ชั่วขณะหนึ่ง ทุกสายตามองไปที่จางจิ่วหลิง
จางจิ่วหลิงพูดว่า “พีธีปราชญ์แพทย์ศักดิ์สิทธิ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นต้องเชิญแขกมากมาย แล้วยังต้องเลือกวันดีวันศิริมงคล ตามความเห็นของฉันแล้ว คิดว่าให้ผ่านไปอีกสักพักค่อยจัดเถอะ เสี่ยวเยี่ยคิดว่ายังไงล่ะ?”
แน่นอนว่าเยี่ยชิวไม่มีความเห็นอะไร เขาพยักหน้าและพูดว่า “ดีครับ.....”
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ
สวีลิ่วก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันว่าไม่ต้องเลือกวันดีวันศิริมงคลอะไรนั่นหรอก ไหนๆก็ไหนแล้ว ไม่สู้ทำวันนี้ไปเลยล่ะ!”
“ฉินปู้เองก็อยู่พอดี แขกในที่แห่งนี้เองก็ไม่น้อยเลย”
“แล้วยังมีผู้ชมมากมายขนาดนี้เป็นสักขีพยาน นี่ถือเป็นเรื่องดีเลยนะ?”
“อีกอย่าง ถ้าจัดในอนาคต ยังต้องเชิญนักข่าวมา เสียเวลาเสียแรงอีก แล้ววันนี้พวกนักข่าวก็อยู่ที่นี่แล้วด้วย”
“พวกคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
เนี่ยเสวียเลี่ยงพูดว่า “ฉันคิดว่าข้อเสนอของสวีลิ่วไม่เลวเลย จัดวันนี้เถอะ!”
หลี่เฝิงชุนพูดต่อว่า “ฉันเห็นด้วย”
จางจิ่วหลิงจึงพูดต่อว่า “ในเมื่อทุกคนเห็นด้วย งั้นก็จัดวันนี้เลยแล้วกัน!”
“หลี่เฝิงชุน เนี่ยเสวียเลี่ยง พวกเราไปเตรียมการกันเถอะ”
“อีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ พวกเราจะจัดพีธีปราชญ์แพทย์ศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากนั้น จางจิ่วหลิงก็เรียกต่งซือมา กำชับเขาไปหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบให้เขาไปจัดการ
พอพวกเขาจากไป ต่งซือก็กล่าวว่า “สวัสดีแขกและผู้ชมทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้”
“หลังจากการหารือกันของปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนทั้ง 4 ท่านแล้ว ทุกท่านได้ตัดสินใจว่าอีก 1 ชั่วโมงนับจากนี้ จะดำเนินการจัดพีธีปราชญ์แพทย์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับหมอเยี่ยชิวครับ”
“ผมขอแนะนำไม่ให้ทุกท่านออกไปไหน และมาเป็นสักขีพยานในการกำเนิดปราชญ์แพทย์คนแรกในรอบ 300 ปีกันครับ”
“เมื่อถึงเวลา มาร่วมแสดงความยินดีกับหมอเยี่ยไปด้วยกันนะครับ”
จากนั้นก็เกิดเสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นทั่วงาน
ต่งซือกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ทุกท่านสามารถทำอิสระตามใจตัวเองได้ครับ 1 ชั่วโมงหลังจากนี้ พีธีปราชญ์แพทย์ศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการครับ”
เยี่ยชิวที่ไม่มีอะไรทำชั่วคราวก็กลับไปยังที่นั่งของตนเอง
ใครจะไปรู้กันล่ะว่า เมื่อเขานั่งลงแล้ว เหล่าแขกยังไม่ทันได้แสดงความยินดีกับเขาเลย ซูชางจินก็เดินเข้ามาหาเขาแล้ว
“อปป้าเยี่ยชิว ขอแสดงความดีที่คุณได้เป็นปราชญ์ศักดิ์” ซูซางจินพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ขอบคุณ” เยี่ยชิวกล่าวขอบคุณไปหนึ่งครั้ง
“อปป้าเยี่ยชิว คุณสามารถตอบรับคำขอเล็กๆน้อยๆของฉันสักข้อได้มั้ย?”
“คำขออะไรหรือครับ?”
ซูซางจินพูด “ขอลายเซ็นคุณได้มั้ยคะ”
เยี่ยชิวหัวเราะออกมาแห้งๆ แล้วพูดว่า “ผมไม่ใช่ดาราสักหน่อย จะเอาลายเซ็นไปทำอะไรงั้นหรอ”
“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ดารา แต่ในใจของฉัน คุณดีกว่าดาราพวกนั้นเสียอีก อปป้าเยี่ยชิว คุณช่วยเซ็นลายเซ็นให้ฉันหน่อยสิ ได้มั้ยคะ?” ซูซางจินเริ่มออดอ้อน
เยี่ยชิวจึงหยิบปากกาขึ้นมาและถามว่า “เซ็นตรงไหนหรอ?”
“ตรงนี้ค่ะ”
ซูซางจินชี้ไปที่เสื้อยืดสีขาวของตัวเอง และบริเวณที่เธอชี้นั้นก็เป็นบริเวณหัวใจของเธอนั่นเอง
เยี่ยชิวเงียบไปชั่วขณะ
เด็กสาวคนนี้อยากจะทำอะไร?
เธอกำลังจะล่อลวงฉันในที่สาธารณะหรือ?
“มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่นะครับ?” เยี่ยชิวลังเลเล็กน้อย เพราะข้างๆเขายังมีฉินกังและแขกอื่นๆ กำลังดูอยู่
“อปป้าเยี่ยชิว เร็วสิคะ!” ซูซางจินเร่งเขา
เยี่ยชิวจึงจำใจต้องเซ็นลายเซ็นของตนเองลงไปบนเสื้อของเธอ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มือของเขาสั่นมากทีเดียว
ระห่างระหว่างทั้งคู่ใกล้มาก ซูซางจินสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเยี่ยชิวได้อย่างชัดเจน ทำให้หูของเธอแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย
หลังจากที่เยี่ยชิวเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว ซูซางจินก็รีบพูดอีกทันทีว่า “อปป้าเยี่ยชิว ช่วยเขียนลงไปอีกหน่อยประโยคได้มั้ยคะ”
“ประโยคอะไรครับ?”
“ซางจินสวยที่สุด!”
เยี่ยชิวจึงเขียนประโยคนั้นลงไปบนเสื้อของเธอต่อ
“เสร็จแล้ว ผมเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว” เยี่ยชิวรู้สึกโล่งอก
และในตอนนี้เอง ซูซางจินได้เขย่งปลายเท้าของตัวเองให้สูงขึ้นและจูบลงไปที่แก้มของเยี่ยชิว
ไม่ไกลจากนั้น นักข่าวคนหนึ่งเห็นฉากนี้และรีบถ่ายภาพนี้เก็บไว้ทันที
“อปป้าเยี่ยชิว ฉันชอบคุณค่ะ” ซูซางจินพูดประโยคนี้จบแล้วก็รีบวิ่งออกไปราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...