ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 42

ทั้งห้องประชุมเงียบสงัด มันเงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหมุดหล่น!

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของไทร์ก็ดังขึ้น หลังจากที่เขารับสายและนำขึ้นมาแนบหู แล้วเขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้วินนี่เฟรดในวินาทีต่อมา วินนี่เฟรดงุนงง

“สายจากท่านประธานของสมิธ” ไทร์พูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านประธานของสมิธ?”

หัวใจทุกคนหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ไทร์ตั้งใจเปิดลำโพงไว้ในขณะที่วินนี่เฟรดนำโทรศัพท์มาแนบหูเธอและพูดด้วยน้ำเสียงประหม่า “สวัสดีค่ะ ท่านประธานสมิธ!”

“มิสซี เราได้ยินเรื่องที่คุณออกจากซีกรุ๊ปแล้ว หลังจากการพิจารณาของเรา เราได้ข้อสรุปว่า ซีกรุ๊ปได้สร้างปัญหาที่ร้ายแรงด้านความประพฤติ ดังนั้นเราจะหยุดการติดต่อทางธุรกิจทั้งหมดกับซีกรุ๊ปทันที! ในขณะเดียวกัน เราชื่นชมในบุคลิกของคุณมาก มิสซี เราได้ยินมาว่าคุณจะเริ่มต้นบริษัทของคุณเองในเร็ว ๆ นี้ สมิธกรุ๊ปของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมงานกับคุณต่อไปมิสซี! เราได้ร่างสัญญาแล้ว ดังนั้นคุณสามารถเข้ามาลงชื่อได้เลย!”

วินนี่เฟรดมองหน้าไทร์ เธอสับสน และจิตใจของเธอก็เริ่มสบประหม่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น? สมิธกรุ๊ปรู้ได้ยังไงว่าครอบครัวของฉันถูกไล่ออกจากซีกรุ๊ป แซคเคอรี่ สมิธ เป็นศาสดาพยากรณ์รึไง! คุณทราบได้ยังไงว่าฉันต้องการเริ่มต้นบริษัทใหม่ ไทร์ก็แค่พูดไปเรื่อยเมื่อกี้ ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย! คุณยังได้เตรียมสัญญาไว้แล้วด้วย ล้อเล่นหรือเปล่า?

ไอริสและกลุ่มผู้บริหารดูตกใจ แม้แต่จอร์จก็หน้าซีดเซียวอย่างน่ากลัว

“วินนี่เฟรด ซี เธอวางแผนสิ่งนี้ใช่ไหม เธอคิดร้ายต่อตระกูลของเราเสมอมา เธอมันพวกเนรคุณและเป็นกาฝาก!” ไอริสรีบวิ่งเข้าหาวินนี่เฟรดด้วยใบหน้าแดงก่ำ แต่ไทร์เข้ามาขวางเธอไว้ก่อน

เพี้ยะ! ฝ่ามือของไทร์ทำให้ไอริสลอยปลิวไป “ที่ผ่านมาฉันอดทนกับเธอ เพราะเธอยังเป็นญาติของภรรยาฉันอยู่ แต่ตอนนี้ภรรยาของฉันกับตระกูลซีของเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว ฉันขอเตือนทุกคนที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถ้าสมาชิกตระกูลซีคนใดรังแกภรรยาของฉันและครอบครัวของเธออีกครั้ง จุดจบของมันจะเหมือนโต๊ะตัวนี้”

เปรี้ยง!

ไทร์ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะในห้องประชุม แม้ว่าโต๊ะในห้องประชุมจะทำจากไม้ และมีความหนาราว ๆ แปดเซนติเมตรแต่ไทร์กลับสามารถซัดโต๊ะตัวนี้จนเป็นรูได้!

ทั้งห้องตกอยู่ในอาการช็อค! เขาเป็นมนุษย์รึเปล่า? เขาไม่ใช่สัตว์ประหลาดใช่ไหม?!

ไม่มีใครกล้าส่งเสียง แม้แต่ไอริสและจอร์จก็ยังกลัว

ในตอนนั้น ราวกลับว่าไทร์ได้กลายเป็นกระดูกสันหลังของครอบครัวของวินนี่เฟรดไปแล้ว เสาหลักของพวกเขา!

ทั้งครอบครัวออกจากอาคาร และตามไทร์ไปยังสมิธกรุ๊ป

แซคเคอรี่ สมิธ ไม่ได้ล้อเล่น เมื่อครอบครัวของเขาไปถึงสมิธกรุ๊ป ชายคนนั้นก็นำสัญญาฉบับใหม่ออกมา ไม่ใช่แค่สัญญาเกี่ยวกับความร่วมมือในใจกลางเมือง แม้แต่ธุรกิจก่อนหน้านี้ที่สมิธกรุ๊ปได้ร่วมมือกับซีกรุ๊ป ก็ได้รวมไว้ในสัญญาฉบับใหม่นี้ด้วย

ตั้งแต่เซ็นสัญญาเสร็จจนกลับถึงบ้าน จิตใจของวินนี่เฟรดยังคงสบประหม่า ในสภาพที่ยุ่งเหยิงของเธอ เธอรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงความฝัน

“ไทร์ มัน...มันเกิดอะไรขึ้น”

"มิสเตอร์สมิธไม่ใช่คนงี่เง่า เธอเป็นตัวแทนของโครงการ แล้วทำไมเธอถึงทำทุกอย่างให้มันยากขึ้นด้วยการวางก้อนหินลงบนเท้าของเธอ? ไม่ชัดเจนเหรอ ว่ามีคนในตระกูลซีพยายามใส่ร้ายเธอ? แม้แต่แม่ของพวกเรายังรู้ แม้แต่คนที่ฉลาดน้อยกว่าแซคเคอรี่ สมิธ!”

ใบหน้าของเฮเลนดำคล้ำ "นายหมายถึงอะไร? กล้าดียังไง หาว่าฉันโง่เหรอ?”

ไทร์ยิ้มอย่างเขินอายทันที “แม่ อย่าเพิ่งโกรธ มันก็แค่การเปรียบเทียบเองครับ”

“ฮึ่ม! ระวังคำพูดของนายด้วย ไม่งั้นฉันจะส่งนายบินไปด้วยลูกเตะของฉัน” เฮเลนจ้องเขม็งให้ไทร์ แต่ไม่นานเธอก็ยิ้มให้เขา “ไทร์เมื่อกี้นายทำได้ดีมาก เราอดทนกับตระกูลซีมามากพอแล้ว ตอนนี้เราตัดสัมพันธ์กับพวกเขาแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเลย”

วินนี่เฟรดก็อุทานขึ้นเช่นกัน “ใช่ ตอนนี้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมาก แต่ว่าแม่ พ่อซ่อนตัวอยู่ในห้องตั้งแต่เขากลับมาแล้ว ไปคุยกับเขาหน่อย!”

“มีอะไรให้นึกถึงพวกสัตว์ร้ายในตระกูลซี? เขากล้าดียังไงมาเคืองใจเอาตอนนี้ รอดูเถอะว่าฉันจะจัดการกับเขายังไง” เฮเลนเดินเข้าไปในห้องขณะที่เธอบ่นตักเตือน

วินนี่เฟรดหันไปหาไทร์ด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ไทร์นายต้องการให้ฉันเปิดบริษัทจริงเหรอ?”

“คิดว่าฉันพูดเล่นเหรอ? เมื่อประธานสมิธมีศรัทธาในตัวเธอมาก นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเธอที่จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด!”

“แต่...” วินนี่เฟรดดูขัดแย้ง “ฉันไม่มีเงิน!”

“ฉันมี” ไทร์พูด “ตอนที่ฉันเป็นขอทานในต่างประเทศ ฉันออมเงินได้ค่อนข้างมาก”

“ชู่ว!” วินนี่เฟรดตะคอกใส่ไทร์ “หยุดพูดเล่นเถอะ”

“ก็ได้” ไทร์ยักไหล่ “อันที่จริง ฉันไม่มีเงินให้เธอตั้งบริษัท แต่เราสามารถกู้มันได้!”

“กู้เงิน?” วินนี่เฟรดตกตะลึง “ในการก่อตั้งบริษัทเครื่องนุ่งห่มจะต้องมีเงินอย่างน้อยสิบล้าน ด้วยทรัพย์สินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราจะเพียงพอสำหรับการจำนองได้ยังไง”

ไทร์ฉีกยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาว ๆ เต็มปากของเขา เขาหยิบสัญญาของพวกเขาที่วินนี่เฟรดเพิ่งเซ็นออกมาและสะบัดมันต่อหน้าเธอ "เธอโง่เหรอ? ด้วยสัญญาที่ให้ผลกำไรมหาศาลขนาดนี้ มันสามารถใช้เป็นทุนจำนองได้ เธอจะสามารถกู้เงินได้มากเท่าที่เธอต้องการ”

“สัญญาใช้จำนองได้เหรอ” จิตใจของวินนี่เฟรดสั่นรัวเหมือนกลอง "นี่เรื่องตลกใช่ไหม?"

“บางทีธนาคารอื่นอาจไม่อนุญาต แต่มีธนาคารหนึ่งที่จะรับอย่างแน่นอน!”

“ธนาคารไหน”

“ธนาคารโบตั๋นทองคำ!”

หลังจากที่สมิธกรุ๊ปยุติการติดต่อทางธุรกิจทั้งหมดกับซีกรุ๊ป ในวันต่อมา ตอนนี้ซีกรุ๊ปกำลังเผชิญกับปัญหาอย่างใหญ่หลวง รวมถึงข้อตกลงของใจกลางเมืองที่ระบุว่าสิทธิ์ในการลงทุนของซีกรุ๊ปก็ถูกเพิกถอนแล้ว มันเป็นความหายนะอย่างที่สุด

ภายในคฤหาสน์ตระกูลซี ทุกคนเป็นเหมือนแมวบนหลังคาสังกะสีที่ร้อนระอุ

“คุณพ่อ ตอนนี้สมิธกรุ๊ปได้ยกเลิกข้อตกลงทางธุรกิจกับเราแล้ว ไม่เพียงแต่เงินที่เราจ่ายไปสำหรับโครงการใหญ่นั้นต้องหยุดชะงัก เรายังเคลียร์สต็อกของโครงการอื่น ๆ ไม่ได้เช่นกัน หากไม่มีการจ่ายคืน กระแสเงินสดของเราจะแย่ลงในไม่ช้า”

“ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการเพิกถอนสิทธิ์ในการลงทุนของเราในใจกลางเมือง ผู้ค้าเพียงไม่กี่รายที่พร้อมจะต่อสัญญากับเราก็ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาแล้ว ถ้าหากเราถูกสมิธกรุ๊ปฟ้องร้องตอนนี้ เราจะไม่สามารถยืดเยื้อได้ และเงินที่เรามีอยู่ในตอนนี้จะอยู่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น!”

แจ็คสันลูกชายโตและเจเรด ซี ลูกชายคนที่สองของจอร์จบอกข่าวร้ายกันทีละคน ๆ ข่าวร้ายแต่ละข่าวทำให้เส้นเลือดในสมองของจอร์จแทบแตก สมาชิกในตระกูลซีคนอื่น ๆ กำลังคร่ำครวญ ไม่มีใครคิดว่าตระกูลซีจะประสบปัญหาใหญ่เช่นนี้

ลิเลียน ลูกสาวคนเล็กของจอร์จก็กังวลเช่นกัน “คุณพ่อ ถ้ามันยังดำเนินต่อไป ตระกูลซีของพวกเราจบเห่แน่ หากวงจรอุบาทว์นี้ยังดำเนินไปและต้องประสบปัญหากระแสเงินสด ซีกรุ๊ปของเราจะต้องประกาศล้มละลายทันที ตอนนี้เราควรจะทำยังไง”

จอร์จสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะผ่านมันไปได้ ?” ลิเลียนตอบ “อย่างน้อยยี่สิบล้าน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ