สองวันต่อมา...ไร่สิรันยากรณ์
“อ้าว! ทัพมาพอดีครับ” แดเนียล เสกสรร ร็อฟเวลล์ หรือ ต้อม หนุ่มลูกครึ่ง ไทย-อังกฤษ-อิตาลี เอ่ยทักทายรุ่นน้องที่ทำธุรกิจร่วมกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไงทัพ! สบายดีไหม?” ภาคินหันไปทักทายเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอมานาน อย่างดีใจ
“สบายครับคุณต้อม” แม่ทัพยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้เพื่อน “น้องไวน์สบายดีไหม?”
“เชี่ย! ถามหาเมียกูทำไมวะ?” ภาคินส่งค้อนวงใหญ่ไปให้อย่างเคืองๆ
“หึๆ คนอื่นๆ รออยู่ในห้องอาหารแล้วนะ” แดเนียลหัวเราะเบาๆ รู้สึกขำๆ กับการสนทนาของสองหนุ่ม
“ครับ/ครับ” แม่ทัพกับภาคินรีบเดินตามหลังเจ้าของบ้านเข้าไปด้านใน
“ทัพมานั่งนี่สิ” จอมพลกวักมือเรียกเพื่อนรักให้มานั่งข้างๆ ตน
“อืม!” แม่ทัพพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าหาด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ ภายในห้องรับรองขนาดใหญ่
“ สวัสดีครับคุณกร สวัสดีครับคุณเจคอป” แม่ทัพยกมือมือไหว้พ่อเลี้ยง ธนากร และเอ่ยทักทายคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยหน้านิ่งๆ
“สวัสดีทัพ ไม่เจอนานเลย เป็นไงบ้าง?” ธนากรทักทายหนุ่มรุ่นน้องไฟแรง ที่มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์มาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
“สบายดีครับ” แม่ทัพตอบยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองใครอีกคน
“สวัสดีครับ” เจคอปส่งยิ้มให้คู่สัญญาที่วันนี้หน้าตึงมากเป็นพิเศษ
“ครับ” แม่ทัพขานรับเบาๆ พยายามข่มอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน ในใจให้สงบ
“สัญญาเหมือนเดิมทุกอย่าง เพิ่มเติมคือต้องเซ็นกันใหม่อีกรอบ มีใครอยากจะเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาตรงไหนบ้างไหมครับ?” แดเนียลเอ่ยถามความเห็น
“...” ทุกคนต่างส่ายหน้าพร้อมกัน เพราะข้อตกลงเดิมมันดีอยู่แล้ว
“งั้นก็...เซ็นกันเลยนะครับ เซ็นเสร็จจะได้ทานข้าวกัน” แดเนียลบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าให้คนสนิทแจกหนังสือสัญญาให้กับทุกคน
“ครับ/ครับ” ทุกคนขานรับและเปิดอ่านคร่าวๆ กันอีกครั้ง ก่อนจะจรดปากกาลงเซ็นสัญญา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
“ทัพ! หน้ามึงตึงผิดปกตินะ” จอมพลที่ลุกตามเพื่อนรักไปเข้าห้องน้ำ เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“นั่นสิ! มีอะไรหรือเปล่าเพื่อน” ภาคินที่เดินตามมาสมทบถามอย่างข้องใจ
“ไอ้หมอนั่นคือคนที่แม่กูถ่ายรูปลงไอจีเมื่อสองวันก่อน” แม่ทัพหันไปตอบเพื่อนรักทั้งสองพร้อมกับกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“กูว่าคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง?” จอมพลเอ่ยปลอบ
“ไอ้ขุนบอกกูว่ามันชอบสาวไทย” แม่ทัพตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช่ครับ เจคชอบสาวไทยจริงๆ” แดเนียลที่แอบฟังการสนทนาของสามหนุ่มรุ่นน้อง เอ่ยยืนยันอีกเสียง
“คุณต้อม!!!” แม่ทัพ จอมพลและภาคิน หันไปมองแล้วอุทานพร้อมกันอย่างตกใจ ที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ผมเองครับ แค่อยากจะบอกว่าสาวคนเดียวที่เจคมันชอบ ตอนนี้ยังเรียนอยู่ครับ” แดเนียลไขความกระจ่างให้กับทุกคน
“เรียนที่ไหนครับ” แม่ทัพถามขึ้นอย่างร้อนใจ ถ้าอีกฝ่ายตอบว่าอังกฤษ ตนจะเดินเข้าไปต่อยหน้าหล่อๆ นั่น ให้ยับเลยคอยดู
“มหาลัยที่กรุงเทพครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องเมื่อสองวันก่อน ผมสอบถามมาแล้ว เจคเดินไปชนกับน้องเอื้อง ก็เลยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารกับเครื่องดื่ม แต่ไม่ได้อยู่ทานด้วยนะครับ มันขึ้นเครื่องบินกลับมาไทยซะก่อน”
“...” แม่ทัพได้ฟังถึงกับนิ่งไปทันใด เช่นเดียวกับจอมพลและภาคินที่เพิ่งจะรู้ต้นเหตุของสีหน้าบูดบึ้งของเพื่อนรัก จากปากของแดเนียล
“เดาว่าน้ามาลีนคงจะเคืองที่คุณทัพเป็นข่าวบ่อยๆ ก็เลย...” แดเนียลเอ่ยค้างไว้ไม่กล้าพูดต่อ
“เอ่อ...ผมขอโทษด้วยนะครับที่แสดงกิริยาไม่ดีออกไป” แม่ทัพรีบกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ แต่จากประสบการณ์ชีวิตคู่ที่ผ่านมา ผมแนะนำให้เปิดใจคุยกับน้องเอื้องตรงๆ หากคุณทัพยังคงยึดมั่นในรักนั้นอยู่ แต่ถ้าไม่...ก็ขออภัยที่ผมล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวครับ” คนที่ผ่านมรสุมชีวิตคู่มาก่อนเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ ต้องขอบคุณคุณต้อมมากกว่าที่กรุณาชี้แนะ ผมมีปัญหากับน้องเอื้องจริงๆ คิดว่าอีกวันสองวันจะบินไปหาที่อังกฤษครับ” แม่ทัพบอกเสียงอ่อน
“ขอให้คืนดีกันเร็วๆ นะครับ” แดเนียลอวยพรด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“เอ่อ...ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ” เจคอปรีบออกตัวอย่างขำๆ
“ครับ” คนขี้หึงขานรับพร้อมกับกลออกตาอย่างเพลียๆ ทำเอาทุกคนพากันหัวเราะกันอย่างขำๆ
“แด่มิตรภาพ” ธนากรเอ่ยก่อนจะยกแก้วชูขึ้น
“แด่มิตรภาพ” ทุกคนพากันยกแก้วขึ้นชน ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดทางธุรกิจกันอย่างสนุกสนาน
สิบวันต่อมา...หลังจากที่มาลีนพาช่อเอื้องตระเวนเที่ยวมาร่วมหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ก็ถึงกำหนดเดินทางกลับไทย ทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อนรูมเมทของช่อเอื้องที่กำลังจะเดินทางมาอังกฤษในอีกสี่วันข้างหน้า
ช่อเอื้องไปส่งคุณมาลีนที่สนามบิน จากนั้นก็มุ่งตรงกลับหอพักนักศึกษาหญิง พอมาถึงห้องพักเธอก็ต่อสายหาเพื่อนสาวทั้งสอง พูดคุยเรื่องนู่นนั่นนี่ครู่หนึ่งก็ขอวางสาย จากนั้นกดเข้าไปส่องดูข่าวคราวของแม่ทัพอย่างอดใจไม่ไหว เพราะตลอดเวลาที่อยู่กับคุณมาลีน เธอปิดมือถือตลอดเพิ่งจะเปิดเครื่องก็เมื่อตอนที่นั่งรถกลับจากสนามบิน
ทันทีที่เห็นภาพของอีกฝ่ายกับนางแบบที่ชื่อแซนดี้ผุดขึ้นมามากมายหลายสิบรูป บ่งบอกว่าตั้งแต่วันนั้น เขาใช้เวลาอยู่กับนางแบบดังคนนี้อย่างหน้าชื่นตาบาน ในขณะที่เธอต้องฝืนเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ภายใต้สีหน้าที่ยิ้มแย้ม เพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นกังวล
“คนบ้า! ฮือๆๆ” ช่อเอื้องปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ไม่คิดว่าการมาเรียนแลกเปลี่ยนที่อังกฤษจะเป็นเหตุให้ต้องเลิกรากันจริงๆ พลัน! ภาพคืนวันเก่าๆ ก็ย้อนกลับมาฉายชัดในม่านตาอีกครั้ง มันมีเรื่องราวของเธอกับเขาเต็มไปหมด ทั้งช่วงเวลาที่สุขและเศร้า เธอจะมีเจ้าชายที่แสนดีคอยอยู่เคียงข้างเสมอ แต่วันนี้... มันคงสุดทางที่จะไปต่อแล้วจริงๆ
ช่อเอื้องร้องไห้ฟูมฟายและจมดิ่งกับความเสียใจอยู่สามวันเต็มๆ จนกระทั่ง แฮปปี้กับเอ็นจอยเดินทางมาถึง เธอจึงต้องตั้งสติแล้วเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ภายใต้สีหน้าที่ยิ้มแย้มอีกครั้ง
ห้าวันต่อมา...ประเทศอังกฤษ
“เอ่อ...เอาไงต่อดีครับบอส?” โดมถามผู้เป็นนายเสียงอ่อน หลังจากที่เอาเครื่องบินลำใหม่ป้ายแดงลงจอดเสร็จ สายก็รายงานว่าช่อเอื้องไปล่องเรือสำราญกับเพื่อนสาวสองอาทิตย์เต็มๆ
“ทำไมมึงไม่หัดเช็กก่อนฮะว่าเอื้องไปไหน” แม่ทัพกัดกรามแน่นอย่างรู้สึกโกรธ คำพูดเป็นร้อยเป็นพันที่เตรียมมาอธิบาย หายวับไปทันทีทันใด
“ขะ...ขอโทษครับ ผมผิดเอง” โดมยอมรับความผิดพลาดอย่างไม่มีทางเลือก
“เซ็งฉิบ!” แม่ทัพสบถก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“เอ่อ...เราไปแวะนั่งดื่มที่ร้านสิงโตดุไหมครับ ไหนๆ ก็มาแล้ว” โดมรีบชวนผู้เป็นนายให้ไปนั่งดื่มที่ร้านประจำ
“อืม!” แม่ทัพกลอกตาก่อนจะเข้าไปนั่งในรถอย่างรู้สึกเซ็งๆ อุตส่าห์ตัด ผมทรงใหม่ แต่งตัวหล่อเนี้ยบ เดินลงจากเครื่องบินส่วนตัวลำใหม่ประหนึ่งเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เอ๊ย! ประหนึ่งเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ แต่สุดท้ายก็แห้วรับประทานจนไปต่อแทบไม่ถูก
สองวันต่อมา...แม่ทัพต้องรีบนั่งเครื่องบินกลับไทยด่วนเพราะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นประกอบกับกำหนดการล่องเรือสำราญของช่อเอื้องนั้น เหลืออีกสิบกว่าวันถึงจะกลับขึ้นฝั่ง เขาจึงไม่อาจจะรอได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)