สามปีผ่านไป…
แอดดดดดดดดด~ ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณเตือนให้ลูแปงที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดรู้ตัว แต่เสียงที่มาพร้อมกับการเปิดประตูนั้นทำให้เขาแปรเปลี่ยนสีหน้าแล้วช้อนสายตามองด้วยรอยยิ้ม
“แด๊ดดี๊ขาาาาาา~”
“ว่าไงครับลูก”
“หม่ามี๊ให้มูนมาตามไปทานข้าวค่ะ” เด็กน้อยวัยสี่ขวบพูดจาฉะฉานแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาผู้เป็นพ่อที่โต๊ะทำงาน “แด๊ดดี๊ทำอะไรอยู่เหรอคะ”
“ทำงานครับ แล้วพี่ลูอิสไปไหนไม่มาตามแด๊ดดี๊ด้วยเหรอ”
“มูนเป็นพี่ค่ะ หม่ามี๊บอกมูนเกิดทีหลังเพราะเสียสละให้หลุยส์เกิดก่อน”
“อะๆ พี่ก็พี่” ลูแปงยิ้มขำแล้วอุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งหันหลังให้เขาบนโต๊ะทำงาน พร้อมกับดึงยางมัดผมออดจากศีรษะเล็กอย่างเบามือ “หนูไปเล่นอะไรมา ทำยุ่งไปหมดเลย เดี๋ยวแด๊ดดี๊ทำผมให้”
“ถักเปียนะคะ มูนชอบเวลาแด๊ดดี๊ถักเปียให้ เพื่อนชมตลอดเลยว่ามูนสวย”
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย ทำไมชมลูกว่าสวย”
“เพื่อนผู้ชายค่ะ เขาชื่อมิดไนท์ มูนให้เป็นเพื่อนได้เพราะเขาชอบซื้อขนมมาฝากมูนทุกเช้าเลย” เด็กน้อยเล่าให้ผู้เป็นพ่อฟังอย่างเช่นทุกวัน ลูแปงก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกเล่า เขากำลังฝึกให้ตัวเองกลายเป็นพ่อที่ยอมรับสิ่งที่ลูกต้องการจะปรึกษา…ในอนาคต
“เขามาจีบลูกหรือเปล่า”
“จีบคืออะไรเหรอคะ”
“จีบคือการที่เพื่อนผู้ชายมาใกล้ชิดเราจนเรารู้สึกว่าอีกฝ่ายเขาคิดกับเราเกินเพื่อน แต่หนูยังไม่ต้องรู้เรื่องนี้หรอก ตั้งใจเรียนก็พอครับ”
“อ๋อออ~ งั้นก็คงเหมือนหลุยส์ที่ไปใกล้ชิดเพื่อนผู้หญิงใช่ไหมคะ”
“ลูอิสมีเพื่อนผู้หญิงด้วยเหรอ”
“ค่ะ หลุยส์บอกมูนว่าห้ามบอกหม่ามี๊ เพราะหม่ามี๊จะดุ”
“ฮ่าๆ ออกลายแต่เด็กเลยลูกกู” ประโยคหลังลูแปงพึมพำกับตัวเอง หากสิ่งที่ลูน่าพูดเป็นเรื่องจริง ทิชาคงได้ปวดหัวกับความกะล่อนของลูกชายแน่ๆ “เสร็จแล้วครับ ไปหาหม่ามี๊กันดีกว่า เดี๋ยวโดนดุ”
“แด๊ดดี๊อุ้มมูนหน่อยค่ะ”
“ครับๆ คนเก่ง” ลูแปงหยอกล้อพร้อมกับขยี้ศีรษะทุยเล็กของลูกสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหยัดตัวลุกจากเก้าอี้แล้วอุ้มลูน่าขึ้นมาแนบอก พากันเดินออกมาจากห้องทำงานตรงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก
“หม่ามี๊! มูนไปตามแด๊ดดี๊มาแล้ว มูนเก่งไหม”
“เก่งที่สุดเลยลูก” ทิชาคลี่ยิ้มให้กับลูกสาวของตัวเองแล้วเดินเข้ามาหอมพวงแก้มสีชมพูด้วยความรัก
“ลูอิสไปไหน”
“เห็นเขียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ในห้องนอนน่ะ ขอดูก็บอกว่าเป็นความลับ” ร่างเล็กพยักหน้าไปทางห้องนอนของลูกๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาข้างนอกราวกับรู้เวลา
“หลุยส์มานั่งข้างหม่ามี๊มา”
“ครับ”
“วันนี้หม่ามี๊สั่งพิซซ่ามาให้ทานตามที่สัญญากันไว้นะ”
“จริงเหรอคะ! มูนจะได้ทานพิซซ่าเหรอ” ลูน่าถามด้วยความตื่นเต้น ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้กินอาหารแบบนี้ แต่เพราะทั้งเธอและหลุยส์ทำตัวดีไม่ดื้อไม่ซนตามสัญญาที่ให้ไว้กับผู้เป็นแม่จึงได้รับของขวัญตามสัญญา
“จ้า”
“หม่ามี๊ใจดีที่สุดเลย~”
“ตามใจลูกเก่ง”
“หมายถึงฉันหรือนายที่ตามใจลูกเก่ง” ทิชาช้อนสายตามองสามีตัวเองอย่างไม่พอใจนัก เพราะมีหลายครั้งที่เธอออกไปธุระข้างนอกแล้วปล่อยให้ทั้งสามคนอยู่กันตามลำพัง ลูแปงจะชอบสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดมาให้ลูกกินเพราะถูกอ้อนจนทนไม่ไหว
“เอาน่า ลูกกินไม่บ่อยหรอก”
“แต่มันเป็นของไม่มีประโยชน์ ฉันจะอนุญาตก็ต่อเมื่อมันเป็นวันสำคัญ”
“บ่นๆ บ่นเป็นคนแก่เลยเนี่ย” ลูแปงยกมือปิดหูตัวเอง ทำท่าทางเหมือนเด็กที่ไม่ต้องการฟังเสียงแม่ตัวเองบ่น
“ฉันต้องเป็นคนพูดนะ มีผัวหรือมีลูกอีกคนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“มีลูกอีกคนโอเค แต่ถ้ามีผัวอีกคนไม่โอเค”
“เดี๋ยวหม่ามี๊ตักใส่จานให้ แต่ต้องไปล้างมือก่อน โอเคไหม” ทิชาเลือกที่จะไม่สนใจน้ำเสียงเข้มๆ ของผู้เป็นสามี แล้วหันไปพูดกับลูกทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงใจดีนุ่มนวล
“โอเคค่ะ มูนจะไปเดี๋ยวนี้เลย” ลูน่าพยักหน้าถี่รัว แล้วรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ เดินตรงไปห้องน้ำอย่างรวดเร็วโดยมีลูอิสเดินตามหลังไป
“มาหาผัวหน่อยซิ” เมื่อลูแปงเห็นลูกทั้งสองคนเดินลับสายตาไป เขาก็กวักมือเรียกทิชาที่นั่งอยู่ฝั่งตามให้มาหาเขาทันที “เร็วๆ เดี๋ยวลูกออกมาก่อน”
“จะทำอะไร”
“ขอกอดหน่อย ทำงานมาเหนื่อยๆ”
“ก็หอบงานกลับมาทำที่บ้านแบบนี้จะไม่เหนื่อยได้ยังไง” ถึงแม้จะเอ่ยปากบ่น แต่ทิชาก็ยอมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งลงบนตักแกร่งของสามีอย่างว่าง่าย
“ฉันเป็นประธานบริษัทแล้วนะ ก็ต้องทำงานเยอะกว่าคนอื่นสิ”
“หาคนดูแลแบบคุณพ่อสักคนสิ นายจะได้มีคนช่วย”
“นั่นไม่ใช่คนดูแลพ่อฉัน แต่เป็นมือขวามาเฟียนะ”
“ไม่จำเป็นต้องเป็นมาเฟียอย่างเดียวก็มีได้”
“แล้วถ้าวันนึงฉันเป็นมาเฟียแบบพ่อ เธอจะโอเคไหม”
“มันเสี่ยงอันตรายไหม” ทิชาถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องเสี่ยง และคงไม่พ้นทำเรื่องผิดกฎหมาย
“อือ”
“งั้นก็ไม่อยากให้เป็นหรอก ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันอยู่กับลูกไปนานๆ” หากเลือกได้เธอขอแค่ใช้ชีวิตธรรมดาๆ แบบนี้ต่อไปดีกว่า อย่างน้อยก็ปลอดภัยและได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“ฉันก็ไม่คิดจะเป็นหรอก ไม่อยากให้เธอ ลูอิส ลูน่าใช้ชีวิตบนเส้นด้าย” ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นมาเฟียได้หรอกนะ ต้องมีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมาะสม โดยเฉพาะความกล้าที่จะเสี่ยงกับความท้าทายเหมือนอย่างพ่อของเขา
“อือ วันนี้เหนื่อยมากเหรอ นายไม่ยอมออกจากห้องทำงานเลย”
“นิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นไรได้กอดเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”
‘หลุยส์อย่าเพิ่งเดินออกไป’
‘อะไรมูน หลุยส์หิวแล้ว’
‘แด๊ดดี๊บอกว่าเวลาสวีตห้ามรบกวน มูนกับหลุยส์จะได้มีน้องไง’
เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบที่ดังกว่าปกติของลูกๆ ทั้งสองคน ทำให้ทิชาหันหน้าไปมองแล้วก็พบว่าลูกกำลังยืนเกาะขอบประตูมองเธอกับลูแปงอยู่ ก่อนที่เธอจะลุกจากตัดแกร่งแล้วเดินมานั่งในที่ของตัวเอง
“สั่งให้ลูกทำแบบนั้นเหรอ”
“เปล่าเลย ไม่ได้สอนนะ” ลูแปงส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่ดูยังไงก็มีพิรุธ เพราะถ้าหากว่าเขาไม่สอนลูกทั้งสองคนก็คงไม่มีความคิดแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: TRICK TO LOVE หลอกให้รัก