ฉันพยายามไม่ใส่ใจคำพูดดูถูกของพี่เลย์ ก้มหน้าเก็บเสื้อผ้าที่หลุดมือขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกระเป๋าสะพายของตัวเอง
เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ้านหน้าพี่เลย์ ส่วนพี่เลย์ก็เอาแต่มองฉันเขาไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากกลับเข้ามาในห้องฉันก็ต้องปล่อยโฮออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ อธิบายไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง รู้แค่ว่าอยากจะร้องไห้
ฉันร้องไห้สะอื้นอยู่นานจึงคิดได้ว่าต้องรีบไปจากที่นี่จึงลุกขึ้นแต่งตัวโดยไม่อาบน้ำให้เสียเวลา เมื่อแต่งตัวเสร็จฉันก็หยิบกระเป๋าสะพายมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กดู ปรากฏว่าโทรศัพท์ของฉันแบตหมด
แย่แล้ว!!! แบบนี้จะทำยังไง เฮียต้องบ่นฉันแน่ๆ
ฉันรีบตรวจเช็กความเรียบร้อยของตัวเองจากนั้นก็เปิดประตูห้องออกไปเผชิญหน้ากับพี่เลย์อีกครั้ง
“ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ เดี๋ยวไอริสจะเรียกแท็กซี่กลับเอง”
พี่เลย์หันมามองหน้าฉัน แน่นอนว่าสายตาของเขามันเย็นชาเอามากๆ “เชิญ”
เป็นเพียงคำตอบสั้นๆ ที่พี่เลย์พูดออกมาก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนี เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็รีบเดินตรงไปเปิดประตูห้อง พอออกมาจากห้องได้ก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมายังชั้นล่างของคอนโด
ในตอนนี้ไม่มีเวลาที่ฉันต้องมาคิดฟุ้งซ่านอะไรมาก พอเรียกแท็กซี่แล้วก็บอกที่หมายปลายทาง ซึ่งฉันไม่ได้จะกลับไปที่บ้านเลย เพราะจะไปหาเมลที่หอพักก่อน ขืนกลับบ้านตอนนี้มีหวังเฮียต้องเค้นถามแน่ๆ ว่าไปนอนที่ไหนมา แน่นอนว่าคนที่โกหกไม่เนียนอย่างฉันอาจจะถูกจับได้
#หอพักเมล
ฉันรีบไปเคาะห้องเมลด้วยความรีบร้อน วันนี้เป็นวันหยุด สภาพของเมลที่มาเปิดประตูให้เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“อะไรของแกเนี่ยไอริส มาหาฉันแต่เช้าเลย” เมลถามพร้อมกับหาวนอนไปด้วย
“ขอฉันเข้าไปในห้องก่อน” พูดจบฉันก็แทรกตัวเข้าไปในห้อง “ยืมสายชาร์จโทรศัพท์หน่อยสิ”
“อื้อ วางอยู่ตรงนั้น” เมลชี้ตรงโต๊ะที่วางหนังสือ ฉันรีบไปหยิบสายชาร์จมาเสียบโทรศัพท์ชาร์จทันที
“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ แล้วนี่ทำไมโทรศัพท์แบตหมด ?” เมลขมวดคิ้วถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินมาใกล้ๆ แล้วทำท่าดมๆ ที่ตัวฉัน “เดี๋ยวนะ!! นี่แกดื่มเหรอเมื่อคืน ?”
“อะ อื้อ”
“ไม่ได้กลับบ้าน ?” คำถามของเมลทำให้ฉันเงียบพร้อมกับเม้มปากแน่น “ตายแล้วไอริส!!! แล้วแกไปนอนที่ไหนเมื่อคืน”
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ กำมือแน่นจนมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วตอบไปตามตรง “นะ นอนห้องพี่เลย์”
เมลถอนหายใจออกมาเบาๆ “อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนแกเสร็จพี่เลย์แล้ว”
“ไม่คุยเรื่องนี้แล้วได้ไหม ฉันไม่อยากพูดถึงจริงๆ” ถึงฉันจะไม่ได้ตอบไปตรงๆ แต่คำตอบแค่นี้ก็พอจะทำให้เมลรับรู้ได้แล้วแหละว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
“ฉันขออาบน้ำที่ห้องแกหน่อยนะ”
“อื้อตามสบายเลย”
ฉันเดินก้มหน้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วฉันก็รีบแต่งตัวด้วยชุดเดิม จากนั้นก็เปิดเครื่องโทรศัพท์ แล้วก็ต้องช็อกเมื่อเห็นว่ามีข้อความแจ้งเตือนสายโทรเข้าของเฮียนับยี่สิบครั้ง
ตายแน่ๆ ไอริส!!
ฉันนั่งเหงื่อตก บอกตามตรงว่าคุณพ่อฉันยังไม่กลัวเท่ากับเฮียเลย เวลาเฮียดุมันน่ากลัวเป็นพันเท่า
กริ๊ง~ ฉันสะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ในมือสั่นเพราะมีสายเข้า พอเห็นว่าเฮียคานส์โทรมาก็กลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ก่อนจะใช้นิ้วที่สั่นเทากดรับสาย
( ฮะ ฮัลโหลเฮีย )
( อยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน รู้ไหมว่าเฮียเป็นห่วง ถ้าขอไปดื่มแล้วทำตัวแบบนี้อย่าหวังว่าเฮียจะอนุญาตให้เธอไปไหนอีก )
เฮียพูดผ่านปลายสายด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ทำเอาฉันแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
( หนูอยู่ห้องเมล….)
( เดี๋ยวจะส่งคนไปรับ )
พูดจบเฮียก็วางสายไปเลย ฉันรู้ว่าตอนนี้เฮียกำลังโกรธฉันอยู่มากๆ
“เจอดุแน่เลยใช่ไหม” เมลถามเพราะเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีของฉัน
“อื้อ”
ฉันนั่งเหงื่อแตกรอไม่นานก็มีสายของพี่โจ้โทรเข้ามาว่าตอนนี้จอดรถอยู่ที่หน้าหอพักของเมล ฉันจึงรีบลงขึ้นรถ
#คฤหาสน์หลังใหญ่
ฉันก้าวขาที่สั่นเทาเดินเข้าไปในตัวบ้าน เดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นว่าตรงหน้าคือเฮียที่กำลังรออยู่
“มีอะไรจะพูดกับเฮียไหม ?” เฮียยืนกอดอกถามเสียงเย็น
ฉันที่ได้ยินก็ยืนตัวสั่นปากสั่นไปหมด “มะ เมื่อคืนหนูเมา เลยไปนอนที่ห้องกับเมลค่ะ”
“ดื่ม ?” เฮียพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “ชักจะเกเรขึ้นทุกวัน!!”
“นะ หนูขอโทษ….”
“ทำไมพ่อจะไม่คิดถึง แต่ลูกก็รู้ว่างานพ่อยุ่งขนาดไหน”
“ถ้าคิดถึงก็ควรจะมาคนเดียวนะครับ ไม่เห็นต้องหอบคนอื่นมาด้วย” เฮียพูด อย่างที่รู้กันว่าเฮียกับคุณพ่อไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่
“จอแดนคือหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทเรา แกควรให้เกียรติเขามากกว่านี้นะตาคานส์”
“ไม่เป็นไรครับอาคมสัน ผมไม่ถือสา” เขาพูดกับคุณพ่อแล้วหันมามองฉัน “น้องไอริสตัวจริงดูสวยกว่าในรูปเยอะเลยนะครับ ^_^”
ผู้ชายที่ชื่อจอแดนพูดเสียงหวาน เขาพูดไทยได้ชัดมาก ทว่าหน้าตากลับออกไปทางชาวยุโรป
“….ขอบคุณค่ะ ^_^”
“เสียดายจริงๆ เลยนะครับที่เราไม่ได้หมั้นกัน” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาทำให้เฮียที่นั่งอยู่ข้างๆ กับฉันกำหมัดแน่น
“หัวงูชะมัด!!” เฮียพ่นคำนี้ออกมาชัดเจน ทำให้คุณพ่อถึงกับต้องถลึงตาใส่แล้วต่อว่าเฮีย “ถ้าพูดแล้วมันมีแต่หมาในปากแกก็หุบปากซะ”
“ไอริสพ่อฝากให้พาพี่เดินดูที่บริษัทเราหน่อยแล้วกันนะ….” พ่อยังพูดไม่ทันจบเฮียก็พูดสวนขึ้นมาทันควัน “พนักงานมีเยอะแยะให้คนพวกนั้นพาดูก็ได้ครับ น้องจะไปรู้อะไร”
คุณพ่อทำหน้าไม่พอใจเมื่อถูกเฮียขัดขึ้นมากลางคัน “แล้วนี่ไอ้เลย์คู่หมั้นของลูกไปไหนแล้วล่ะ ตามมันมาทีสิ”
เมื่อพ่อพูดถึงพี่เลย์ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่พี่เลย์เดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี
“สวัสดีครับคุณอา” พี่เลย์พูดก่อนจะยกมือขึ้นไหว้พ่อ “ไม่สิ ผมต้องเรียกว่าคุณพ่อถึงจะถูก”
“จะเรียกอะไรก็เชิญตามสบาย” พ่อตอบด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ผมขอเรียกว่าคุณพ่อเลยแล้วกันนะครับ”
พอพี่เลย์พูดกับพ่อเสร็จก็หันมามองฉัน ทำให้ฉันต้องรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาทันที
พี่เลย์เดินมานั่งข้างๆ กับฉันบนโซฟา ทำให้ฉันแทบกลั้นหายใจเมื่อต้องมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้
“ได้ข่าวมาว่าเจ้าชู้ไม่เบา ไม่คิดว่าลูกสาวฉันจะสยบเสือแบบแกได้” พ่อพูดกับพี่เลย์ ทำให้พี่เลย์เงียบไปเลย
“แล้วนี่จะหมั้นเมื่อไหร่ ?” พอเห็นว่าพี่เลย์ไม่ตอบพ่อก็ถามต่ออีก “หวังว่าฉันจะถูกเชิญมางานหมั้นของลูกสาวตัวเองนะ”
“แน่นอนครับ” เฮียตอบ
พ่อมองฉันกับพี่เลย์ด้วยสายตาที่กำลังจ้องจับผิด “ท่าทางของลูกกับตาเลย์ไม่ค่อยเหมือนคู่รักกันสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นคนอื่นพ่อคงคิดว่าถูกบังคับให้หมั้น”
เฮือก!!! คำพูดที่เหมือนจะรู้ทันของคุณพ่อทำให้ฉันถึงกับลืมใจหายไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าคุณพ่อรู้หรอกนะว่าทุกอย่างมันเป็นแค่แผน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ว่าที่ 'เมีย' | Hate love Nc20+