ช่อเอื้องรู้สึกอยากจะหายไปจากตรงนี้ ตรงที่เงยหน้าขึ้น เธอก็จะเห็นหรือสบตาเข้ากับท่านประธานแบดบอย เพราะอีกฝ่ายนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แต่หากหันไปมองทางขวา เธอก็จะเจอพี่รหัสสุดหล่อส่งยิ้มหวานมาให้ ซึ่งนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
{เพียงแค่คำคำนี้ ยากเย็นเหลือเกินให้เธอได้รู้
เมื่อลองคิดดู ก็อยู่เพียงแค่ใจ
ได้แต่รอแต่รอ แล้วอีกเมื่อไร
โปรดเถิดใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ
“นักร้องเสียงดีไหมคะบอส” แจงถามผู้เป็นนายยิ้มๆ
“ครับ” แม่ทัพพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“เขาร้องเพลงจีบน้องเอื้องค่ะ เห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่เรียนในมหาลัยเดียวกัน” จูนบอกพลางส่งยิ้มแซวเด็กสาวที่นั่งอายหน้าแดงอยู่
“เหรอครับ” คนที่ถูกมารดาโทร. มาต่อว่าและขีดเส้นตายให้คืนดีกับนางฟ้าใจร้ายเมื่อชั่วโมงก่อน ตนก็ตั้งใจว่าจะยอมเปิดใจคุยกันดูสักครั้ง เพราะกลัวว่ามารดาจะพาช่อเอื้องไปฝากเข้าทำงานที่บริษัทของเพื่อน ซึ่งตั้งอยู่ที่ต่างประเทศ แต่สิ่งที่รับรู้ในตอนนี้ทำให้เขาเริ่มจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมานิดๆ
“ใช่ค่ะ แจงยังแอบเขินแทนเลย” ผู้ช่วยเลขาสาว ตอบด้วยสีหน้าซื่อๆ หารู้ไม่ว่า...ตนเองได้โยนเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟแห่งความหึงหวงอย่างไม่รู้ตัว
จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า
อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่
ได้แต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ}
{แสนจะทนทรมาน วอนให้ฝัน
ช่วยบันดาลภายในใจ ให้ตัวฉันมีกำลังจะพูดไป
เอ่ยความนัยจากใจนี้
รักเพียงเธอมายาวนาน พอจะบอกมันสั่นสะท้านทุกที
โอ้คนดี...ใจดวงนี้มีแต่เธอ}
ทันทีที่เพลงจบลง...เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องอาหาร
{ขอบคุณครับ} ภีมรภัทรเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มไปให้น้องรหัสคนสวย
{เพื่อนผมขี้อายครับ แอบชอบ แอบมองมาหลายปี แต่ไม่กล้าจีบ วันนี้ต้องขอบคุณบลูเลเบิ้ลที่ช่วยเติมความกล้าให้} ธันวา มือเบสเอ่ยแซวเพื่อนรัก ที่ปกติจะคีพลุคนิ่งขรึม แต่วันนี้กลับหน้าด้านจีบสาวออกไมค์
{ใช่ครับ ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกๆ ท่านตกใจ ยังไงพวกเราขอพักเบรกสักครู่ ช่วงหน้ามาพบกับเพลงสากล ท่านใดอยากฟังเพลงไหน หรือมอบให้กับใครก็ขอกันเข้ามาได้เลยนะครับ} ดีน มือกีต้าร์บอกจบก็ก้าวลงเวทีไปพร้อมกับสมาชิกในวงที่ยังคงหัวเราะในความหน้าด้านหน้ามึนของภีมรภัทรไม่เลิก
“ว้าย! เขาจะมาหาน้องเอื้องหรือเปล่าคะ” แจงหันไปเอ่ยกับทุกคนด้วย สีหน้าตื่นเต้น
หลินได้ฟังก็แอบกลอกตา พร้อมกับภาวนาขอให้ผู้เป็นนายอย่าลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆ ในร้านอาหารแห่งนี้ ไม่อย่างนั้น...ได้เป็นข่าวกันยกทีมแน่ๆ
“ฉันว่ามานะ อ๊ะ! นั่นไง เดินมานั่นแล้ว” จูนออกความเห็น ก่อนจะร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเห็นนักร้องหนุ่มหล่อเดินตรงมาที่โต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีครับ” ภีมรภัทรยกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาท
“สวัสดีค่ะพี่ภีม สะ...สบายดีไหมคะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้พี่รหัสอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้ามาหาเธอที่โต๊ะ
“พี่สบายดีครับ” ภีมรภัทรฉีกยิ้มพร้อมกับจ้องมองน้องรหัสคนสวยที่ไม่ได้เห็นหน้ามานานนับปี
“เรียนมหาลัยเดียวกับน้องเอื้องเหรอคะ” จูนถามยิ้มๆ
“ใช่ครับ ผมเป็นพี่รหัสของน้องเอื้องครับ” ภีมรภัทรตอบตามตรง
“แหม...พี่รหัสหล่อนะคะน้องเอื้อง” แจงหันไปแซวทันใด
“พี่ภีมเขาเป็นเดือนของมหาลัยน่ะค่ะ” ชบาตอบแทนเพื่อนสาว ขณะเดียวกันก็แอบสะใจนิดๆ ที่เห็นแม่ทัพนิ่งขรึมไป
สิบนาทีต่อมา...หลังจากที่ช่อเอื้องกับชบากลับมานั่งร่วมโต๊ะกับทุกคนต่อ แม่ทัพเองก็พยายามปรับสีหน้า เพราะไม่อยากทำให้บรรยากาศตึงเครียด ขณะเดียวกันก็สั่งให้โดมตามสืบเรื่องของผู้ชายที่ชื่อภีม พร้อมกับวางแผนเอาคืนช่อเอื้อง ซึ่งรับปากว่าพรุ่งนี้จะไปหาตนที่เพนต์เฮาส์
ด้านช่อเอื้องที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะขอตัวกลับก่อน แต่พอเห็นรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่บนใบหน้าของเจ้าชายมาดดุ ก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้นมานิดๆ เลยนั่งสังสรรค์กับทุกคนต่อจนกระทั่ง...ถึงเวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน เธอก็นั่งแท๊กซี่มาพร้อมกับชบา ซึ่งพรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางกลับเชียงรายแล้ว
วันต่อมา...ชั้นบนสุดของเพนต์เฮาส์
หลังจากที่ช่อเอื้องไปส่งเพื่อนสาวที่สนามบินเสร็จ เธอก็เดินทางมาหาเจ้าชายมาดดุที่เพนต์เฮาส์ของอีกฝ่าย และยืนทำใจอยู่หน้าประตูบานใหญ่เกือบ ห้านาที ก่อนจะเอื้อมมือไปกดกริ่งที่อยู่ด้านหน้า แต่ประตูกลับถูกเปิดออกมาซะก่อน
คลิก!
“เชิญครับคุณเอื้อง บอสรออยู่ข้างใน” โดมส่งยิ้มไปให้ หลังมองจากในจอมอนิเตอร์ด้านในอยู่นาน สาวเจ้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะกดกริ่งเรียกง่ายๆ ตนที่ต้องรีบไปหาชบา เลยเปิดประตูออกไปทักทายก่อนแทน
“เอ่อ...แล้วคุณโดมจะไปไหนเหรอคะ” ช่อเอื้องเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เมื่อบุคคลที่สามกำลังจะจากไป และทิ้งให้เธอต้องเผชิญชะตากรรมกับเจ้าชายมาดดุเพียงลำพัง
“ผมจะกลับแล้วครับ พรุ่งนี้ต้องบินไปเชียงใหม่แต่เช้า” โดมลอบถอนหายใจเบาๆ รู้ดีว่าผู้เป็นนายนั้นเตรียมคำพูดที่เจ็บแสบเอาไว้รอสาวตรงหน้ามากมายขนาดไหน และตนก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ นอกเสียจากภาวนาให้ผู้เป็นนายหายโกรธเร็วๆ
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับก่อนจะกลั้นใจเดินเข้าไปในห้องพักขนาดใหญ่ ขณะที่ภาพของตัวเองในวันวานก็ย้อนกลับมาฉายซ้ำในม่านตา ราวกับว่า...กลัวเธอจะหลงลืมวันแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบที่นี่
“มาแล้วเหรอ ฉันนึกว่าหลงทางซะอีก” คนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเอ่ยพลางยิ้มเยาะคนมาช้าไปสิบนาที
“สวัสดีค่ะ” ช่อเอื้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วยกมือไหว้คนที่เมาแต่หัววัน ไม่สิ! เขายังใส่ชุดเดิมอยู่เลย
“นั่งลงก่อนสิ” แม่ทัพผายมือเชิญราวกับว่ามีมารยาทนักหนา
“เอ่อ...เอื้องมาเอาโกศของคุณพ่อแล้วก็จะไปค่ะ” ช่อเอื้องบอกจุดประสงค์ ‘เฮ้อ...พี่ทัพเมาเละแบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย?’
“จะรีบไปไหน อยู่ทานข้าวกับผัวเก่าสักมื้อมันจะตายหรือไง” คนที่เมากรึ่มๆ ถามกลับด้วยสีหน้ากวนๆ
“เอื้องนัดกับป้านิลเอาไว้ค่ะว่าจะกลับไปกินข้าวด้วย” ช่อเอื้องหาข้ออ้าง เพราะไม่อยากอยู่สองต่อสองกับอีกฝ่ายนานกว่านี้
“หึ! ทุกคนสำคัญกับเธอหมดเลยสินะ ยกเว้นฉัน” แม่ทัพบอกพลางหัวเราะเบาๆ อย่างรู้สึกสมเพชตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)