“รู้อะไรไหม การที่เราเป็นฝาแฝดกันไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเห็นด้วยกับทุกๆ การตัดสินใจของแกโอเค้?”
“โอเค! แต่นี่มันของงานหมู่บ้านนะ จะให้ปฏิเสธหญิงวัยห้าสิบกว่าที่อุตส่าห์ปั่นจักรยานมาขอ ก็ยังไงๆ อยู่ปะ?”
“ครั้งหน้าเธอต้องปรึกษาฉัน”
“อืม! ไปกินก๋วยเตี๋ยวกันเถอะ” แฮปปี้ยิ้มแล้วเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงสดใส
ช่อเอื้องกับเอ็นจอยกลอกตา ก่อนจะพากันไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเด็ดของหมู่บ้าน ที่เปิดขายตั้งแต่เช้า
ช่วงค่ำ...หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ สามสาวก็พากันไปที่ศาลาหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้งวัยรุ่นวัยกลางคนและผู้อาวุโสในหมู่บ้าน มารวมตัวกันตั้งขบวนแถวรออยู่ก่อนแล้ว
“ป้ายเจ้าคุณเอื้อง” คำหล้ารีบส่งป้ายหมู่บ้านไปให้สาวสวย จากนั้นก็หันไปหยิบไม้คทาส่งให้กับสองสาวฝาแฝดด้วยสีหน้ายิ้มๆ “นี่เจ้าคุณแฮปปี้ คุณเอ็นจอย”
“ค่ะ/ค่ะ” สองสาวขานรับ แล้วเริ่มฝึกท่วงท่าต่างๆ ตามที่สาวประเภทสองกำกับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพากันเดินไปที่หัวขบวน เพื่อตั้งแถว
ช่อเอื้องจับป้ายตามที่ภรรยาผู้ใหญ่บ้านสอน จากนั้น...ขบวนแห่ของหมู่บ้านก็เริ่มบรรเลงเครื่องดนตรีขึ้นกันอย่างคึกคัก
สามชั่วโมงต่อมา...สามสาวกลับมาถึงบ้านพัก แล้วนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนานถึงเรื่องเปิ่นๆ ฮาๆ ในการฝึกซ้อมเดินขบวนที่กว่าจะลงตัวและพร้อมเพรียงก็ปาเข้าไปเกือบจะสี่ทุ่ม
“แยกย้ายไปเข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปลองชุดที่ในเมืองกันแต่เช้า” เอ็นจอยบอกอย่างรู้สึกง่วงและเหนื่อย
“เอื้องโอเคไหม ทำไมหน้าซีดจัง” แฮปปี้ถามอย่างเป็นห่วง หลังเห็นเพื่อนลุกขึ้นแล้วเซนิดๆ
“เราเวียนหัวนิดหน่อยน่ะ” ช่อเอื้องบอกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“พักผ่อนเยอะๆ นะรู้ไหม เรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้เอื้องต้องหลบมาอยู่ที่นี่ ก็ทิ้งมันไว้ตรงนั้น อย่าเอาความทุกข์ที่เกิดจากใครก็ตามมาเป็นกังวลอีกเลย” เอ็นจอยเอ่ยปลอบ แม้ว่าเพื่อนสาวจะไม่เคยพูดถึงเรื่องของแม่ทัพ อินธิรากรณ์ให้ฟังเลย แต่เธอก็รู้ว่าทั้งสองคบหากันมานานแล้ว
“ใช่! เธออยู่ที่นี่ได้เท่าที่ต้องการ หรือหากเบื่อที่นี่ก็ไปอยู่กรุงเทพกับพวกเราได้นะ” แฮปปี้รีบเอ่ยเสริม
“ขอบอกว่าคอนโดใหม่ของเรา ยิ่งใหญ่มาก” เอ็นจอยถือโอกาสคุยโวให้เพื่อนสาวฟัง เพราะหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่ซื้อคอนโดทั้งชั้นเสร็จ ก็พากันออกแบบและตกแต่ง จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยไป85% จึงพากันเดินทางมาที่เชียงราย
“พวกเราซื้อทั้งชั้นไว้วิ่งเล่นล่ะ” แฮปปี้บอกยิ้มๆ หลังฝึกงานเสร็จมารดาก็แบ่งเงินให้มาใช้ก้อนหนึ่ง พวกเธอก็เลยเอาไปซื้อคอนโดหรูไว้อยู่ด้วยกันสองคน ตั้งใจว่าจะใช้เป็นที่พักและออฟฟิตในวันข้างหน้า หากทำธุรกิจของตัวเอง
“แม่เจ้า!” ช่อเอื้องอุทานอย่างดีใจกับเพื่อนสาว ซึ่งหากรวมคะแนนของแต่ละเทอมเสร็จแล้ว ก็ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ทั้งเธอ แฮปปี้ เอ็นจอย รวมไปถึง...ชบาอีกคน
“สี่ปีในรั้วมหาลัย ความรู้สึกของฉันกับเอ็นจอยที่มีต่อเอื้อง มันเกินคำว่าเพื่อนรักไปไกลแล้ว เธอคือครอบครัวของเรานะ” แฮปปี้บอกน้ำตาคลอส่วนหนึ่งที่มารดายอมแบ่งเงินก้อนใหญ่ให้นำมาใช้ ก็เป็นเพราะเพื่อนสาวตรงหน้า ที่คอยดึงและประคับประคองเธอกับเอ็นจอยให้ลุกขึ้นมาขยันตามจนกลายเป็นเด็กเรียนเก่งคะแนนดีไปอย่างมึนๆ
ทั้งที่จริงแล้วเธอกับฝาแฝดแทบจะไม่อยากดิ้นรนอะไร เพราะยังไงฐานะทางก็บ้านร่ำรวยแบบมีกินมีใช้ไปตลอดชาติ แต่พอได้รู้จักกับช่อเอื้อง ความคิดต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่ต้องคิดและวางแผนเตรียมพร้อมเกี่ยวกับอนาคตเอาไว้อย่างมากมาย
“ใช่! หากไม่อยากเจอหน้าใครก็ไปอยู่กับพวกเรา” เอ็นจอยบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮึก...ขอบคุณพวกเธอมากๆ นะ ขอบคุณจริงๆ” ช่อเอื้องร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ยัยบ้า! ร้องไห้เป็นเด็กไปได้” แฮปปี้บอกทั้งๆ ที่ตัวเองก็น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางเช่นกัน
“แกก็ร้องนะแฮปปี้” เอ็นจอยเอ่ยแซวคู่แฝดอย่างขำๆ
“ชิ! แกก็เหมือนกัน” แฮปปี้มองค้อน ก่อนจะเอ่ยกับเพื่อนสาวที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด “รู้อะไรไหม พวกเราไม่อยากกลับกรุงเทพแล้วทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว”
“ใช่! หากเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นกับเธอ พวกคงจะเกลียดตัวเองไปจนตาย” เอ็นจอยบอกพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อทิ้ง
“จบงานกีฬาสีของหมู่บ้านแล้ว กลับกรุงเทพด้วยกันนะ” แฮปปี้กล่อมเพื่อนสาวต่อ
“ฮึก...คุณเหนื่อยไหม ที่ต้องคอยดูแลฉัน” ดาหลันถามทั้งน้ำตา ไม่เข้าใจว่า...เหตุใดผู้ชายตรงหน้าถึงต้องมาทนดูแลเธอ ทั้งๆ ที่มีผู้หญิงหลายคนเดินเข้ามาเป็นตัวเลือกในชีวิตอยู่หลายครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังก้มหน้าก้มตาดูแลผู้หญิงที่ป่วยออดๆ แอดๆ อย่างเธอ
“โธ่! ถามอะไรแบบนั้นฮะ” ภลัมเข้าไปกอดปลอบ
“ฉันเป็นภาระของคุณหรือเปล่า?” ดาหลันเอ่ยถามทั้งน้ำตาอย่างรู้สึกสมเพชตัวเอง
“คุณเป็นภรรยาของผม และเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต” ภลัมเอ่ยยืนยันพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกให้อย่างเบามือ ดาหลันร้องไห้ได้เพียงครู่ก็ผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
ภลัมพาภรรยาเข้านอนเสร็จ ก็เดินลงไปที่ชั้นล่างอย่างรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เรื่องทั้งหมดมันเริ่มต้นจากที่ภีมรภัทรได้ส่งรูปของหญิงสาวคนหนึ่งมาให้ดู แล้วบอกว่าเธอมีใบหน้าเหมือนกับดาหลัน วินาทีแรกที่เขาเห็นรูปใบนั้น ก็ถึงกับตกใจ เพราะเด็กสาวคนดังกล่าวดูคล้ายกับภรรยาของตนตอนที่ยังเป็นสาวมากๆ จึงพากันเดินทางกลับมาที่ไทยเพื่อจะพบเจอกับอีกฝ่าย
แต่ทว่า...สวรรค์ดูจะไม่เป็นใจ เพราะอยู่ๆ เด็กสาวคนดังกล่าวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งนั่นทำให้อาการป่วยที่ทรงๆ ของดาหลัน เริ่มดิ่งลงไปอีกครั้ง
สองวันต่อมา...งานกีฬาสีของสี่หมู่บ้าน
ผู้คนจำนวนมากยืนเบียดเสียดกันหนาแน่นไปตลอดเส้นทาง เพื่อแย่งกันชมขบวนแห่ของหมู่บ้านดอกจิก ที่ไม่เคยมีสาวงามมาร่วมขบวนเป็นตัวหลักมาก่อน แต่ปีนี้จัดเต็ม ทั้งคนถือป้าย ทั้งดรัมเมเยอร์ สวยโดดเด่นกว่าทุกๆ หมู่บ้าน
นั่นใครน่ะ สวยจัง? / คนถือป้ายใช่ไหม?
ใช่ๆ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย
ดรัมเมเยอร์ก็ไม่ธรรมดา ทั้งสวยและเท่เชียว
คนถือป้ายสวยมากๆ เลย / คนถือป้ายสวยเว่อร์
ช่อเอื้องแทบอยากจะวิ่งหนีกลับบ้าน ไม่ใช่เพราะถ้อยคำของผู้คนที่ได้ยินมาเข้าหู แต่เป็นเพราะทุกคนกำลังชูมือถือของตัวเองขึ้นเพื่อบันทึกภาพ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องโพสต์ลงในเฟซบุ๊กหรือไม่ก็ไอจี และนั่นคงทำให้เธออยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ต่อไปไม่ได้อีก เพราะหากแม่ทัพรู้เข้า เขาจะต้องมาตามหาเธอแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)