วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 144

เฝิงโย่วหลิงเห็นเยี่ยชิวแล้วความอาฆาตก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของเขา แล้วพูดว่า “หวังซวน ผมขอแนะนำให้คุณรู้จัก ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างผมท่านนี้คือแพทย์มหัศจรรย์ ปรมาจารย์โม่”

“สวัสดีครับปรมาจารย์โม่!”

หวังซวนรีบเดินมาหาผู้อาวุโส เขายิ้มและยื่นมือขวาออกไป เตรียมจะจับมือกับปรมาจารย์โม่

แต่ปรมาจารย์โม่เพียงแค่มองไปที่หวังซวนอย่างเย็นชา ไม่มีความตั้งใจที่จะจับมือแม้แต่นิดเดียว

หวังซวนดึงมือกลับ เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้รู้สึกอายหรืออึดอัดใจ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เพราะในความคิดของเขา ยิ่งเจ้าอารมณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงว่ามีความสามารถมากขึ้นเท่านั้น

เฝิงโย่วหลิงอธิบายว่า “หวังซวน อย่าโกรธเลยนะครับ ปรมาจารย์โม่ทำแบบนี้กับทุกคน”

“ปรมาจารย์โม่ เดินทางหลายพันไมล์ไปยังเจียงโจวเพื่อรักษาปู่ของผม ผมซาบซึ้งและรู้สึกขอบคุณมาก ผมจะโกรธได้อย่างไรกัน”

หวังซวนเหมาะแล้วที่เป็นคุณชายผู้ร่ำรวย เพราะคำพูดที่ใช้หน้างานแบบนี้ไร้ที่ติ

“โอ้ นี่ไม่ใช่รองนายกเทศมนตรีหวงเหรอ? ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ได้ครับ?” เฝิงโย่วหลิงถามด้วยรอยยิ้ม

“ผมพาเสี่ยวเยี่ยมาดูอาการของท่านผู้เฒ่าหวัง” รองนายกเทศมนตรีหวงกล่าว

“โอ้?” ตอนนี้เฝิงโย่วหลิงถึงเบนสายตามองไปที่หน้าของเยี่ยชิว จากนั้นเขาก็ยิ้ม “หมอเยี่ย พวกเรานี่ถูกกำหนดมาให้ได้พบกันจริงๆ ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็ได้พบเจอกัน”

เยี่ยชิวกล่าวว่า “นั่นสิ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมไม่ว่าฉันไปที่ไหนก็เจอแต่กองอึ”

เฝิงโย่วหลิงได้ยินก็รู้ทันทีว่าเยี่ยชิวกำลังกัดเขา ในใจเขาด่าแรงว่าแกนะสิไอ้ขี้หมา!

“เยี่ยชิว คุณมาดูอาการของท่านผู้เฒ่าหวังเหรอ?”

“เกี่ยวอะไรกับนายด้วย!”

ให้ตายเถอะ ทำไมไอ้สารเลวนี่ถึงดูเหมือนกระบองเพชรที่มีหนามอยู่ทั่วตัว?

ก็แค่ถามว่ามาทำอะไร แล้วมาด่าฉันทำไมก่อน?

เฝิงโย่วหลิงโกรธมาก แต่เขาไม่กล้าแสดงอาการโกรธ เพราะกลัวว่าถ้าเขาทำให้เยี่ยชิวโมโห เยี่ยชิวอาจจะลงมือกับเขาอีกครั้ง

ฉันทนแกต่อไปอีกแค่สองวัน ถึงเวลานั้นก็เป็นวันตายของแกแล้ว

เฝิงโย่วหลิงกล่าวต่อ “เยี่ยชิว ถ้านายมาที่นี่เพื่อรักษาท่านผู้เฒ่าหวัง ฉันคิดว่านายควรกลับไปได้แล้ว”

“มีสิทธิ์อะไร?” เยี่ยชิวถาม

“เพราะปรมาจารย์โม่มาแล้ว ที่นี่จึงไม่ต้องการนายอีกต่อไป”

เยี่ยชิวเหลือบมองชายชราแล้วพูดว่า “ไม่เป็นจำเป็นต้องแบบนั้น”

เฝิงโย่วหลิงกล่าวว่า “ปรมาจารย์โม่เป็นแพทย์มหัศจรรย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทักษะทางการแพทย์ของเขาอยู่ในระดับสูงสุด ไม่มีโรคใดในโลกที่เขารักษาไม่ได้ หวังซวน คุณคิดว่าที่นี่ยังต้องเยี่ยชิวอยู่อีกไหม?”

หวังซวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกมาจากกระเป๋าของเขา และมอบให้เยี่ยชิว พูดว่า “เยี่ยชิว นี่เป็นค่าเสียเวลาของคุณ คุณกลับไปก่อนเถอะ”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของปรมาจารย์โม่นั้นทรงพลังแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แพทย์ที่มีอายุมากกว่ามักจะทำให้ผู้คนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ปรมาจารย์โม่ยังได้รับเชิญจากเฝิงโย่วหลิงให้มาที่นี่อีกด้วย

“คุณชายหวัง ผมเป็นคนพาเยี่ยชิวมาที่นี่ ไหนๆ คนก็มาถึงแล้ว ให้เขาเข้าไปดูอาการสักหน่อยค่อยว่ากันเถอะ เผื่อว่าปรมาจารย์โม่ไม่สามารถรักษาท่านผู้เฒ่าหวังได้ล่ะ?”

รองนายกเทศมนตรีหวง ดูไม่พอใจเล็กน้อย

ดังคำกล่าวที่ว่าไม่ว่าจะอย่างก็ต้องเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง เขาเป็นคนพาเยี่ยชิวมา แม้ว่าหวังซวนจะไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของเยี่ยชิว แต่ก็ควรเห็นแก่หน้าเขา รักษาเกียรติของเขาบ้าง ไม่ใช่ว่าพูดให้เยี่ยชิวกลับไปง่ายๆ แบบนี้

แน่นอนว่ารองนายกเทศมนตรีหวง ก็เอาแต่ใจเล็กน้อยเหมือนกัน

เขาหวังว่าเยี่ยชิวจะสามารถรักษาท่านผู้เฒ่าหวัง ได้ เพื่อที่เขาจะได้กระชับความสัมพันธ์กับตระกูลหวังให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และตระกูล หวังจะได้ให้เงินเพิ่มมากสำหรับสร้างเจียงโจว

“คุณบอกว่าผมไม่สามารถรักษาผู้เฒ่าหวังได้เหรอ? ช่างน่าขันจริงๆ!” ปรมาจารย์โม่ พูดอย่างเย็นชา “ไม่มีโรคใดในโลกที่ผมไม่สามารถรักษาได้!”

“จริงเหรอครับ คุณเก่งขนาดนี้ ทำไมไม่ไปรักษามะเร็งล่ะ?” ทันทีที่รองนายกเทศมนตรีหวง พูดแบบนี้ ปรมาจารย์โม่ก็พูดไม่ออก

เยี่ยชิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่ารองนายกเทศมนตรีหวง จะเป็นเทพแห่งการต่อต้านคนแบบนี้เหมือนกัน!

รองนายกเทศมนตรีหวง ยิ้มแล้วพูดว่า “ปรมาจารย์โม่ อย่าถือโทษโกรธกันเลยครับ ตอนนี้ผมแค่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะหาหมอไปรักษาอาการท่านผู้เฒ่าหวังเพิ่มอีกสองสามคน เพราะเราทุกคนต่างก็นึกถึงสุขภาพของท่านผู้เฒ่าหวังเป็นหลัก คุณว่าจริงไหม?”

“เหอะ!” ปรมาจารย์โม่เหอะเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“คุณชายหวัง คุณคิดว่าสิ่งที่ผมพูดถูกต้องหรือไม่ครับ?” รองนายกเทศมนตรีหวงถามหวังซวนอีกครั้ง

หวังซวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า “ในเมื่อรองนายกเทศมนตรีหวงพูดแบบนี้แล้ว งั้นก็ให้เยี่ยชิวดูอาการคุณปู่ด้วยก็ได้ครับ”

“รองนายกเทศมนตรีหวง ปรมาจารย์โม่ เชิญด้านในครับ”

หวังซวนทำท่าทางเชิญชวน

ปรมาจารย์โม่สะบัดชายเสื้อ วางมือไว้ด้านหลัง และเดินวางมาดเข้าไปในประตูบ้านตระกูลหวง

รองนายกเทศมนตรีหวง ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเยี่ย นายเองก็เข้าไปข้างในด้วย”

ทุกคนเข้าไปในบ้านตระกูลหวัง

เยี่ยชิวแอบสังเกตและพบว่าคฤหาสน์ของตระกูลหวงตกแต่งเรียบง่ายมาก ไม่มีอะไรหรูหราเลย ให้ความรู้สึกเงียบสงบและสง่างามมาก

“คุณปู่อยู่ในห้องนอนครับ ผมพาพวกคุณเข้าไปเลยแล้วกัน!”

หวังซวนพาทุกคนไปที่ห้อง

หลังจากเข้าไป เยี่ยชิวก็เห็นชายชราร่างอ้วนนอนอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งสองข้างหลับอยู่ อีกทั้งใบหน้ายังซีดเซียวด้วย

ที่หน้าเตียงมีคนรับใช้สองคนคอยเฝ้าอยู่

“พวกเธอหลบทาง”

ปรมาจารย์โม่สั่งให้คนรับใช้ทั้งสองออกไป จากนั้นก็เดินไปที่ข้างเตียง และทำการวัดชีพจรของผู้เฒ่าหวัง

ทุกคนรออย่างเงียบๆ

ประมาณสามนาทีต่อมา ปรมาจารย์โม่ ก็ปล่อยข้อมือของผู้เฒ่าหวัง

“ปรมาจารย์โม่ครับ อาการของคุณปู่เป็นยังไงบ้างครับ? ท่าน... จะรักษาได้ไหมครับ?”

หวังซวนมองปรมาจารย์โม่อย่างใจจดใจจ่อ

“ถ้าผมไม่ลงมือ เขาต้องตายแน่!” ปรมาจารย์โม่กล่าว

ดวงตาของหวังซวนเป็นประกาย “ปรมาจารย์โม่ คุณหมายถึงว่าถ้าคุณรักษา ปู่ของผมก็จะรอดใช่ไหมครับ?”

“เขาไม่เพียงแค่รอด แต่ผมยังทำให้เขาหายได้ด้วย จากสภาพร่างกายของเขา ใช้ชีวิตต่ออีกยี่สิบสามสิบปีก็ไม่ใช่ปัญหา”

“สุดยอดมากครับปรมาจารย์โม่ ได้โปรดรีบรักษาคุณปู่ของผมด้วยเถอะครับ!”

หวังซวนรู้สึกตื่นเต้นมาก

ตอนแรกเขาคิดว่าครั้งนี้ปู่ของเขาคงไม่รอดแล้ว เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลขอให้พวกเขาเตรียมงานศพแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ในเวลานี้ทุกอย่างพลิกกลับและเขาก็มองเห็นความหวังอีกครั้ง

ต่อมา ปรมาจารย์โม่ก็กล่าวว่า “ผมอาศัยอยู่อย่างสันโดษมาหลายปีและรักษาผู้คนมาน้อยมาก”

หวังซวนตื่นตระหนกและพูดอย่างร้อนรนว่า “ปรมาจารย์โม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โปรดช่วยปู่ของผมด้วย ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรคุณก็สามารถร้องขอได้ทั้งนั้น ขอแค่พวกเราตอบสนองได้ตามที่ต้องการ พวกเราตระกูลหวังก็พร้อมจะทำให้”

ปรมาจารย์โม่กล่าวว่า “ในเมื่อคุณชายหวังพูดแบบนี้แล้ว อย่างนั้นผมก็จะพูดตรงๆ แล้วกัน คุณรู้กฎของผมแล้วใช่ไหม?”

หวังซวนพยักหน้า “โย่วหลิงบอกผมแล้วครับ รักษาอาการป่วยสิบล้าน ช่วยให้รอดชีวิตร้อยล้าน”

“แล้วคุณตกลงไหม?”

“คุณเรียกราคามาเลยครับ!”

ปรมาจารย์โม่กล่าวว่า “ผู้เฒ่าหวังเฉียดเข้าใกล้ความตายมากแล้ว ตอนนี้ผมลงมือเพื่อรักษาชีวิตของเขา เพราะฉะนั้นผมต้องการร้อยล้าน”

เมื่อได้ยินประโยคนี้เยี่ยชิวและรองนายกเทศมนตรีหวงต่างก็ตกตะลึง

นี่มันคือการช่วยชีวิตหรือขูดรีดทรัพย์กันแน่?

แน่นอนว่าสำหรับคนรวย การจ่ายพันล้านเพื่อช่วยชีวิตอาจเป็นเรื่องที่คุ้มค่า แต่ในสายตาของเยี่ยชิวนั้น วิธีการของปรมาจารย์โม่ เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังละเมิดจรรยาบรรณทางการแพทย์

หมอต้องรักษาโรคและช่วยชีวิต แล้วพวกเขาจะพูดถึงเงินก่อนแล้วถึงจะช่วยชีวิตได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ปรมาจารย์โม่ยังเรียกร้องเงินถึงหนึ่งพันล้าน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเขากำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้

เวลานั้นเอง เยี่ยชิวก็เริ่มสงสัยในตัวตนของปรมาจารย์โม่

“ผู้เฒ่าคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนจริงหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ