จู่ๆกริ่งประตูวิลล่าก็ดังขึ้น
จางจื้อหาวเหมือนสิงโตที่ที่ได้รับความตกใจ หดตัวลง และนั่งลงข้างๆผู้เฒ่าซวี
การกระทำของเขานั้นชัดเจนมากแล้ว เมื่อมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาก็จะจับผู้เฒ่าซวีเป็นตัวประกันโดยเร็วที่สุด
“จื้อหมิง คุณไปดูสิว่าเป็นใคร?”
ผู้เฒ่าซวีก็สับสนเล็กน้อย เวลานี้ทำไมจู่ๆก็มีคนมา?
ซวีจื้อหมิง พยักหน้าแล้วเดินไปเปิดประตู
เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก สวมแจ็กเก็ตหนัง มีสร้อยคอทองคำพันรอบคอ และย้อมผมสีเหลือง
“คุณเป็นใคร” ซวีจื้อหมิงถาม
“ฉันเป็นคนขับรถของพี่จาง” ห่วงเหมามองเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นจางจื้อหาวนั่งอยู่บนโซฟา และถามอย่างเสียงดังว่า: “พี่จาง ตำรวจจราจรไม่อนุญาตให้ฉันจอดรถไว้ที่ประตู ทำไงดี?"
จางจื้อห่าว ดุว่า: "เชี้ย เรื่องแค่นี้แกก็ต้องการถามฉัน? แกไม่มีสมองเหรอ?"
ห่วงเหมาหดคอลงด้วยความหวาดกลัว หันหลังกลับและวิ่งหนีไป
ซวีจื้อหมิงปิดประตูวิลล่า
“ต้องขอโทษด้วย ลูกน้องของฉันทำงานไม่ได้เรื่อง ต้องทำให้คุณซวีต้องมาเจออะไรตลกๆแบบนี้” จางจื้อห่าว พูดกับผู้เฒ่าซวี
"ไม่เป็นไร" ผู้เฒ่าซวีก็ยิ้มเช่นกัน
จางจื้อหาว กลับไปยั่งที่ที่นั่งของเขา
“คุณจาง คุณอยากดื่มเครื่องดื่มสักแก้วไหม” ผู้เฒ่าซวีถามอย่างสุภาพ
“ได้หมด” จางจื้อหาว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าผู้เฒ่าซวีจะเป็นการเองขนาดนี้
“จื้อหมิง เทไวน์แดงแก้วนึงให้กับนายจาง” ผู้เฒ่าซวีสั่ง
ซวีจื้อหมิงเปิดขวดไวน์ลาฟี ต่อหน้า จางจื้อหาว เทไปสองแก้ว แล้วยื่นแก้วนึงให้กับ จางจื้อหาวและแก้วงนึงให้กับผู้เฒ่าซวี
"เชิญ!"
ผู้เฒ่าซวี ทำท่าทางเชิญชวน
จางจื้อหาว มีความระมัดระวังมากและไม่ได้ดื่ม แต่เขากลับยิ้มและพูดว่า "คุณซวี เชิญก่อนเลย"
ผู้เฒ๋าซวี รู้ว่า จางจื้อหาว ระมัดระวัง ดังนั้นเขาจึงยิ้มและจิบไวน์
จางจื้อหาว ถึงจิบไวน์แดงตาม แล้วหลับตาแล้วพูดด้วยท่าทางเพลิดเพลินว่า: "สมที่เป็นไลน์ลาฟีต กลมกล่อมและนุ่มนวล มีกลิ่นหอมของผลไม้ที่โดดเด่น รสชาติเข้มข้น หรูหราและยาวนาน เช่นเดียวกับสาวที่สง่างามและอ่อนโยน ”
ผู้เฒ่าซวี รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: "คุณจางรู้จักเรื่องไวน์?"
"ผู้เฒ่าซวีคงไม่รู้สิว่า เมื่อก่อนฉันเคยอยู่ทำงานในธุรกิจไวน์แดงที่ฮ่องกงมาหลายปี" จางจื้อหาว ดื่มไวน์ทั้งหมดในแก้วของเขาแล้วพูดว่า "คุณซวี คุณเป็นเศรษฐีของเกาหลีและเป็นต้นแบบในโลกธุรกิจ ฉันชื่นชมคุณมาก และอิจฉาคุณมาโดยตลอด”
ผู้เฒ๋าซวียิ้มเบา ๆ: "ไม่จำเป็นต้องอิจฉา โลกธุรกิจนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ และทุกคนก็มีโอกาส"
จางจื้อหาว กล่าวว่า "โอกาสของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ฉันเองก็อยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่ครอบครัวของฉันก็ยากจนตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ฉันได้เรียนน้อย"
ผู้เฒ่าซวี กล่าวว่า: "ฉันก็เรียนจบแค่มัธยมต้น ก็ไม่ได้เรียนต่อแล้ว"
"แต่คุณซวีมีความอดทน เริ่มทำงานจะพนักงานคนเล็กๆจนไปถึงเศรษฐีต้นไของเกาหลี" เมื่อจางจื้อหาวพูดถึงนี้เขาก็ถอนหายใจ: "มีคำโบราณในแคว้นหวาเราว่า ชีวิตคนเรานั้นราวกับฤดูของต้นไม้”
"ในมุมมองฉัน ชีวิตคนเรานั้นยังไม่ดีเท่าต้นไม้เลย"
“ต้นไม้ต้นนึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปี หรือหลายพันปี แต่มนุษย์เรามีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น ตอนอายุยี่สิบ ไม่มีมุมมอง ตอนอายุสามสิบ ไม่มีฝีมือ ตอนอายุสี่สิบ สมองก็เริ่มเสื่อมลง”
"ฉันไม่มีความอดทนแบบคุณซวี ดังนั้นฉันแค่อยากหาเงินเพื่อเลี้ยงชีพ"
ผู้เฒ่าซวีกล่าวว่า: "ไม่ทราบว่าคุณจางต้องการมีชีวิตแบบไหน?"
จางจื้อหาว ตอบว่า "ฉันไม่อยากมีชีวิตยากจน ฉันแค่ต้องการความมั่นคง"
“คุณซวี วันนี้ฉันได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องหลายคนของฉันให้เจรจาเรื่องจินชางซูกับคุณ”
“พี่น้องของฉันนั้นไม่มีข้อเรียกร้องอื่นใด พวกเขานั้นทนทุกข์มาทั้งชีวิตแล้ว และแค่อยากมีกิน อยากมีกินแบบมั่นคง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ
ตอนที่ 267 - 301 มีแค่ 2-3 บรรทัดเองรบกวนแก้ไขให้ด้วยครับ ขอบคุณครับ...
อยากอ่านจนจบเรื่องทำไงบ้างครับ...
ฮาเร็มไหมครับ...
ทำไมตอนที่267มันมีน้อยจังอะ...
ช่วงนี้ทุกเรื่องทำไมมีแค่ห้าบรรทัด อ่านไม่รู้เรื่องเลย..ถ้าแอด..มีเวลารบกวนตรวจสอบให้ด้วยนะครับ..ขอร้อง...
สงสัยค่ะ สงสัยๆๆ เยี่ยวชิวจากนายแพทย์ฝึกหัดมาเป็นนักสู้ได้ยังไง...
ผู้หญิงคือเลวเลยอะ...
51 หายไปไหน...