เวลาเที่ยงวัน เฉียวซินโยวจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เดินไปที่มู่เวยเวยก่อนจะพูดขึ้นว่า "ตอนบ่ายว่างไหม?" มู่เวยเวยกำลังแก้ภาพงานออกแบบ ได้ยินแวบแรกรู้สึกแปลกใจ หลังจากนั้นก็ปฏิเสธตรงๆ "ไม่ว่าง"
เฉียวซินโยวกักเก็บท่าทีและอารมณ์โกรธไว้แล้วพูด "ฉันแค่อยากจะคุยกับเธอ" มู่เวยเวยทิ้งปากกาลงที่โต๊ะทำงานกระโดดเหมือนหมาป่า มือสองข้างกอดอกยิ้มอย่างเยือกเย็น "เฉียวซินโยว เราสองคนยังมีอะไรจะต้องคุยกันอีกเหรอ?"
"เธอไม่กล้าเหรอ?" เฉียวซินโยวยักคิ้วใส่เพื่อกระตุ้น มู่เวยเวยส่ายศีรษะ "ไม่ใช่ว่าไม่กล้า ฉันแค่คิดว่าคุยกับเธอแล้วมันเสียเวลา ไม่จำเป็นต้องคุย และอีกอย่างเธอควรใส่ใจเย่ฉ่าวเฉินดีกว่ามาใส่ใจฉันนะ"
คุยกับเธอ?ก็ไร้สาระเหมือนเดิม เธอมีเวลาว่างขนาดนี้ก็ควรเอาเวลาไปออกแบบงาน
เฉียวซินโยวทนมองหน้าเข้มๆของเธอต่อไปไม่ได้แล้ว เกลียดจนอยากจะลงมือฉีกให้แหลกละเอียด แต่เพื่อจุดมุ่งหมายของเธอ เธอก็ยังต้องอดทนไว้ พูดด้วยเสียงต่ำ "เวยเวย ครั้งนี้ฉันตั้งใจอยากจะคุยกับเธอจริงๆ วันนี้ตอนบ่ายห้าโมงครึ่งเจอกันที่ร้าน shangri La cafe ฉันจะรอเธอจนกว่าจะมา"
ตั้งแต่ทั้งสองคนมีปัญหากัน มู่เวยเวยยังไม่เคยเจอเฉียวซินโยวมีท่าทีสงบแบบนี้
"เฉียวซินโยว เธอคิดจะทำอะไรอีก ?งั้นก็พูดมาตรงๆเถอะ ฉันก็ขี้เกียจเสียเวลาที่เหนื่อยกับเธอแล้ว"
เฉียวซินโยวกำมือแน่น บอกตัวเองต้องควบคุมให้ได้
“มู่เวยเวย ฉันจะรอเธอนะ” พูดทิ้งท้ายไว้ เฉียวซินโยวก็ออกจากห้องทำงานไป เธอไม่อยากทะเลาะกับมู่เวยเวยในห้องทำงาน อย่างไรเสียในสายตาของเพื่อนร่วมงาน มู่เวยเวยอยู่ในนามภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน
มู่เวยเวยนั่งลงที่เก้าอี้คิดอยู่หลายรอบ ไปก็ไป ใครกลัว?เธอก็อยากจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรอีก เธอไม่ใช่กระต่ายน้อยคนเดิมแล้ว ไม่มีทางถูกเธอครอบงำ
เวลาสี่โมงเย็น เห่อเหม่ยหลิงเอาเอกสารหนาปึกมาวางลงตรงหน้าเธอ "เอาเอกสารไปส่งให้ประธานเย่นะ ให้ท่านเซ็นให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ต้องใช้"
มู่เวยเวยรู้สึกลำบากใจ ไม่กี่วันมานี้เธอตั้งใจหลบหน้าเย่ฉ่าวเฉิน สามารถที่จะไม่เจอเขาได้ก็ไม่เจอ เพราะฉะนั้นนอกจากเข้างานและเลิกงานเวลาอยู่ที่บ้านรับประทานอาหารก็จะเป็นแบบเรียบง่าย ปกติหนึ่งวันคุยไม่ถึงสามคำ คาดไม่ถึงเขาก็ไม่ได้มาก่อกวนอะไรเธอ
"ประธานเห่อ สามารถให้คนอื่นเอาเข้าไปให้แทนได้ไหมคะ?"
เห่อเหม่ยหลิงสีหน้าไร้ความรู้สึก เธอรู้อยู่ในใจว่าเย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยมีปัญหาบางอย่างกันอยู่ แต่ว่าเธอเป็นลูกน้องซื่อตรงภักดีคนหนึ่ง เธอเพียงแค่ต้องทำหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายให้ดี
"มู่เวยเวย"นี่คืองาน "เห่อเหม่ยหลิงพูดนิ่งๆ"เธอคือคนที่มีความสามารถและเป็นนักออกแบบที่ไหวพริบดี ฉันหวังว่าเธอจะแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้
พูดถึงขนาดนี้แล้ว มู่เวยเวยก็ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ ทำดีสุดแค่ขยุกขยิกมาถึงห้องทำงานผู้บริหาร
เคาะประตู
"เข้ามา"
มู่เวยเวยหอบเอกสารเข้ามา ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่ในห้องขนาดใหญ่หลังโต๊ะทำงาน มองอย่างไม่น่าสงสัยเลย เขาเป็นคนหนึ่งที่เก่งด้านบริหารธุรกิจ
"ประธานเย่ เอกสารกองนี้คือเอกสารที่คุณจำเป็นต้องเซ็นค่ะ"
"วางไว้"เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง น้ำเสียงเย็นชา
"ประธานเย่ เอกสารกองนี้พรุ่งนี้ต้องใช้ค่ะ เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณสามารถที่จะ..."
"งานของฉันจำเป็นต้องมีเธอมาชี้มือสั่งไหม?"เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้น มองเธอด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
มู่เวยเวยก้มศีรษะลงขอโทษ"ขอโทษค่ะประธานเย่ ฉันทำเกินเลยไป"
เย่ฉ่าวเฉินมองเธอไม่ตอบโต้ ภายในใจรู้สึกหงุดหงิด หยิบที่เอกสารที่เธอวางไว้ทีละอันพลิกไปมา
"ประธานเย่ คุณดูก่อน อีกสักครู่ดิฉันจะกลับมาเอาค่ะ" มู่เวยเวยพูด
"ยืนรอที่นี่"
เอาเถอะ ฉันต้องแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว คุณคือเจ้านาย คุณพูดอะไรถูกหมด มู่เวยเวยกระซิบในใจ
สิบนาที ยี่สิบนาที สามสิบนาทีผ่านไป มู่เวยเวยยืนจนขาชาแล้ว เย่ฉ่าวเฉินที่สมควรตายคนนี้ยังไม่จับปากกาเซ็นเลย
มู่เวยเวยก้มศีรษะลงมองดูนาฬิกา ตอนนี้14.40นาทีแล้ว ถ้าผ่านไปอีก20นาทีก็เลิกงานแล้ว 30นาทีเดินทางไปตามนัดกำลังดี
เย่ฉ่าวเฉินมองเห็นปฏิกิริยาของเธอ รู้สึกขัดตา "เธอรีบไหม?"
"ก็ได้อยู่" มู่เวยเวยพูดแค่นั้น
ให้รออีกจนถึง20นาที ถึงเวลาเลิกงานแล้ว มู่เวยเวยรู้ว่าเขาตั้งใจกลั่นแกล้ง เธอไม่มีความผิดอะไรยืนอยู่ที่นี่ใกล้จะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ไม่โกรธ พูดนิ่งๆ "ประธานเย่"ถึงเวลาเลิกงานแล้วค่ะ เอกสารกองนี้ พรุ่งนี้มาทำงานฉันจะมาเอานะคะ
เย่ฉ่าวเฉินโยนเอกสารลงบนโต๊ะ "ตึ้ง"ด้วยความโมโห "เจ้านายยังไม่เลิกงาน เธอก็คิดจะไปแล้ว?"
"ประธานเย่ พนักงานก็มีเวลาส่วนตัวค่ะ"
เย่ฉ่าวเฉินเหยียดแขนวางลงบนโต๊ะ พูดด้วยเสียงเย็นชา "ดี ตอนนี้ก็เป็นเวลาส่วนตัวของเธอแล้ว แต่ว่าเธอลืมอะไรไปไหม เวลาส่วนตัวของเธอก็เป็นของฉัน"ระหว่างที่พูดก็เก็บโต๊ะ ปิดคอมพิวเตอร์
มู่เวยเวยมีลางสังหรณ์ใจ ถามไปว่า "คุณจะทำอะไร"
เย่ฉ่าวเฉินเดินเข้ามา พูดแบบมีเลศนัย"แน่นอนว่ากลับบ้าน"
มู่เวยเวยถอยหลังไปหนึ่งก้าว แววตาของเขาเป็นประกายแพรวพราวแบบที่เธอคุ้นเคย กลับบ้านฉันก็ไม่มีทางหลบหลีกได้
"ฉันมีนัด ตอนนี้ยังกลับบ้านไม่ได้"
เย่ฉ่าวเฉินชะงักฝีเท้า หันกลับมามองเธอ"กับใคร?"
ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็ยิ้ม "กับเพื่อนรักของฉัน เมียเก็บของคุณ เฉียวซินโยว ทำไมสนใจจะไปด้วยกันไหม?"
"เมียเก็บ"คำนี้มันช่างเจ็บแสบนัก เขาจับที่คางของเธอ"ปากของเธอพูดอะไรที่ดีหน่อยนะ"
"เหอะ ไม่ใช่เมียเก็บแล้วคืออะไร ขึ้นเตียงด้วยกันแล้วยังไม่ให้สถานะเฉียวซินโยว คุณนี่ใจแคบนะ"มู่เวยเวยพูดกระตุ้นเขา
เย่ฉ่าวเฉินก้มลงมากัดที่ริมฝีปากของเธอ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง มู่เวยเวยออกแรงผลักเขา จับบริเวณริมฝีปากที่เป็นแผล ด่าทอ"เย่ฉ่าวเฉิน คุณเป็นสุนัขเหรอ?"
"เธอลองพูดอีกเชื่อไหมว่าฉันจัดการเธอที่นี่แน่" เย่ฉ่าวเฉินข่มขู่เธอ "คิดจะพูดกระตุ้นเพื่อให้ฉันปล่อยเธอไป?ฝันไปเถอะ ฉันจะบอกเธอให้ตระกูลมู่ไม่ออกมา เธอก็อย่าคิดว่าจะหนีพ้นเงื้อมมือฉัน"
สุภาพบุรุษพูดแล้วไม่คืนคำ มู่เวยเวยเหนื่อยอ่อน ''เฉียวซินโยวนัดฉันจริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปด้วยกัน''
เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองที่ตาเธอ และเชื่อคำพูดของเธอ"นัดเธอไปทำอะไร?"
มู่เวยเวยใช้ทิชชู่เช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปาก ไม่มีอารมณ์จะพูด "ฉันจะรู้?" ไม่แน่อาจจะอยากฆ่าฉัน
เย่ฉ่าวเฉินใช้แววตาครุ่นคิดสักพัก"มู่เวยเวย"เธอคิดว่าคนอื่นจะโหดร้ายเหมือนเธอ?"
"ใช่ ฉันเป็นแม่มดร้าย ตอนนี้ให้ฉันไปพบเจ้าหญิงของคุณได้แล้ว?"
เย่ฉ่าวเฉินกำมือแน่นแล้วปล่อย เขารู้สึกว่ายิ่งนานไปยิ่งมองผู้หญิงคนนี้ไม่ออก เปลี่ยนไปในใจไม่อาจคาดเดา ? จิตใจเปลี่ยนเป็นอำมหิต?
รถจอดที่หน้าประตู มู่เวยเวยหันกลับมาถามเย่ฉ่าวเฉิน "คุณไม่ขึ้นไปดูสงคราม?" ฉันอาจจะทะเลาะกับเจ้าหญิงของคุณขึ้นมา?
"ลงรถ!"เย่ฉ่าวเฉินออกคำสั่ง
มู่เวยเวยยิ้มแห้ง ลงรถช้าๆ รถก็ขับห่างออกไป
ในร้านกาแฟ พนักงานต้อนรับเชิญมู่เวยเวยไปโต๊ะที่เฉียวซินโยวจองไว้บนโต๊ะมีกาแฟอยู่แล้วสองแก้ว เฉียวซินโยวนั่งฝั่งตรงข้าม
"พนักงานคะ เอากาแฟแก้วนี้ทิ้งเลยค่ะ ฉันขอเป็น"กาแฟบลูเมาท์เทน "มู่เวยเวยพูดจบแล้วนั่งลง เฉียวซินโยวมองเธอนิ่ง "มู่เวยเวยเธอหมายความว่าไง?"
มู่เวยเวยหัวเราะใส่เฉียวซินโยว " ไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝงเลย ฉันก็แค่กลัวว่าคนที่คิดร้ายจะไม่ตาย อยากจะให้ฉันตาย"
"เธอ......" เฉียวซินโยวกำลังจะพูดคำไม่ดีออกไป มองเห็นแผลที่ริมฝีปากของมู่เวยเวย แววตาสวยคู่นั้นจ้องมองลึก "ปากของเธอทำไมถึงแตก?"
มู่เวยเวยแตะซ้ำๆที่ริมฝีปาก "แผลนี้ เพิ่งจะโดนคนกัดมา"
ถูกใครกัด มู่เวยเวยไม่พูดเฉียวซินโยวก็เดาถูก ความอิจฉาริษยายิ่งแผดเผาเพิ่มมากขึ้น เธอออกไปก่อนแค่ไม่กี่ชั่วโมง เย่ฉ่าวเฉินก็เรียกมู่เวยเวยขึ้นไปหา ดูแล้วไม่ฆ่าเธอก็คงจะไม่ได้
"พูดมา มีธุระอะไร ฉันไม่มีเวลามากที่จะไร้สาระ"มู่เวยเวยมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เปิดประเด็นถามขึ้นมา
เฉียวซินโยวแกล้งทำเหมือนตัวเองรู้สึกผิดอย่างไรอย่างนั้น พูดเสียงเบา"เวยเวยวันนี้ที่เรียกเธอมาก็เพราะอยากจะขอโทษ"
"ห้ะ?"มู่เวยเวยงงไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นหัวเราะเสียงดังลั่น เสียงหัวเราะทำให้คนรอบข้างหันมาสนใจไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะว่านี่คือเรื่องที่เธอตลกที่สุดในชาตินี้
"เฉียวซินโยว สมองเธอน้ำเข้าเหรอ เธอขอโทษฉัน?"
เฉียวซินโยวอดทนที่จะไม่เอากาแฟสาดใส่มู่เวยเวย ขอโทษด้วยความจริงใจ "เวยเวย ฉันอยากขอโทษเธอจริงๆ หลายวันมานี้ฉันนึกถึงชีวิตเมื่อก่อน นึกถึงตอนที่เราใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน ตอนนั้นมีความสุขมาก..."
"เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวก่อน"มู่เวยเวยยกมือขึ้นห้ามเธอ แก้คำพูดของเธอ "เรื่องในอดีตไม่ต้องรำลึกถึง ตอนนี้ฉันยังไม่คิดถึงสักนิด เพราะว่าเรื่องที่เคยทำกับเธอตอนเป็นวัยรุ่น ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนโง่"
"เวยเวย เธออย่าเป็นแบบนี้สิ"เฉียวซินโยวเห็นแล้วรู้สึกเสียใจ "เธอรอฟังฉันพูดให้จบก่อน"
"ได้ เธอพูดๆ " รอยยิ้มของมู่เวยเวยหยุดไว้แค่ที่หางตา เธอก็แค่แปลกใจ อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอย่างไรให้ตัวเองดูดี
"ฉันรู้ว่าช่วงที่ผ่านมาฉันทำเรื่องที่ไม่ดีไว้เยอะ ทำร้ายเธอ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว เย่ฉ่าวเฉินไม่มีทางชอบฉัน ฉันไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะออกไปจากชีวิตพวกเธอ ฉันจะออกไปหาความสุขให้ตัวเอง ถ้าหากเธอไม่เชื่อ พรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกจากคฤหาสน์"
แน่นอนว่ามู่เวยเวยไม่เชื่อคำพูดของเธอ มู่เวยเวยไม่ใช่เด็กสามขวบ
"จบแล้ว?"มู่เวยเวยถาม
เฉียวซินโยวดูแล้วมู่เวยเวยไม่เชื่อคำพูดของเธอ รีบพูดขึ้น "เวยเวย ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันทำเพื่อความรักที่จับต้องไม่ได้ละทิ้งมิตรภาพของพวกเรา หลายวันมานี้ฉันรู้สึกเสียดายมาก วันนี้รวบรวมความกล้าที่จะมาขอโทษเธอ หวังว่าเธอจะให้อภัยฉัน ยังเห็นฉันเป็นเพื่อน ฉันจริงใจที่จะอวยพรให้เธอกับเย่ฉ่าวเฉินมีชีวิตที่มีความสุข"
มู่เวยเวยมองแววตาที่เคยร้ายกาจของเธอ ในใจสับสน สุดท้ายแล้วสาเหตุเกิดจากอะไร ที่เป็นสาเหตุทำให้เธอก้มหน้ายอมรับผิด
"เวยเวย เธอไม่สามารถที่จะเชื่อฉันสักครั้งเลย?"เฉียวซินโยวรู้สึกโศกเศร้าเสียใจมาก
พนักงานยกกาแฟที่ส่งกลิ่นมารสชาติขมๆมาเสริฟ์ ยังไม่ดื่ม มู่เวยเวยก็รู้สึกว่าลิ้นมีรสชาติจืดๆของรสขม
"เฉียวซินโยว เธอทำมาตั้งหลายเรื่อง ชีวิตของฉันอีกนิดหนึ่งก็อยู่ในมือเธอ เธอยังคิดว่าฉันจะเชื่อเธออีกเหรอ?"
เฉียวซินโยวกระวนกระวาย"เวยเวย ถ้าเธอไม่เชื่อ ฉันสาบานก็ได้"
มู่เวยเวยยิ้มอย่างดูแคลน "ได้สิ เธอสาบานสิ"
เฉียวซินโยวแค่พูด ไม่คิดว่ามู่เวยเวยจะจริงจัง ในใจด่าเธอไปแล้วหลายรอบ แต่ว่าเพื่อที่จะทำให้เธอเชื่อ เพียงแค่กัดฟันยกมือขึ้นพูด"ฉันเฉียวซินโยวขอสาบานต่อสวรรค์ ถ้าวันนี้ฉันพูดโกหก ขอให้ไม่ตายดี เป็นอย่างไร เธอเชื่อฉันหรือยัง"
มู่เวยเวยคิดไม่ถึงเฉียวซินโยวสาบานแล้วจริงๆ เดิมทีเริ่มเชื่อแล้ว แต่พอคิดอีกครั้ง ขนาดพ่อแม่ตัวเองเฉียวซินโยวยังไม่ต้องการ จะมาใส่ใจอะไรกับคำสาบาน?
ถึงอย่างไรมู่เวยเวยก็ตั้งใจแสดงละครแล้ว มู่เวยเวยจะไม่ให้ความร่วมมือได้อย่างไร?
ดื่มกาแฟร้อนๆอุ่นๆไปจิบหนึ่ง ว้าว ขมจริงๆ
"เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นฉันก็รอเธอย้ายออกจากคฤหาสน์ ฉันเชื่อเธอแค่ครั้งเดียว"มู่เวยเวยสีหน้าฝืนๆ
เฉียวซินโยวดีใจขึ้นมา "เวยเวย เธอดีจริงๆ ฉันรู้ว่าเธอต้องเห็นฉันเป็นพี่น้อง วางใจเลย พรุ่งนี้ฉันก็ย้ายออกจากคฤหาสน์"
ภายนอกของเธอมีความสุข ในใจยิ้มมาดร้าย พรุ่งนี้?มู่เวยเวยเกรงว่าพรุ่งนี้ของแสงอาทิตย์ เธอก็จะไม่ได้เห็นแล้ว
"ตกลง ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะรอเธอย้ายออกจากคฤหาสน์ "มู่เวยเวยยิ้มแห้ง
เฉียวซินโยวทำตัวสนิทสนมรักใคร่ พูดว่า"ตอนนี้เวลายังไม่ค่ำ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปช๊อปปิ้งกัน พวกเราพี่น้องนานแล้วไม่ได้ช๊อปปิ้งด้วยกัน คิดถึงความหลังเลย"
มู่เวยเวยมือจับอยู่ที่แก้วกาแฟ "ฉันไม่ได้อยากซื้อของ"
"ไปช๊อปปิ้งก็ไม่ได้แปลว่าต้องซื้อของ และอีกอย่างฉันอยากซื้อเสื้อผ้าสักชุด เธอเลือกได้ดี ช่วยฉันพิจารณาหน่อย"
มู่เวยเวยยิ้มเย็น เธอเลือกได้ดี? เธอจำได้ตอนมหาวิทยาลัย เธอสองคนไปซื้อเสื้อผ้า เฉียวซินโยวตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยพูดว่าเธอเลือกได้แย่ มีแต่จะให้ซื้อชุดที่เธอแนะนำ ตอนนี้พอมาคิดดู เมื่อก่อนเธอโง่มาก ฟังแม้กระทั่งคำพูดของเฉียวซินโยว ซื้อชุดไม่ก็สีขาวดำเทา ไม่ก็ใหญ่เกินไป
"ไปเถอะๆ ขอร้องเธอเลยนะ "เฉียวซินโยวใช้สองมือจับเพื่อขอร้อง ทุกอย่างเตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าหากมู่เวยเวยไม่ไปก็เหมือนไม่รักษาน้ำใจเธอ
มู่เวยเวยวางมือจากช้อนเล็กๆลง ในที่สุดก็พูด"ได้สิ ฉันจะไปช๊อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ "
ในใจของเฉียวซินโยวเรียกออกมาเสียงดังว่า "สำเร็จ"
เพื่อที่จะโกหกมู่เวยเวย เธอต้องลำบากตัวเอง รอเรื่องนี้สำเร็จเมื่อไหร่ เธอจะเลี้ยงฉลองให้กับตัวเอง!
แสงไฟที่สวยงามกำลังเปิดขึ้น ผู้คนเดินช๊อปปิ้ง
"เวยเวย เสื้อผ้าห้างสรรพสินค้านั้นดีมาก พวกเราไปดูกัน "เฉียวซินโยวรู้สึกว่ามู่เวยเวยติดกับดักเธอแล้ว ในสายตาคนที่ด้านข้างก็คือเพื่อนสนิทที่ต้องดีด้วย
มู่เวยเวยให้เธอกึ่งลากกึ่งจูงไปด้านหน้า ถึงตีกเก่าทรุดโทรมแห่งหนึ่ง เฉียวซินโยวมองแล้วมองอีก ทันใดนั้นก็มีมือผู้หญิงผลักออกไป
มู่เวยเวยโดนโซเซสักพักก็ล้มลงที่พื้น
"เฉียวซินโยว!"มู่เวยเวยร้องออกมาจากลำคอ เสียงอ่อนแรง เห็นรถตู้ขับมาอย่างรวดเร็ว ในที่สุดมู่เวยเวยก็เข้าใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร รีบคลานขึ้นมาจากพื้น แต่ว่าลุกขึ้นก็พบว่าข้อเท้าพลิก เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว
นึกถึงคำพูดที่พูดในห้องทำงานเย่ฉ่าวเฉินขึ้นมาทันที ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกฆ่าก็ได้
ที่แท้ 一เป็นคำพูดเตือนสติ!
รถขับมาด้วยความเร็วในระยะประชิด เฉียวซินโยวยืนข้างถนนยิ้มเยาะ มู่เวยเวยรู้สึกผิดหวัง กับคนทรยศ ครั้งนี้เธอใจดีเกินไปทำให้ผลกับมาทำร้ายตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...