูญเสียครั้งใหญ่นี้? ลูกค้าของสมิธกรุ๊ปได้ตำหนิว่าพวกเขาประสบปัญญาเกี่ยวกับผื่นที่ผิวหนัง และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด บางคนถึงกับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ไม่เพียงแต่บริษัทของเราจะต้องชดใช้ค่าเสียหายอย่างมหาศาลเท่านั้น เราอาจจะถูกฟ้องด้วยซ้ำ และการร่วมมือกันในครั้งนี้อาจจะต้องถูกยกเลิก วินนี่เฟรด ทำไมเธอถึงไร้ยางอายเพื่อเงินได้ขนาดนี้?”

วินนี่เฟรดตกอยู่ในภาวะจิตตกและยืนแข็งทื่อ มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์? แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ สำหรับโครงการนี้วินนี่เฟรดได้แต่งตั้งเฉพาะบุคคลที่น่าเชื่อถือที่สุดให้ดูแลแต่ละส่วนงาน และเธอก็ได้เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบที่ดีที่สุดอีกด้วย มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่เรากำลังประสบปัญหาด้านคุณภาพ

“คุณปู่ ต้องมีการเข้าใจบางอย่างผิดแน่ ๆ”

"เข้าใจผิดเหรอ? หลักฐานอยู่ตรงนี้แล้ว เธอกล้าดียังไงมาแก้ตัว?” ไอริสจ้องไปที่วินนี่เฟรดอย่างชั่วร้ายราวกับอยากจะกระทืบผู้หญิงคนนี้ให้ตาย

ผู้บริหารระดับสูงเริ่มสนทนากัน

“เราไม่น่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ดูแลโครงการนี้เลย ตอนนี้บริษัทต้องชดใช้ความสูญเสียอย่างมหาศาล”

“ใช่ไหม? ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาดูแลโครงการนี้ เธอก็เริ่มมีรถเบนซ์แล้ว มันจะต้องได้มาด้วยเงินสกปรกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอ จะเป็นคนที่ไร้ยางอายได้ขนาดนี้ คนอย่างเธอไม่ควรมีตัวตนในบริษัท”

ใบหน้าของจอร์จมืดมนมาก และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านด้วยความโกรธ

วินนี่เฟรดหยิบเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากบนพื้น เธอฉีกมันออก แล้วหยิบขึ้นมาที่จมูกของเธอแล้วสูดดม แล้วการแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าทีมงานของเธอออกแบบงานชิ้นนี้ แต่วัตถุดิบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขานำเข้ามา มันเห็นได้ชัด ว่ามีคนกำลังพยายามใส่ร้ายเธอ

วินนี่เฟรดมองไปที่อีธาน ลินช์ “คุณหัวหน้าลินช์ นี่มันอะไรกัน?”

อีธานลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาได้เตรียมข้อแก้ตัวร่วมกับไอริสไว้แล้ว

“วินนี่เฟรด คุณมาถามฉันทำไม? ทำไมคุณถึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าสิ่งของพวกนี้มันมาจากไหน? วันก่อน คุณบอกฉันว่าคุณต้องการตรวจสอบวัตถุดิบบางอย่างเป็นการส่วนตัว และให้เงินฉันห้าพันเหรียญเพื่อหยุดงานสองวัน ฉันคิดว่าคุณใจดี แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจงใจให้ฉันหยุดไปเพื่อคุณจะได้นำเข้าชุดผ้าคุณภาพต่ำเอง”

บัสสส... เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้นในจิตใจของวินนี่เฟรด เธอไม่เคยคิดเลยว่าลุงลินช์ที่เธอไว้ใจที่สุดจะใส่ร้ายป้ายสีเธอได้ถึงเพียงนี้

“หัวหน้าลินช์ นั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด!”

อีธานพูดอย่างเย็นชา “วินนี่เฟรด สวรรค์กำลังเฝ้าดูคุณอยู่ คุณอย่าพยายามปฏิเสธว่าคุณไม่ได้ทำสิ่งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้คุณเคยบ่นว่า การขี่สกู๊ตเตอร์เหนื่อยเกินไปและคุณต้องการซื้อรถ และเพียงไม่กี่วันต่อมาคุณก็มีรถเบนซ์ วินนี่เฟรด มีเพียงคุณเท่านั้นที่จะรู้ว่าคุณได้รับเงินเท่าไหร่จากการทุจริตในโครงการนี้ และปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ คุณจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ถ้าฉันรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้ ฉันจะไม่รับปากว่าจะร่วมมือโครงการนี้กับคุณ คุณกำลังทำลายความซื่อสัตย์ของฉัน!”

หลังจากนั้นอีธานก็หันไปหาจอร์จที่ดูปวดร้าวและพูดว่า “ท่านประธาน เหตุการณ์นี้มันต่ำทรามเกินไป แม้ว่าฉันจะไม่รู้อะไรเรื่องอะไรด้วย แต่ฉันขอเลือกที่จะลาออก อีกอย่างหนึ่ง ฉันขอแนะนำว่า คุณควรจะเปลี่ยนผู้รับผิดชอบและไล่วินนี่เฟรดออกจากบริษัททันที และวินนี่เฟรดควรจะเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้ทั้งหมด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ