ฉินหว่านไม่เคยคาดว่าพ่อแม่ของเธอจะขังให้เธออยู่ในห้องเดียวกันกับเยี่ยชิว
สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ คือการสนทนาที่เธอคุยกับแม่ในครัว
“หว่านเอ๋อร์ แม่ว่าเยี่ยชิวก็ดูเป็นคนดีอยู่นะ สรุปแล้วพวกลูกพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
“แม่ หนูกับเยี่ยชิวเป็นแค่เพื่อนกัน”
“เอาน่ะ อย่าโกหกแม่เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกพาผู้ชายกลับมาตั้งแต่พ่อของเชี่ยนเชี่ยนตายไป อยากให้พ่อกับแม่ช่วยตรวจสอบไหม?”
“แม่ มันไม่ใช่แบบนั้น...”
“บอกแม่มาเถอะ ลูกกับเสี่ยวเยี่ยเคยอยู่ด้วยกันรึยัง?” แม่ฉินถามตรงๆ
ฉินหว่านหน้าแดงและพูดว่า "จะเป็นไปได้ยังไง เยี่ยชิวและหนูเป็นแค่..."
“หว่านเอ๋อ ลูกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แม่เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้แม่จัดการเอง”
แม่ฉินยังกำชับฉินหว่านอีกว่า: "เสี่ยวเยี่ยอายุยังน้อย หน้าเล็ก แต่ลูกต่างออกไป ลูกเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นลูกต้องเรียนรู้ที่จะรุกได้แล้วนะ"
“ผู้ชายน่ะหากมีความประพฤติและคุณธรรม ถ้าจับเขาได้แล้ว เขาจะอุทิศตนให้กับลูก”
“คืนนี้เป็นโอกาสของลูกแล้ว ลูกต้องคว้ามันไว้”
ด้วยเหตุนี้ เธอเลยถูกแม่ฉินขังไว้ในห้อง
ในเวลานี้ ฉินหว่านยืนอยู่ที่ประตู ก้มหน้า และเขินอายเกินกว่าจะมองเยี่ยชิว
“พี่หว่านครับ มีอะไรรึป่าวครับ?”
เยี่ยชิวรู้ความคิดของแม่ฉินอยู่เต็มอก แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
"อ๋อ คือว่า พ่อแม่ของฉันรู้มาว่าพรุ่งนี้คุณจะไปที่หมู่บ้านโม่ก้าน พวกเขาจึงขอให้ฉันมาโน้มน้าวคุณ" ฉินหว่านคิดข้อแก้ตัวอย่างรวดเร็วและพูดกับเยี่ยชิว: "ฉันได้ยินมาว่าหมู่บ้านโม่ก้านมีคนเสียชีวิตหลายคน ฉันคิดว่ามันอันตรายมาก คุณไม่ไปที่นั่นไม่ได้เหรอ?”
“พี่หว่านครับ นี่คุณกำลังเป็นห่วงผมอยู่งั้นเหรอ?”
ทันทีที่เยี่ยชิวพูดเช่นนี้ ใบหน้าของฉินหว่านก็แดงขึ้นอีก
เธอต้องการบอกกับเยี่ยชิวว่า ใช่ ฉันเป็นห่วงคุณ แต่แล้วเธอก็คิดเกี่ยวกับมันดูอีกที มันจะดูออกหน้าออกตาไปรึเปล่าที่จะพูดเช่นนั้น?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นในรถตอนกลางวัน เธอกังวลว่าเธอรุกเกินไปและอาจจะทำให้เยี่ยชิวคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย
เมื่อเห็นว่าฉินหว่านขี้อายมาก เยี่ยชิวก็รู้สึกขบขันและถามอย่างจงใจ: "พี่หว่านครับ ทำไมหน้าคุณแดงจัง? คุณรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?"
ฉินหว่านลังเลและพูดว่า: "ไม่ ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ"
“พี่หว่านครับ ถ้าไม่สบายตรงไหนบอกผมได้นะครับ ผมเป็นหมอ”
“ดูเหมือนว่า...จะ...ไม่สบายนิดหน่อย”
ฉินหว่านต้องการแก้ไขความลำบากใจนี้ แต่ใครจะรู้ เยี่ยชิวก็พูดว่า "งั้นให้ผมดูหน่อยนะครับ"
จากนั้นเขาก็เดินไปหาเธอ
ทันใดนั้น ฉินหว่านรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก เธอบีบชายเสื้อด้วยมือทั้งสองข้างและก้มหน้าลง
หลังจากที่เยี่ยชิวเดินมาอยู่ที่ด้านหน้าของฉินหว่าน เขาก็ถามเบา ๆ : "พี่หว่านครับ ทำไมคุณถึงก้มหน้าลงตลอดและไม่ยอมมองผม ผมดูน่ากลัวอย่างงั้นเหรอ?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น" ทันทีที่ฉินหว่านเงยหน้าขึ้น เยี่ยชิวก็จับหน้าเธอด้วยมือทั้งสองข้าง
ครู่หนึ่ง ฉินหว่านรู้สึกว่าหัวของเธอว่างเปล่า
เขาจะทำอะไรน่ะ?
“พี่หว่าน หน้าพี่ร้อนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นไข้ เกิดอะไรขึ้น ขอผมตรวจชีพจรดูหน่อย”
หลังจากที่เยี่ยชิวพูดจบ เขาก็จับมือของฉินหว่าน ที่รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังถือผ้าไหมอันล้ำค่าและฝ่ามือนั้นช่างเนียนนุ่ม
ช่างเป็นหญิงสาวที่วิเศษจริงๆ!
เยี่ยชิวกล่าวในใจ
“คุณ คุณไม่ได้อยากตรวจชีพจรของฉันงั้นเหรอ? คุณจับมือฉันทำไม” ฉินหว่านกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง รวบรวมความกล้าแล้วมองไปที่เยี่ยชิวแล้วถาม
เยี่ยชิวยิ้มและพูดว่า "จริงๆ แล้ว ผมสามารถสัมผัสชีพจรของคุณได้แม้จะจับมือคุณไว้ก็ตาม"
จะโกหกเพื่อ?
ตั้งแต่โตมา ยังไม่เคยได้ยินว่าวัดชีพจรตอนจับมือได้
ฉินหว่านรู้ว่านี่เป็นคำโกหกของเยี่ยชิว แต่เธอไม่ต้องการตอกกลับเขา ไม่เช่นนั้นมันจะยิ่งน่าอายมากขึ้น
เยี่ยชิวจับมือของฉินหว่านด้วยมือข้างหนึ่ง สัมผัสได้ถึงผิวที่เรียบเนียนของหญิงสาวคนนั้น และอีกมือหนึ่งก็ลูบใบหน้าของฉินหว่าน
ราวกับคู่รักธรรมดาคู่นึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...