อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก) นิยาย บท 72

สองชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่ทั้งห้าหมู่บ้านเดินขบวนเสร็จ พิธีกรก็ประกาศผลรางวัลประจำปีของ ดรัมเมเยอร์และคนถือป้าย ซึ่งผลการตัดสินก็เป็นไปตามที่ใครหลายๆ คนคาดการณ์เอาไว้ ทั้งช่อเอื้อง และสองฝาแฝด ต่างคว้ารางวัลที่หนึ่งไปได้ด้วยคะแนนเสียงมากอย่างเป็นเอกฉันท์

รีสอร์ตอินธิรากรณ์...โดมที่เลื่อนผ่านเฟซบุ๊กไปเจอ คนงานเก่าคนหนึ่งที่ลาออกไปนานแล้ว แต่ก็สนิทกับตนเป็นอย่างมาก แชร์คลิปขบวนแห่ ที่มีแต่คนบอกว่า ปีนี้หมู่บ้านดอกจิกได้ที่หนึ่งชัวร์ พอตนกดเข้าไปดูคลิป ก็ถึงกับตกใจที่เห็นว่าคนถือป้ายของหมู่บ้านคือช่อเอื้อง จึงรีบวิ่งเอามือถือไปให้ผู้เป็นนายดู

“บอสครับ! บอสดูนี่สิครับ”

“อะไร?” คนที่นั่งเหม่อลอยหันไปถามอย่างรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เพราะวันนี้คือวันที่ 5 ตามกำหนดที่เจ้าพ่อเขียดคาบอกเอาไว้ แต่จนแล้วจนรอด....ทุกอย่างก็ยังคงเงียบ เขาจึงตั้งใจว่า...หากวันนี้ไม่มีข่าวของช่อเอื้องให้เห็น ก็จะขับรถกลับไปเผาตำหนักของเจ้าพ่อจอมหลอกลวงนั่นทิ้งซะ เพราะทำให้เขาจมอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ มาได้ตั้ง 5 วัน

“คุณเอื้องครับ” โดมบอกพร้อมกับยื่นมือถือของตัวเองไปให้ผู้เป็นนายดู

แม่ทัพจ้องมองหญิงสาวที่สวมชุดไทย ซึ่งดูสวยและงดงามราวกับนางในวรรณคดี “เอื้อง! เอื้องจริงๆ ด้วย”

“ใช่ครับ คุณเอื้องอยู่ห่างจากเราไปสองอำเภอเองครับ”

“ไปบอกคนขับรถให้เตรียมตัวเร็ว” แม่ทัพฉีกยิ้มอย่างดีใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกหึงหวงที่เห็นสาวเจ้าโปรยยิ้มหวาน เดินตามสองสาวฝาแฝดที่ล่าสุดไปเช็คอินที่หัวหิน แต่กลับมาโผล่ที่เชียงราย

“ครับ” โดมวิ่งหน้าตั้งไปบอกลูกน้อง พลางคิดไปถึงสิ่งที่เจ้าพ่อเขียดคาบอกกับตน ‘ให้ตายสิ! งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ชบากำลังตั้งท้องอยู่แน่ๆ’

พอรับรางวัลและถ่ายรูปเสร็จ สามสาวก็มอบรางวัลให้กับผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็พากันเดินทางกลับบ้านพัก เพราะแฮปปี้กับเอ็นจอยต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ. ในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า

“เอ่อ...เราว่า...เราจะไปกรุงเทพกับพวกเธอด้วย” ช่อเอื้องบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“เยส!” แฮปปี้บอกอย่างดีใจ

“พูดจริงนะเอื้อง” เอ็นจอยถามย้ำพร้อมกับล้วงมือถือออกมา

“จริงสิ” ช่อเอื้องยืนยันก่อนจะรีบลงมือเก็บเสื้อผ้าใส่ลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

“งั้นฉันจองตั๋วเครื่องบินให้เลย” เอ็นจอยบอกก่อนจะกดเข้าไปจองตั๋วเครื่องบินให้เพื่อนสาว พลางคิดว่า...หากไม่ได้บินไฟลต์เดียวกันก็จะเปลี่ยนวิธีการเดินทางเป็นขับรถกลับเข้ากรุงเทพฯ. แทน

“ขอบคุณนะ” ช่อเอื้องหันไปตอบยิ้มๆ

“ขอบคุณอะไรเล่า พวกเราน่ะดีใจจะตาย” แฮปปี้บอกพร้อมกับช่วยเพื่อนสาวเก็บเสื้อผ้าใส่ลงในกระเป๋า

“ได้ตั๋วแล้วเอื้อง โชคดีที่พวกเราได้บินไฟลต์เดียวกัน” เอ็นจอยรีบกดจองตั๋วเครื่องบินอย่างไม่รอช้า

“เยี่ยม งั้นแกก็รีบยกกระเป๋าไปใส่รถรอเลย เพราะขับรถจากนี่ไปสนามบินน่ะใช้เวลาพอสมควรเลยนะ” แฮปปี้บอกพลางหิ้วกระเป๋าบางส่วนขึ้นมาแล้วเดินลงไปที่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

“รับทราบจ้า” เอ็นจอยเข้าไปยกกระเป๋าเดินตามฝาแฝดไปติดๆ

ช่อเอื้องมองเพื่อนสาวทั้งสองอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะลงมือเก็บเสื้อผ้าและของใช้ต่ออย่างอารมณ์ดี พลางคิดไปว่า...ถ้าถึงกรุงเทพฯ. เมื่อไหร่ เธอจะโทร. นัดป้านิลกับลุงศักดิ์ให้ออกมาทานข้าวด้วยกันที่ข้างนอก

ชั่วโมงต่อมา...ทันทีที่คนขับรถจอดรถที่หน้างานกีฬาสี แม่ทัพก็รีบเปิดประตูลงจากรถ แล้ววิ่งเข้าไปในงานกีฬาซึ่งกำลังมีการแข่งขันชักเย่อกันอยู่

“บอสรอด้วยครับ” โดมที่วิ่งตามตะโกนบอกอย่างเป็นห่วง เพราะช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผู้เป็นนายแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย จึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะวูบแล้วเป็นลมหมดสติไปซะก่อนที่จะได้พบกับช่อเอื้อง

“ขอโทษนะครับ ป้าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม? คนที่เดินถือป้ายของหมู่บ้านดอกจิกน่ะครับ” แม่ทัพเอ่ยถามผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังถือถ้วยรางวัลถ่ายรูปอยู่ใกล้ๆ

“คุณเอื้อง” คำหล้าอุทานอย่างตกใจถึงสองชั้น ชั้นแรกคือได้เจอเจ้าของ ค่ายมวยดังตัวเป็นๆ ชั้นที่สอง...อีกฝ่ายมาตามหาเด็กสาวที่ชื่อช่อเอื้อง

“ใช่ครับ” แม่ทัพพยักหน้ารับอย่างดีใจ

“เอ่อ...คุณเป็นอะไรกับคุณเอื้องคะ” คำหล้าที่หายตกใจแล้ว ถามกลับ อย่างสงสัย

“ผมเป็นคนรักของเอื้องครับ” แม่ทัพรีบตอบทันใด

“...” คำหล้าขมวดคิ้วมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจ เพราะจำได้ว่า อีกฝ่ายกำลังคบหากับนางแบบดังอยู่

“ขอร้องล่ะครับ ผมอยากจะรู้ว่าน้องเอื้องอยู่ที่ไหน” แม่ทัพถามอย่างร้อนใจ

“กลับบ้านไปแล้วค่ะ” คำหล้าตอบไม่เต็มเสียง

“บ้านที่ไหนครับ?”

“ก็บ้านของคุณแฮปปี้กับคุณเอ็นจอยไงคะ”

“ป้าคำหล้า ลุงผู้ใหญ่เรียกหาครับ” สน เด็กหนุ่มวัย 19 ปี เดินเข้ามาด้วย สีหน้ายิ้มๆ หลังผู้ใหญ่บ้านวานให้มาตามภรรยาไปหา เพราะตั้งใจเลี้ยงเครื่องดื่มลูกบ้านที่ช่วยกันแข่งขันชักเย่อจนชนะ

“แฮ่ๆ ร้านนี้อยู่ไม่ไกลครับ เดินแป๊บๆ ก็ถึงแล้ว” สนตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ หลังเห็นสองหนุ่มเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมานิดๆ

“รีบนำไปเลย” แม่ทัพบอกพร้อมกับกลอกตาอย่างรู้สึกเซ็งๆ

“ได้เลยครับ” สนออกเดินนำสองหนุ่มไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสเด็ดของหมู่บ้านต่ออย่างอารมณ์ดี

สิบนาทีต่อมา...(ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าสี)

สนที่เดินมาถึงร้านก่อนรีบตะโกนบอกสองหนุ่มที่เดินมาตามด้วยสีหน้าตึง “ร้านปิดครับ สงสัยป้าสีจะไปที่งานแข่งกีฬา”

“ให้ตายสิ” แม่ทัพที่เดินจนปวดน่องสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“ใจเย็นครับบอส” โดมเข้าไปปลอบผู้เป็นนายอย่างเข้าใจความรู้สึก

“โทรเรียกคนขับรถมารับที่นี่” แม่ทัพบอกพร้อมกับนั่งลงบนตอไม้เก่าๆ อย่างหมดแรง

“ได้ครับ” โดมพยักหน้ารับพลางลอบถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์เป็นชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เจอกับช่อเอื้องสักที

“สน! มึงพาใครมาเที่ยววะ?” ตาษา พ่อของสีดาแม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยว ตะโกนถาม และจ้องมองสองหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างสงสัย

“เปล่าพาเที่ยวครับ! พอดีพี่สุดหล่อคนนี้เขามาตามพี่สาวคนสวยที่ถือป้ายให้หมู่บ้านเราน่ะครับ” สนตะโกนตอบ

“เพื่อนของคุณแฮปปี้กับคุณเอ็นจอยเหรอ?”

“ใช่! ครับ” แม่ทัพรีบลุกขึ้นตะโกนตอบทันใด

“พวกเขาพากันไปขึ้นเครื่องที่สนามบินนู่น”

“หมายความว่ายังไงครับ” แม่ทัพขมวดคิ้วถามอย่างมึนงง

“คุณแฮปปี้กับคุณเอ็นจอยไม่ได้เป็นคนที่หมู่บ้านนี้ครับ แต่ซื้อบ้านเอาไว้ นานๆ ถึงจะมาเที่ยวพักผ่อนที”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)