อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก) นิยาย บท 50

สิบสองวันต่อมา...หลังจากจบทริปล่องเรือสำราญ The Lion Seaกับเพื่อนสาวทั้งสอง ช่อเอื้องก็ต้องตกใจเพราะเจอชบานั่งยิ้มอยู่ในห้องพักของนักศึกษาหญิง

“อะไรกัน” เอ็นจอยอุทานอย่างรู้สึกช็อกนิดๆ

“ไม่จริงอะ?” ช่อเอื้องส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“นี่เราตาฝาดไปหรือเปล่า?” แฮปปี้ขยี้ตาแล้วเพ่งมองอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ

“พอเลยทั้งสามคน พวกเธอแอบหนีไปเที่ยวที่ไหนกันมาเนี่ย” ชบาต่อว่ากับท่าทีของเพื่อนๆ ที่ดูจะโอเว่อร์แอคติ้งเกินเหตุ

“ไปล่องเรือสำราญมาจ้ะ ถ้ารู้ว่าเธอก็มาเรียนที่นี่พวกเราคงได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้ว” เอ็นจอยวางกระเป๋าลง และบอกด้วยสีหน้าดีใจ

“ชิ! ฉันไม่มีเงินซื้อตั๋วลงเรือหรอก ได้ข่าวว่าแพงหูดับเลยไม่ใช่เหรอ” ชบามองค้อนกับคำปลอบใจของเพื่อนสาว

“พวกเราได้ตั๋วมาฟรีน่ะชบา” แฮปปี้บอกพร้อมกับเข้าไปกอดอีกฝ่าย

“สรุปพวกเธอมาเรียนแลกเปลี่ยนหรือมาเที่ยวฮะ?” คนที่ต้องเดินทางมาแบบกะทันหัน ต่อว่าอย่างขุ่นเคือง นึกว่ามาถึงแล้วจะเจอกับเพื่อนสาวทั้งสาม ที่ไหนได้!! เจอแต่ห้องที่ว่างเปล่า ทำให้คนที่เพิ่งจะเคยมาเหยียบอังกฤษเป็นครั้งแรก รู้สึกเคว้งคว้างและหลอนนิดๆ ที่ต้องนอนคนเดียวมาสองคืนเต็มๆ แถมอาหารมื้อแรกตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน จนถึงตอนนี้คือแฮมเบอร์เกอร์จากร้านที่ขายอยู่ข้างๆ มหา’ลัย

“คิกๆๆ” สามสาวพากันหัวเราะขึ้นอย่างขบกับน้ำคำตัดพ้อของเพื่อนสาว ที่ดูจะงอนหนักกว่าทุกครั้ง

“ดีใจจังที่ชบามา” ช่อเอื้องเข้าไปกอดปลอบและโยกตัวเบาๆ

“นี่ตัดสินใจวินาทีสุดท้ายหรือไง” เอ็นจอยถามอย่างสงสัย เพราะก่อนหน้าไม่เห็นชบาจะพูดหรือบอกว่าจะมาเรียนแลกเปลี่ยนเลย

“เปล่า! ตอนแรกตั้งใจจะไปฝรั่งเศส แต่ทางนั้นตอบรับช้าก็เลยเบี่ยงมาทางนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็มีพวกเธอสามคนอยู่” ชบาบอกอย่างไม่หายเคือง

“หมูกระทะสักหน่อยไหม?” แฮปปี้เสนอเมนูเอาใจ

“มีกระทะหรือเปล่าล่ะ?” คนที่กระหายอาหารไทย ถามกลับอย่างสนใจ

“มีสิ! นี่ไง” เอ็นจอยรีบเดินไปหยิบกระทะไฟฟ้าออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วโชว์ให้กับเพื่อนสาวดู

“งั้นพวกเราออกไปซื้อของกันเถอะ” ช่อเอื้องเอ่ยชวนด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“โอเค” สามสาวขานรับก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ช่อเอื้องรีบเดินตามเพื่อนๆ ออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้า The Diamond R ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัย เท่าไหร่นัก

สามเดือนต่อมา...ประเทศไทย

แม่ทัพยังคงยุ่งกับงานที่ค่ายมวย บริษัทขนส่ง ฟาร์มโคขุน และงานต่างๆ ในรีสอร์ตทั้งหกสาขา แม้จะมีโดมคอยช่วย แต่กระนั้นก็ต้องเดินทางไปนั่นมานี่อยู่ไม่ขาด ทำให้ไม่มีเวลาเดินทางไปเคลียร์ปัญหาหัวใจกับช่อเอื้องเหมือนที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ยิ่งพอเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความตั้งใจที่แรงกล้า มันก็ค่อยๆ ลดลง และถูกแทนที่ด้วยความขุ่นเคือง ที่จนถึงวันนี้สาวเจ้าก็ยังไม่เคยติดต่อกลับมา

ด้านช่อเอื้องก็เรียนหนัก เพราะอยากทำคะแนนที่นี่ให้ดีเหมือนกับที่ไทย ทั้งค้นคว้าหาข้อมูลมาทำรายงานกลุ่มที่เมื่อก่อนจะทำกับแฮปปี้และเอ็นจอย แต่ที่นี่...เธอก็ต้องเข้าทำงานกับนักศึกษาต่างชาติ ที่มีทั้งโซนยุโรปและเอเชีย ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างเปิดว้าง ในหลากหลายมุมมอง ทั้งในเรื่องวิถีชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่และอาหาร จนแทบจะหลงลืมไปว่า...ความตั้งใจแรกที่อยากจะทำให้มาเรียนที่นี่คืออะไร?

อาทิตย์ต่อมา...

ช่อเอื้องทำเป็นเดินผ่านร้านอาหารไทยที่มีชื่อว่า...วิภาดา แล้วแอบส่งสายตามองหาผู้หญิงที่ชื่อดาหลัน แต่ก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ในร้านเลยสักครั้ง ครั้นจะให้เดินเข้าไปนั่งสั่งอะไรทานก็ไม่กล้า ความรู้สึกก่อนมา...กับตอนที่มาถึงแล้ว มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าทุกอย่างจะอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ แต่เธอก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเดินเข้าไปค้นหาความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง

ช่อเอื้องวางกระเป๋าลงที่บนโต๊ะ แล้วหยิบมือถือลุกเดินไปดูภาพต่างๆ บนผนังห้องของร้านอาหาร ก่อนจะกดถ่ายรูปของผู้หญิงที่มีเคร้าโครงใบหน้าคล้ายกับเธอราวสิบกว่ารูป จากนั้นก็กลับมานั่งที่โต๊ะด้วยอาการเหม่อลอย พลางคิดไปว่าตัวเองกำลังตามหาอะไรอยู่?

เพราะการที่หญิงสาวคนดังกล่าวขายคุ้มแสนรักแล้วย้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่อังกฤษถาวร นั่นก็แปลว่า...อีกฝ่ายคงอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ แล้วเธอยังจะหน้าด้านตามมาเพื่อตอกย้ำเรื่องราวในอดีตอยู่อีกงั้นเหรอ? เวลาตั้งยี่สิบกว่าปี ไม่มีใครจำเธอได้หรอก...ช่อเอื้อง

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” พนักงานสาวบอกก่อนจะยกอาหารวางลงบนโต๊ะ แล้วหันไปบอกลูกค้าคนสวย “ทานให้อร่อยนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องฝืนยิ้มส่งให้บางๆ แล้วก้มลงหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาเตรียมจะตักอาหารทาน แต่ทว่า...อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงพนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นว่า...

“สวัสดีค่ะคุณภลัม คุณดาหลัน”

“สวัสดีครับ ขอต้มยำรวม ปลานึ่งซีอิ๊ว ไข่เจียวกุ้งสับแล้วก็ข้าวสวย”

“ได้ค่ะคุณภลัม เครื่องดื่มเหมือนเดิมนะคะ”

“ครับ”

ช่อเอื้องขนลุกซู่ไปทั้งเนื้อทั้งตัว ไม่กล้าจะหันกลับไปมองที่ด้านหลัง แม้ว่าใจหนึ่งก็อยากจะลุกเดินเข้าไปหาแล้วถามเรื่องที่ค้างคาใจ แต่อีกใจก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะเส้นบางๆ ที่กั้นอยู่กับหลากหลายเหตุผล ฉุดรั้งให้เธอทำได้แค่นั่งทานอาหารอย่างฝืดคออยู่ที่โต๊ะเงียบๆ

ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ตักอาหารขึ้นมาได้ 4-5 คำ ก็ทานต่อไม่ลงช่อเอื้องจึงแกล้งหยิบมือถือมาถ่ายรูปของตัวเองจากกล้องหน้า เพื่อจะได้แอบมองหญิงสาวที่คิดว่าเป็นผู้ให้กำเนิด จากนั้นก็กดถ่ายรูปของตัวเองที่มีอีกฝ่ายนั่งอยู่ด้านหลังไกลๆ 7-8 รูป พร้อมตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่เข้าไปแสดงตัวใดๆ

แม้ในใจเธอจะโหยหาอ้อมกอดของแม่มาตลอดก็ตาม แต่การที่บิดาได้ปกปิดเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ ก็คงจะมีเหตุผลบางอย่าง ซึ่งมันอาจจะเจ็บปวดหรือโหดร้ายมากจนท่านไม่กล้าจะบอกความจริงกับเธอ และหากเป็นเช่นนั้น เธอก็ขอหยุดทุกอย่างเอาไว้แค่ตรงนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะได้มาเจอะเจอกับอีกฝ่าย...คงจะไม่มีอีกแล้วก็ตาม

หญิงสาวจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จก็เดินก้มหน้าออกจากร้านอาหารไปทั้งน้ำตาคลอหน่วย พลางคิดไปว่า...ทำไมตัวเองถึงได้อาภัพอย่างนี้ ทำไมเกิดมาถึงมีแค่พ่อเท่านั้นที่รักและดูแลเธอมาตลอด ทุกครั้งที่เห็นครอบครัวของคนอื่นอยู่พร้อมหน้า เธอก็มักจะจินตนาการถึงมารดาของตัวเองอยู่บ่อยๆ มารดาที่แม้แต่รูปก็ไม่มีให้เห็น มีเพียงคำบอกเล่าของบิดาที่บรรยายซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าสวยนักสวยหนา จนกระทั่งได้มาเห็นตัวจริงในวันนี้ ใช่! มันไม่ผิดไปจากที่บิดาบอกเลยสักนิด แถมอีกฝ่ายยังมีชีวิตที่ดีอีกด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)