“ที่มาเพื่อจะมาจับผิดแบบนั้นใช่ไหมครับ ?” เฮียถามพ่อ
“เปล่า ฉันก็แค่คิดว่าคนคบกันควรจะไปรับไปส่งที่มหาวิทยาลัย” คุณพ่อมองฉันกับพี่เลย์สลับกัน
“ช่วงนี้งานที่บริษัทยุ่งๆ น่ะครับ” พี่เลย์ตอบ
“อ่า! ถ้าอย่างนั้นฉันก็พอเข้าใจได้”
ฉันลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพ่อไม่ได้ซักถามอะไรไปมากกว่านี้
“งั้นเดี๋ยวยังไงผมขอตัวกลับไปที่โรงแรมเลยแล้วกันนะครับ” ผู้ชายที่ชื่อจอแดนบอกกับคุณพ่อ
“จะรีบกลับไปไหน อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนจะดีกว่า”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”
ผู้ชายที่ชื่อจอแดนเขาพยักหน้าตอบพ่อ จากนั้นก็หันมายิ้มหวานให้ฉัน โดยไม่สนใจเลยว่าพี่เลย์กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ฉันในตอนนี้
ฉันค่อยๆ หันมองพี่เลย์เขาก็ดูท่าทางไม่ไม่ใจอะไรสักเท่าไหร่
นั่นสิ!! ทำไมเขาต้องมาใส่ใจในเมื่อฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน
“จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเลยไหมตาเลย์” คุณพ่อถามพี่เลย์
“แน่นอนครับว่าผมต้องอยู่”
“อ่า! งั้นแกสั่งให้แม่บ้านทำอาหารไว้เลยแล้วกัน” คุณพ่อบอกเฮียก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไอริส พ่ออยากจะให้พาคุณจอแดนเขาเดินชมบ้านเราหน่อย”
“พ่อก็เห็นว่าไอ้เลยนั่งอยู่ คิดว่าผมไม่รู้หรือไงครับว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่” เฮียถามคุณพ่อแบบไม่สบอารมณ์
“ฉันเป็นพ่อแกไม่ใช่เพื่อน จะพูดจะจาอะไรระวังปากบ้างก็ดี!!”
“เฮีย แค่นี้เองไม่เป็นไรค่ะ” ฉันรีบบอกเฮียเพราะเห็นว่าเฮียกำลังจะอ้าปากเถียงคุณพ่ออีก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “คุณจอแดนตามไอริสมาสิคะ”
ก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ ฉันหันหน้ามองพี่เลย์อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยังดูไม่ได้ใส่ใจอะไรเหมือนเดิม
ฉันพาคุณจอแดนเดินออกมาด้านนอกตัวบ้านเพื่อเดินสำรวจดูรอบๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องพามาเดินดูทำไม
“เงียบจัง พูดไม่เก่งเหรอครับ ?” คุณจอแดนหยุดเดินก่อนจะถามฉัน
“ค่ะ ไอริสพูดไม่ค่อยเก่ง”
“งั้นเดี๋ยวผมชวนไอริสคุยดีไหม ^_^” เขาถามพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “บ้านหลังใหญ่มากเลยนะครับ สมแล้วที่ติดโพรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ”
“^_^” ฉันได้แต่ยิ้มให้เพราะไม่รู้จะตอบกลับคำถามนี้ยังไง
“แล้วนี่เรียนเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็เรื่ิอยๆ ค่ะ”
คุณจอแดนชวนฉันคุยแล้วก็เดินไปด้วย ถือว่าเขาเป็นคนที่พูดเก่งมากเลยทีเดียว
“คุยมาตั้งนานไม่ถามอะไรผมหน่อยเหรอ ?”
“เอ่อ…” ฉันทำท่าคิดหนักว่าจะถามอะไรดี อ๋อ! นึกออกแล้ว “ทำไมคุณถึงพูดไทยชัดจังเลยล่ะคะ”
“นึกว่าจะไม่ถามแล้วซะอีก^_^” เขายิ้มให้ฉันก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงสวนหลังบ้าน
“ผมเกิดที่ไทยโตที่ไทย แต่พ่อเป็นคนอังกฤษก็เลยต้องไปทำธุรกิจที่นู่นครับ”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” ฉันพยักหน้า หายสงสัยสักที
“เสียดายจังเลยนะครับ”
“…คะ?” ฉันมองคุณจอแดนด้วยความงุนงงเมื่อจู่ๆ เขาก็พูดคำนั้นออกมา เสียดายอะไรกัน
“ก็เสียดายที่เราไม่ได้หมั้นกันไงครับ ไอริสเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ตรงเสปกผมทุกอย่างเลย”
พอได้ยินคำถามนี้ฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้กับผู้ชายตรงหน้าที่เอาแต่มองฉันตาไม่กะพริบ
“คุยกับผู้หญิงของผมซะเพลินเลยนะครับ” เสียงทุ้มเข้มที่คุ้นเคยท้วงขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่ฉันจะสะดุ้งโหยงเมื่อถูกคว้าเอวไปกอด
“พะ พี่เลย์”
คุณจอแดนยืนขึ้นเต็มความสูง “ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
พี่เลย์ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของคุณจอแดน เขาหันหน้ามามองฉันแล้วพูด “ไปกินข้าวได้แล้วครับที่รัก”
ฉันรู้ดีคำว่า ‘ที่รัก’ ที่พี่เลย์พูดมันก็เป็นแค่การแสดงละครตบตา
พี่เลย์เปลี่ยนจากมือที่โอบเอวมาจับมือของฉันแล้วพาเดินออกไปจากตรงนี้ มันไม่ใช่แค่การจับมือแล้วพาฉันเดิน แต่เป็นการบีบมือของฉันอย่างแรงในขณะที่เดินไปด้วยต่างหาก
“พี่เลย์ไอริสเจ็บนะคะ” ฉันพูดบอกเมื่อเห็นว่าเดินมาไกลจากคุณจอแดนมากแล้ว
คำพูดของฉันทำให้พี่เลย์หยุดเดิน แล้วหมุนตัวหันกลับมาจ้องหน้าฉันตาเขม็ง
“คุยอะไรกับมันล่ะ ถึงไม่ยอมกลับเข้าไปในบ้าน”
“ไอริสก็พาคุณจอแดนเดินดูสวนอยู่นี่คะ”
คุณจอแดนยิ้มหวานให้ฉันก่อนจะหันไปมองถนน รถหรูค่อยๆ เครื่อนตัว แต่!!! จู่ๆ คุณจอแดนก็เหยียบเบรกมิดจนหัวทิ่ม
“มาปาดหน้ากันแบบนี้ได้ไงวะ ไม่เห็นหรือไงว่ารถกำลังจะออก” คุณจอแดนสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ฉันเงยขึ้นมองดูตรงหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น
ตรงหน้ามีรถซุปเปอร์คาร์คันหนึ่งจอดขวางอยู่ และฉันจำได้แม่นว่ารถคันนั้นคือรถของ ‘พี่เลย์’ ไม่ผิดคนแน่
ประตูรถคันตรงหน้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าอำมหิตของพี่เลย์ที่เพ่งมองมายังรถคันที่ฉันนั่ง พร้อมกับเดินตรงมาทางฝั่งประตูที่ฉันกำลังนั่งอยู่
คุณจอแดนพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่เลย์ จังหวะเดียวกันกระจกรถตรงฝั่งที่ฉันนั่งก็ถูกเคาะอย่างแรง ไม่สิ! แบบนี้ต้องเรียกว่าทุบมากกว่า
ฉันค่อยๆ ใช้นิ้วที่สั่นเทากดเลื่อนกระจกลง สายตาคมกริบของพี่เลย์จ้องมองไปยังคุณจอแดนอย่างหาเรื่อง
“ดูท่าคุณจะชอบยุ่งกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วนะครับ” พี่เลย์ถามเสียงเย็น โชคดีที่คุณจอแดนไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบไม่งั้นคงได้มีเรื่องกันแน่ๆ
พี่เลย์ละสายตาอำมหิตออกจากใบหน้าของคุณจอแดนมามองฉันแทน แล้วกดเสียงต่ำบอก
“ลงมา” น้ำเสียงเรียบๆ ของพี่เลย์ที่ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่แสนจะธรรมดา แต่สำหรับฉันนี่มันเป็นน้ำเสียงที่อันตรายเอามากๆ
หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเพราะไม่คิดว่าพี่เลย์จะทำแบบนี้
“คะ คุณจอแดนคะไอริสคงไปด้วยไม่ได้แล้ว…”
“ไม่เป็นไรครับ ไว้โอกาสหน้าก็ได้” ถึงจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่คุณจอแดนก็ยังยิ้มให้ฉันราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อย่าหวังว่าจะมีครั้งหน้า!!!” พี่เลย์พูดแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเอื้อมแขนเข้ามาในรถแล้วใช้มือปลดล็อก
จากนั้นก็ดึงประตูให้เปิดออก ร่างของฉันถูกดึงออกไปจากรถทันที เมื่อตัวฉันออกมาพ้นรถแล้วพี่เลย์ก็ปิดประตูรถกระแทกเสียงดังลั่น
พี่เลย์ดึงตัวฉันให้ไปที่รถของตัวเอง เมื่อเปิดประตูได้ก็จับฉันยัดเข้ารถอย่างทุลักทุเล ไม่คิดเลยว่าฉันจะเจ็บกับการกระทำดิบเถื่อนของตัวเองหรือเปล่า
“ไอริสเจ็บนะคะ ทำไมต้องรุนแรงด้วย”
ฉันมองค้อน แต่พี่เลย์เงียบ เขาปิดประตูรถกระแทกอย่างแรงแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูทางฝั่งคนขับพร้อมกับขับรถออกไปด้วยความเร็ว ชนิดที่ว่าราวกับอยู่ในสนามแข่ง
“ขะ ขับช้ากว่านี้หน่อยได้ไหมคะ ไอริสกลัว” ฉันนั่งตัวเกร็งเอ่ยบอกพี่เลย์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาเพราะความกลัว ซึ่งพี่เลย์ไม่ยอมชะลอความเร็วลงตามที่ฉันขอ แต่กลับเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่าเดิม
ฉันมองถนนตรงหน้าแล้วหลับตาพริ้ม หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าพี่เลย์เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา
นานหลายนาทีที่ฉันหลับตา ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองถนนตรงหน้าอีกครั้ง แล้วก็ต้องหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่าแปลกใจ
“ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ” คำถามของฉันทำให้พี่เลย์หันมามองแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาเฉียบพลัน
“แล้วฉันบอกเธอตอนไหนว่าจะไปส่งที่บ้าน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ว่าที่ 'เมีย' | Hate love Nc20+