เยี่ยชิวทำการปล่อยกำลังภายในในสู่ร่างกายของอมตะชางเหม่ยเพื่อคิดจะกระตุ้นการทำงานภายในร่างกายของอมตะชางเหม่ย
ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวังเอาไว้
"ไม่มีประโยชน์ อาการต้านนี้เปรียบเสมือนกับอาการบาดเจ็บในสมัยโบราณ หากคิดจะรักษาให้หายถือเป็นเรื่องยากอย่างมาก" อมตะชางเหม่ยกล่าว
เยี่ยชิวหยิบเข็มสีทองขึ้นมาสามเล่มและทำการฝังเข็มไปตามจุดชีพจรบนศีรษะโดยไม่สนใจ
แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเหมือนเดิม เข็มสีทองกลับไม่สามารถทำอะไรกับอาการต้านนี้ได้เลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เยี่ยชิวรู้สึกเศร้าหมอง
อมตะชางเหม่ยดึงเข็มออกพร้อมกับกล่าวออกไป "อย่าเสียเวลาอีกเลย ฉันรู้อาการของตัวเองดี"
"ผู้อาวุโส ขอโทษด้วย....."
อมตะชางเหม่ยหัวเราะออกมาโดยไม่รอให้เยี่ยชิวพูดจบ "นายขอโทษฉันทำไมกัน ชีวิตคนเรามีกันแค่ครั้งเดียว ถึงยังไงวันนั้นก็ต้องมาถึง"
"แต่ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผม คุณก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ผมผิดเอง"
เยี่ยชิวมองไปที่อมตะชางเหม่ยพร้อมกับพูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง "ผู้อาวุโสวางใจได้ ผมจะต้องหาวิธีรักษาคุณให้ได้อย่างแน่นอน"
"จะเป็นหรือตายก็แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต"
อมตะชางเหม่ยพูดจบก็ลุกขึ้นยืน "นายเคยไปที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ไหม?"
เยี่ยชิวส่ายหน้า
"ไปกันฉันหน่อยได้ไหม ฉันยังไม่รู้เลยว่ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศเป็นยังไง"
อมตะชางเหม่ยพูดจบก็เดินนำออกไปก่อน
อดพูดไม่ได้ว่าอาคารสิ่งก่อสร้างภายในมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่นั้นมีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก บรรยากาศของที่นั่นเต็มไปด้วยวิชาการที่เข้มข้น
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงศาลาโบราณสองหลังที่สง่างาม
ตรงกลางศาลาโบราณมีแผ่นจารึกแนวนอนแขวนอยู่ โดยมีคำว่า "มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่" เขียนอยู่ ซึ่งสวยงามและสง่างามมาก
บนเสาสีแดงทั้งสองด้านมีบทกวีคู่ห้อยอยู่
"แสงจากภูเขาที่อยู่นอกธรณีประตูเป็นสถานที่พิเศษที่มีการเปลี่ยนแปลงนับพันครั้งในสี่ฤดู เงาเมฆในหน้าต่างเคลื่อนตัวจากตะวันออกไปตะวันตก เหนือและใต้ และนี่คือดินแดนแห่งสวรรค์"
ช่างเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!
"ไม่แปลกใจเลยที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แถมยังมีสภาพแวดล้อมที่ดีมากอีกด้วย"
"บทกวีนี้เขียนได้ดีมาก เทียบได้กับบทกวีของนักพรตเต๋าได้เลย"
"หากอนาคตนายมีลูกก็ให้ลูกนายเข้าเรียนที่นี่สิ.....ปัดโธ่ นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยเหรอ?"
อมตะชางเหม่ยหันกลับไปมองเยี่ยชิวพร้อมกับขมวดคิ้วบ่น "นายทำหน้าเศร้าให้ใครดูกัน"
"ฉันยังไม่ตายซะหน่อย"
"ฉันจะบอกนายให้นะ ถ้านายยังทำหน้าเศร้าอีก ฉันจะกระโดดถีบนายเลยคอยดู!"
เยี่ยชิวพยายามฝืนยิ้มออกมา
เมื่อสักครู่เขากำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลเยี่ยหลงเหลือเอาไว้และสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ กลับไม่สามารถหาอะไรที่มาช่วยรักษาอมตะชางเหม่ยได้เลย
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยชิวรู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก!
แม้ว่าปกติแล้วอมตะชางเหม่ยจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไร แต่สำหรับเยี่ยชิวแล้ว อมตะชางเหม่ยคือเพื่อนของเขาคนหนึ่ง เป็นเพื่อนที่สามารถฝากชีวิตไว้
และหากไม่ใช่เป็นเพราะเขา อมตะชางเหม่ยก็คงไม่ต้องประสบปัญหาที่หนักหนาขนาดนี้ สิ่งนี้ทำให้เยี่ยชิวรู้สึกผิดในใจอย่างมาก
"ไปกันเถอะ เข้าไปดูข้างในกัน"
อมตะชางเหม่ยพาเยี่ยชิวเดินเข้าไปข้างในจนมาถึงบริเวณสระบัว
เมื่อมองออกไปก็เห็นดอกบัวกำลังบานสะพรั่งพร้อมกับส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ
อมตะชางเหม่ยชื่นชมกับบรรยากาศความสวยงามตรงหน้าอยู่นานโดยไม่พูดอะไร
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...