ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ นิยาย บท 58

ในเวลานั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอริส ได้กลายเป็นดาวเด่นในสถานที่แห่งนี้ ตระกูลซีที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างโลดโผน แม้แต่มือของจอร์จก็สั่นระรัวด้วยความตื่นเต้น

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไอริส จะทำผลงานชิ้นโบว์แดงออกมาได้ขนาดนี้”

“ใช่! มันเจิดจรัสมาก ไอริส สุดยอดมาก!”

“ที่หนึ่ง! ผลงานออกแบบของไอริสได้อันดับหนึ่ง! นั่นหมายความว่าซีกรุ๊ปของเราจะมุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จ!”

ลิเลียนหันมามองวินนี่เฟรดอย่างดูถูกและถ่มถุย “ไอริสพูดถูก ก่อนหน้านี้ธุรกิจซีกรุ๊ปของเราไม่เติบโตก็เพราะวินนี่เฟรด การออกแบบของเธอมันห่วยแตก วินนี่เฟรดเธอคือตัวอุปสรรคที่มาขัดขวางหนทางความสำเร็จของตระกูลเรา ขอบคุณมากที่ตอนนี้เธอได้ตัดขาดจากตระกูลเราไปแล้ว ไม่อย่างงั้นตระกูลของเราคงล่มจมเพราะเธอ”

มันเหนือจิตนาการที่คนเป็นป้าจะกล่าวอะไรกับหลานสาวของตัวเองในทำนองนี้ ตอนนี้ไอริสได้หลอมรวมเครือญาติของวินนี่เฟรดและทั้งตระกูลให้กลายเป็นคนสกปรกแบบเธอ

วินนี่เฟรดรู้สึกด้านชา เธอไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าไอริส คือคนคนที่ขโมยงานของเธอไป เธอทำมันลงไปได้ยังไง?

สีหน้าของไทร์ตอนนี้เหมือนแหล่งรวมก้อนเมฆดำและฝนฟ้าคะนอง “ไอริส ซี แกอยากตายรึไง?”

จากนั้นไอริสได้เดินขึ้นไปบนเวทีภายใต้สายตาของทุกคน รู้สึกองอาจ มิคาเอลกำไมค์ขณะเขายิ้มให้ไอลิส การที่จะได้พบกับผลงานชิ้นเอกในประเทศนี้ ทำให้เขาตื่นเต้น

“มิสไอริส ในตอนนี้คุณสามารถอธิบายถึงแนวคิดของ ‘ฟีนิกซ์มรกต’ ที่คุณออกแบบมันได้อย่างเต็มที่ และความคิด แหล่งที่มาของแรงบันดาลใจในตอนที่คุณสร้างสรรค์มัน ผมเชื่อว่าด้วยคำอธิบายของคุณจะทำให้มวลชนมองเห็นบางส่วนในก้นบึ้งของหัวใจคุณ และเข้าใจจิตวิญญาณของผู้อยู่เบื้องหลังผลงงาน ‘ฟีนิกซ์มรกต’!”

ไอริส พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและหยิบไมค์โครโฟน

“ผลงาน’ฟีนิกซ์มรกต' ชิ้นนี้เกิดจากงานอดิเรกของฉัน ฉันเป็นสาววรรณกรรม และฉันชื่นชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายโบราณในประเทศของเรา ฉันโหยหาสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ในเรื่องราวเหล่านั้น และนกฟีนิกซ์เป็นนกในตำนานที่ฉันโปรดปราน ดังนั้นฉันจึงตั้งชื่อผลงานออกแบบของฉันว่า 'ฟีนิกซ์มรกต' และใช้การไล่ระดับสีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นพื้นของฉัน ด้วยการจับคู่สีเขียวและสีเหลืองเพื่อเป็นตัวแทนของฟีนิกซ์สีเขียวและเปลวไฟสีเหลือง ฉันได้ออกแบบผลงานชิ้นโบแดงนี้เพื่อทุกคน!”

ไอริส พูดอย่างฉะฉานบนเวที เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เธอขโมยการออกแบบของวินนี่เฟรด เธอได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการเตรียมสิ่งนี้ คำบรรยายเหล่านี้เป็นความคิดของเธอที่เตรียมไว้ล่วงหน้าโดยนักออกแบบแฟชั่นมืออาชีพที่เธอจ้างมา

เมื่อไอริสกล่าวเสร็จสิ้น มหาชนด้านล่างก็เริ่มปรบมือให้เสียงดัง

อย่างไรก็ตาม มิคาเอลและอัลเลนไม่ได้ปรบมือ ในทางตรงกันข้ามกลับมีร่องรอยของความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของมิคาเอล คำพูดและคำอธิบายนี้น่าทึ่งมากสำหรับคนทั่วไปและมันก็รวบรัด แต่สำหรับนักออกแบบชั้นนำอย่างมิคาเอลและอัลเลน มันเป็นเพียงระดับเปลือกนอกและยังขาดจิตวิญญาณ

จากนั้นอัลเลนก็ลุกขึ้นยืนและถาม “มิสไอริส คุณมีคำอธิบายเพียงเท่านี้สำหรับผลงานของคุณอย่างงั้นเหรอ?”

ไอริสตกใจก่อนจะตอบ “ใช่ ฉันได้พูดไปหมดแล้วในสิ่งที่ต้องการ”

อัลเลนหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น มิสซี คุณจงใจวางงานยากให้กับคณะกรรมการผู้ตัดสินตอนคุณส่งผลงานออกแบบนี้มารึเปล่า? อย่างเช่น คุณตั้งใจจะพลาดรายละเอียดจุดสุดท้ายและต้องการนำเสนอให้เราทราบในเวลาแบบนี้หรืออะไรทำนองนั้น เพื่อจะนำเสนอผลงานชิ้นโบว์แดงที่สมบูรณ์แท้จริงให้เราฟัง”

การวางงานยากสำหรับคณะกรรมการผู้ตัดสินเป็นวิธีที่น่าสนใจในการส่งผลงานเข้าแข่งขันระดับสากล นักออกแบบล้วนมีความเป็นอัตตาสูงและคิดว่าผลงานของพวกเขาเป็นผลงานชิ้นเอก มีแม้กระทั่งนักออกแบบที่เชื่อว่าทักษะของกรรมการต่ำกว่าความสามารถของตนเอง ดังนั้น ก่อนที่พวกเขาจะส่งผลงาน พวกเขาจงใจละเลยข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในงานสร้างสรรค์เพื่อทดสอบคณะกรรมการผู้ตัดสิน เพื่อดูว่ากรรมการจะจับจุดอ่อนระหว่างการประเมินได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ไอริสส่ายหัวและหัวเราะทันที “มาสเตอร์อัลเลน คุณล้อเล่นรึเปล่า? คุณและมาสเตอร์มิคาเอลเป็นนักออกแบบอันดับต้น ๆ ระดับนานาชาติ ในฐานะรุ่นเล็ก ฉันจะวางงานยากกับพวกคุณได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้น 'ฟีนิกซ์มรกต' ชิ้นนี้สมบูรณ์แบบอย่างที่มันเป็นอยู่แล้ว มีอะไรจะต้องเพิ่มเติมอีก?”

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามนั้น” อัลเลนกลับมานั่งที่เดิม รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากนั้นเขามองไปที่มิคาเอล “มิคาเอล ดูเหมือนว่าคราวนี้นายจะคิดผิด รายละเอียดชิ้นสุดท้ายนี้ไม่เคยมีอยู่จริงสำหรับนักออกแบบรุ่นเยาว์คนนี้ องค์ประกอบชิ้นพิเศษที่นายให้อิสระในการเพิ่มเข้าไปในผลงานออกแบบจะไม่มีวันถูกนำมาใช้ในคืนนี้”

มิคาเอลเองก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน “ฉันคิดว่าจะเห็นการจุติของปาฏิหาริย์ในคืนนี้ แต่ฉันแค่ฟุ้งซ่านไปเอง จะโทษเธอไม่ได้ เธอยังเด็ก กว่าจะฝ่าฟันได้มาถึงขั้นนี้ก็ยังดี”

ในขณะที่มิคาเอลกล่าว เขารู้สึกไม่เต็มใจอยู่ข้างใน เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาอีกครั้งแล้วถามว่า “มิสซี ในเมื่อคุณไม่มีรายละเอียดในขั้นตอนสุดท้ายที่จะเพิ่มเติม ทำไมคุณถึงใช้เส้นใยผ้าในการแต่งสีไล่ระดับแทนการย้อมโดยตรงลงบนชุด? และคุณได้กล่าวถึงในการออกแบบของคุณว่าเส้นใยเหล่านี้ต้องใช้สีย้อมสองด้าน ทำไมถึงเป็นประเภทอื่นไม่ได้? หากเราไม่พิจารณาการย้อมแบบสองด้าน ก็สามารถใช้ผ้าที่นุ่มกว่าแทนได้”

ไอริสตกตะลึง แต่คำถามของมิคาเอลผุดขึ้นมา สิ่งนี้ไม่ได้รวมอยู่ในคำพูดที่เตรียมไว้ของเธอ

“ฉัน… ฉัน... ฉันแค่ชอบวิธีนั้น มันมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”

คำตอบนี้แสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพเป็นอย่างยิ่ง มันไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับนักออกแบบมืออาชีพที่จะไม่สามารถตอบคำถามว่า ทำไมพวกเขาเฉพาะเจาะจงใช้วัสดุนั้น

ในเวลานั้นนักออกแบบมืออาชีพหลายคนก็จ้องมองไปที่ไอริสอย่างแปลกประหลาด

ไอริสรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ กำลังเลวร้ายลง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกประหม่า เพื่อปัดป้องไม่ให้สถานณ์การลุกลาม ไอริสจึงถามอย่างรวดเร็วว่า “มาสเตอร์มิคาเอล ฉัน… ได้เป็นผู้ชนะเลิศของการแข่งขันครั้งนี้รึเปล่า?”

"ใช่แล้ว คุณคือผู้ชนะ!” มิคาเอลพยักหน้าสั้น ๆ รู้สึกผิดหวังใหญ่หลวงอยู่ในใจ งานชิ้นนี้ในค่ำคืนนี้น่าจะอลังการยิ่งกว่านี้ กระทั่งมิคาเอลแอบจะเพิ่มรายละเอียดชิ้นสุดท้ายนั้น และเตรียมรอดูผลงานที่จะตามมา แต่ผลงานออกแบบนี้ไม่ใช่ของเขา เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลงานออกแบบของคนอื่นในการแข่งขันที่มโหฬารเช่นนี้ได้

ดังนั้น งานชิ้นนี้จึงได้คะแนนเพียงเก้าสิบแปดแต้ม หากเพิ่มรายละเอียดชิ้นสุดท้ายเข้าไป มันจะเป็นร้อยคะแนนเต็ม ทำให้มันเป็นผลงานชิ้นเอกที่แท้จริง

“ขาดรายละเอียดชิ้นสุดท้าย รายละเอียดที่หายไปที่มิคาเอลพูดถึง… หรือว่าเขาได้คิดเหมือนที่ฉันทำ?”

ขณะที่ทุกคนส่งเสียงเชียร์ไอริสสำหรับการครองอันดับหนึ่ง วันนี่เฟรดกลับรู้สึกโมโหแทน

“มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ ฉันใช้เวลาทั้งคืนในการคิดขั้นตอนชิ้นสุดท้ายนั้น ขั้นตอนสุดท้ายคือรายละเอียดชิ้นสุดท้าย แต่เมื่อฉันต้องการใส่รายละเอียดชิ้นสุดท้ายนั้น ผลงานออกแบบก็ถูกขโมยไป ผลงานออกแบบชิ้นนี้จะมาสิ้นสุดเพียงแค่นี้ไม่ได้ มันถูกลิขิตมาให้ตะลึงทั่วทั้งโลก!”

ก่อนหน้านี้ เมื่อใดก็ตามที่วินนี่เฟรด ถูกกระทำรังแกที่เป็นอันตรายจากไอริส เธอจะยอมอดทนให้พวกเขา แต่คราวนี้วินนี่เฟรดตั้งใจจะไม่ทนอีกต่อไป แม้ว่ามันจะสามารถทำลายตระกูลซี แต่เธอก็ต้องผลักดันผลงานออกแบบนี้ไปสู่จุดสูงสุด ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเธอเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่องานศิลปะด้วย ยิ่งสำหรับทีมของเธอที่ทำงานร่วมกับเธอทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาสิบห้าวัน

นี่คือการต่อสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรม!

ตอนนี้วินนี่เฟรดไม่สามารถอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อนได้ จิตใจของของเธอเคยปวดร้าว เพราะพวกเขาต้องการให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างอนาถ แต่ตอนนี้ วินนี่เฟรดตัดสินใจแล้วว่าจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตระกูลข้า ใครอย่าแตะ