ติง ติ่ง ติ้ง ทันทีที่เสียงกริ่งหน้าประตูลิฟต์ดังขึ้น ช่อเอื้องกับชบาที่นั่งทำงานอยู่ด้วยกันสองคน เพราะเลขาใหญ่กับผู้ช่วยเลขาลงไปประชุมงานที่ด้านล่าง หันไปมองพร้อมๆ กัน
“เอาขนมเค้กไปใส่จาน แล้วก็ขอกาแฟร้อนให้ฉันด้วย” ซอนย่าสั่งพร้อมกับปรายตามองนักศึกษาที่มาใหม่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของแม่ทัพ
“ได้ค่ะ” ช่อเอื้องมองตามหลังก่อนจะหยิบถุงกระดาษลุกเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์
“โอ้โห...มาถึงก็จิกใช้แบบนี้เลยเหรอเนี่ย ตอนแรกอุตส่าห์ดีใจที่ได้เจอนางแบบดัง ตั้งใจว่าจะขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย แต่พอได้เห็นกิริยามารยาทแล้ว โคตรขยะแขยงเลย” ชบาลุกตามไปช่วยเพื่อนสาว พร้อมกับวิจารณ์นางแบบดังอย่างไม่พอใจ
“ช่างเถอะน่า เราชินแล้ว” ช่อเอื้องบอกก่อนจะหันไปกดเครื่องทำกาแฟร้อนอัตโนมัติ เพียงแค่กดเลือกว่าจะเอากาแฟอะไร และนำแก้วไปวางรอเท่านั้น
“ชิน! แสดงว่าเจอแบบนี้ประจำเหรอเอื้อง?” ชบาถามอย่างไม่เชื่อหูว่าเพื่อนสาวเจอกับสถานการณ์ทำนองนี้มานานแล้ว
“เอากาแฟไหม?” ช่อเอื้องถามก่อนจะหันไปจัดขนมเค้กใส่ลงชามใบเล็ก
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เดี๋ยวฉันจะยกไปเสิร์ฟเอง” ชบาบอกด้วยใบหน้าบึ้งตึง ‘คุณทัพนะคุณทัพ ปล่อยคนอื่นใช้งานเอื้องขนาดนี้เลยเหรอ?’
“ขอบใจจ้ะ” ช่อเอื้องฉีกยิ้มหวานขึ้นมาทันใด เพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเข้าไปเห็นฉากหวานของนางแบบดังกับท่านประธานแบดบอยสักเท่าไหร่
“ว่าแต่...ฝึกงานเสร็จ เราสองคนไปเปิดร้านขายกาแฟกันไหมเอื้อง?” ชบาเอ่ยแซว หลังเห็นเพื่อนสาวหยิบจับทุกอย่างคล่องแคล่วไปหมด
“ฟังดูเข้าท่านะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับ พลางยกแก้วกาแฟ จานรองและช้อนวางลงในถาด
“ไปก่อนนะ” ชบายกถาดมาถือแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ตั้งใจว่าหนึ่งเดือนหลังจากนี้ไป เธอจะเป็นคนยกเครื่องดื่มเข้าไปเสิร์ฟแทนเพื่อนสาว เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทิ้งให้อีกฝ่ายต้องเผชิญความอึดอัดใจเพียงลำพังมาตั้งสองเดือนกว่าๆ
“อืม” ช่อเอื้อง เดินกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะต่อ พร้อมกับลอบถอนหายใจเบาๆ ช่วงหลังๆ มานี้ นอกจากการชงกาแฟแล้ว เจ้าชายมาดดุก็ไม่ได้แกล้งอย่างอื่นเพิ่ม ทำให้เธอใจชื้นขึ้นมานิดๆ เพราะได้เรียนรู้งานในออฟฟิตอย่างจริงๆจังๆ
ติ๊ดๆ เสียงเรียกเข้าที่มือถือทำให้ช่อเอื้องก้มลงมองที่หน้าจอ พอเห็นชื่อของคนโทร. เข้า เธอก็รีบกดรับอย่างไม่รอช้า
[สวัสดีจ้ะเอื้อง หนูสบายดีไหมลูก]
[สวัสดีค่ะคุณมาลีน เอื้องสบายดีค่ะ แล้วคุณมาลีนล่ะคะ]
[สบายดีจ้ะ ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง ท่านประธานใจร้ายหรือเปล่า?]
[ก็...นิดๆ ค่ะ]
[อะไรกัน นี่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเหรอเอื้อง]
[...]
[ตายๆ ตาทัพนี่น่าตีจริงๆ เลย]
[เอื้องขอบคุณนะคะที่คุณมาลีนอยากให้เอื้องกับพี่ทัพคืนดีกัน แต่เราต่างคนต่างเดินมาไกลแล้วค่ะ]
[เฮ้อ...แม่ขอโทษเอื้องด้วยนะ ที่แนะนำหนูให้ไปฝึกงานกับทัพ คิดว่าบางทีมันอาจจะ...]
[ไม่เป็นไรค่ะคุณมาลีน เอ่อ...เอื้องต้องขอวางสายก่อนนะคะ พอดีมีงานด่วนเข้าค่ะ]
[จ้ะ สู้ๆ นะลูก มีอะไรก็โทรหาแม่ได้ตลอด]
[ค่ะ] ช่อเอื้องกดวางสายพร้อมกับกลืนก้อนแข็งๆ ลงคออย่างยากลำบาก ไม่อยากคุยกับผู้ใหญ่นานกว่านี้ กลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แล้วปล่อยโฮออกมาในที่ทำงาน หลายเดือนที่ท่านหายไป เธอรู้ว่าท่านกำลังเปิดทางให้กลับมาสานความสัมพันธ์กับบุตรชาย ใช่! เธอเองก็แอบหวังให้เป็นเช่นนั้นแต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า...คงไม่มีวันที่จะสมานรอยร้าวนั้นได้อีก
“เอื้อง!” ชบาเอ่ยเรียกเพื่อนสาว หลังเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปราวกับตกอยู่ในภวังค์ของความคิด
“มีอะไรเหรอชบา” ช่อเอื้องหันไปถามยิ้มๆ
“บอสให้จองโต๊ะที่ห้องอาหารของโรงแรมมะลิฉัตรแกรนด์” ชบากลอกตาอย่างเซ็งๆ พร้อมสาบานกับตัวเองว่าต่อไปนี้จะไม่เป็นสายรายงานเรื่องของเพื่อนสาวให้แม่ทัพรับรู้อีกต่อไป
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวเราจองให้ ตอนกี่ทุ่มเอ่ย?”
“นั่นสิ! บอสไม่ได้บอกด้วย”
“งั้นต่อสายเข้าไปถามดูแล้วกัน” ช่อเอื้องบอกพลางยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดต่อสายที่แป้นพิมพ์
[ครับ] ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
[ให้จองโต๊ะตอนกี่โมงคะ] ช่อเอื้องถามเข้าเรื่องสำคัญ กลัวว่าหากจองโต๊ะช้าเกินไปอาจจะพลาด เพราะโรงแรมมะลิฉัตร แกรนด์ ไม่ใช่จะเดินเข้าไปแล้วจะมีโต๊ะว่างสำหรับลูกค้าทุกคน
[สองทุ่มครึ่งครับ]
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)