อู่จี๋เทียนจุนแอบยิ้มอย่างผู้มีชัย เขายังคงแอบยินดีกับแผนการที่ตนวางไว้ ทว่าถ้อยคำของผู้อาวุโสรอง กลับราวกับฝ่ามือที่ตบเข้าเต็มหน้า
“นายว่ายังไงนะ?”
“ทาสโลหิตตายแล้วเหรอ?”
“พูดอีกครั้ง!”
ดวงตาของอู่จี๋เทียนจุนลุกเป็นไฟจ้องมองผู้อาวุโสรองลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะ จ้องมองผู้อาวุโสรองด้วยจิตสังหารที่ทะลักออกมา
ในวินาทีนี้ผู้อาวุโสรองรู้สึกขนทั่วร่างลุกชันราวกับวิญญาณแทบแตกสลาย
จิตสังหารของผู้แข็งแกร่งในระดับนักบุญราชานั้นช่างน่าสะพรึงกลัว
แม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับนักบุญ ก็ยังยากที่จะต้านทาน
“ท่านผู้นำ ทาสโลหิต...ทาสโลหิต...”
“ตะเกียงวิญญาณของเขาดับลงแล้ว”
ผู้อาวุโสรองกล่าวด้วยเสียงสั่นเทา “ไม่นานหลังจากตะเกียงวิญญาณของสองผู้อาวุโสและซูอู๋หมิงดับลง ตะเกียงวิญญาณของทาสโลหิตก็ดับลงเช่นกัน”
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!” อู่จี๋เทียนจุนไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง ทั้งยังกล่าวว่า “ข้างกายเยี่ยฉังเซิงมีเพียงปีศาจวัวตัวเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่มือของทาสโลหิต”
“ทาสโลหิตเป็นถึงนักบุญ เขาอยู่เคียงข้างฉันมาเนิ่นนาน ฉันรู้จักความแข็งแกร่งของเขาดี”
“แม้กระทั่งปีศาจหมีของเผ่าปีศาจมาเองก็ไม่อาจสังหารทาสโลหิตได้”
ผู้อาวุโสรองกล่าวว่า “ท่านผู้นำตะเกียงวิญญาณของทาสโลหิตดับลงแล้วจริงๆ หากท่านไม่เชื่อ ท่านสามารถไปดูที่วังพิทักษ์วิญญาณได้ด้วยตนเอง...”
“หุบปาก!” อู่จี๋เทียนจุนตะโกนเสียงดังราวกับสิงโตที่กำลังโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาดูน่ากลัวอย่างยิ่งเมื่อจ้องมองผู้อาวุโสรอง “เงยหน้าขึ้นมา”
ผู้อาวุโสรองเงยหน้าขึ้นมองอู่จี๋เทียนจุนด้วยความกังวล “ท่านผู้นำ...”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
อู่จี๋เทียนจุนตบหน้าผู้อาวุโสรองสามครั้ง ผู้อาวุโสรองถูกตีกระเด็นออกไปในทันที ปากเขาเต็มไปด้วยเลือด อีกทั้งใบหน้ายังบวมเหมือนหัวหมู
ผู้อาวุโสรองอดทนต่อความเจ็บปวดเร่งกลับมาอย่างรวดเร็วและหมอบลงกับพื้นอีกครั้ง
“ฉันเพิ่งเตือนนายไปเมื่อไม่นานมานี้ว่าต่อไปเมื่อรายงานเรื่องใด ให้พูดจบในคราวเดียว”
“คำพูดของฉัน นายถือเป็นลมผ่านหูหรือไง?”
ผู้อาวุโสรองตื่นตระหนกอย่างมาก “ท่านผู้นำ ฉันไม่ได้...”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือพิโรธของอู่จี๋เทียนจุนฟาดลงบนใบหน้าของผู้อาวุโสรองจนฟันหน้าสองซี่หลุดกระเด็น
“หากไม่เห็นแก่ความจงรักภักดีที่นายมีต่อฉันมาตลอดหลายปี ฉันคงปลิดชีพนายไปแล้ว”
“จำใส่กะโหลกเอาไว้! ครั้งหน้ามีเรื่องให้รายงานทีเดียวให้จบ อย่าให้ฉันต้องเสียอารมณ์อีก”
ก่อนที่อู่จี๋เทียนจุนจะเปลี่ยนเรื่องถาม “ลู่ฟู่กุ้ยตายแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่รู้เรื่องนี้หรือยัง?”
ผู้อาวุโสรองตอบ “เรียนท่านผู้นำ ผู้อาวุโสใหญ่กำลังบำเพ็ญเพียรจึงยังไม่ทราบเรื่องนี้”
อู่จี๋เทียนจุนสั่ง “เรื่องนี้ อย่าเพิ่งบอกผู้อาวุโสใหญ่ เดี๋ยวจะกระทบการบำเพ็ญเพียรของเขา ยังไงลู่ฟู่กุ้ยก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา”
“ครับ” ผู้อาวุโสรองรับคำ
อู่จี๋เทียนจุนถามต่อ “ฉีเทียนอยู่ที่ไหน? ให้เขามาพบฉันหน่อย”
ฉีเทียนคือบุตรเทพอันดับหนึ่งของสำนักหยินหยาง!
เขาไม่เพียงเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ทุกคนในสำนักหยินหยางยอมรับ แต่ยังเป็นศิษย์ที่อู่จี๋เทียนจุนถ่ายทอดวิชาให้โดยตรงอีกด้วย
หลายคนเชื่อว่า วันหนึ่งอู่จี๋เทียนจุนจะยกตำแหน่งผู้นำของสำนักหยินหยางให้ฉีเทียน
เพราะฉีเทียนอายุยังไม่ถึงร้อยปี ก็ทะลวงพลังถึงขั้นกึ่งนักบุญแล้ว เขาห่างจากขั้นนักบุญเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น
พรสวรรค์เช่นนี้ หาได้ยากยิ่งในยุทธภพ
“รายงานท่านผู้นำ บุตรเทพฉีเทียนไม่อยู่ที่สำนักครับ” ผู้อาวุโสรองกล่าว
“เขาไปไหน?” อู่จี๋เทียนจุนถาม
ผู้อาวุโสรองตอบ “เมื่อหลายวันก่อน มีข่าวว่าสุสานมังกรมีการเคลื่อนไหว คาดว่าใกล้จะเปิดแล้ว ฉีเทียนจึงไปที่นั่นครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ไอ้ชิบหาย มีแต่หน้าเปล่าๆมา3วันแล้ว พอๆเลิกอ่านบล็อคแม่งออกเลย หนังสือที่อื่นมีอ่านเยอะแยะ...
หลังๆทำไมลงแต่หน้าเปล่า ไม่มีตัวหนังสือสักตัว...
จะอ่านบท1611-1616ยังใงคับ...
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...