วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 128

เมื่อคิดว่าเขาเคยอยู่ห้องนี้ ปฎิบัติกับมู่เวยเวยอย่างอ่อนโยน ในใจของเฉียวซินโยวก็รู้สึกหึงขึ้นมา !

ไม่ว่าจะด้วยวิธีการอะไร ขอแค่เธอสามารถบรรจุเป้าหมายในคืนนี้ ความไม่เต็มใจและอับอายนี้ เฉียวซินโยวสามารถรับมันได้ !

หลังจากเต้นรำไปประมาณสองครั้ง เย่ฉ่าวเฉินก็ค่อยๆรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เขารู้สึกร้อนวูบวาบภายในท้อง ล้อมรอบตัวเขา เย่ฉ่าวเฉินตระหนักได้ทันทีว่า เขาโดนวางยา!

เย่ฉ่าวเฉินผลักเฉียวซินโยวอยากกะทันหัน ฤทธิ์ของยาที่รุนแรงทำให้เขาหายใจเร็วขึ้น และเกิดความกระหายลึกๆภายในร่างกาย เขาพยายามจ้องมองเฉียวซินโยว และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ คุณวางยาผมเหรอ ? ”

เมื่อเฉียวซินโยวได้ยินเขาพูด ในใจก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขาสามารถรับรู้ได้ถึงฤทธิ์ของยา เชื่อว่าเขาคงทนได้อีกไม่นาน

เธอไม่โง่พอที่จะยอมรับ แต่มองเขาด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ และถามด้วยความประหลาดใจว่า “ฉ่าวเฉิน วางยาอะไร ? ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด ?”

เย่ฉ่าวเฉินหันกลับมา เดินตรงไปที่ประตู แต่ก็ถูกเฉียวซินโยวกอดเอวของเขาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปราถนาว่า “ฉ่าวเฉิน คุณโดนคนวางยาเหรอ ? ฉันได้ยินมาว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถแก้พิษได้ ฉันเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าคุณจะใช้ฉันเป็นยาแก้พิษ......”

เมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญที่กล้าหาญของเธอ ใจของเย่ฉ่าวเฉินก็บีบแน่น เขารู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานจากข้างหลังอย่างรุนแรง ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะสมาธิมั่น บางทีอาจจะโยนเธอลงไปแล้วก็ได้

ยังไงก็ตาม เมื่อคิดได้ว่าคนที่วางยาคือเธอ........

เย่ฉ่าวเฉินดึงมือเธอออก และเดินไปที่ประตูด้วยความสั่นไหว เฉียวซินโยวเลิกตามโดยธรรมชาติ ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะได้โอกาสที่ดีแบบนี้ จะปล่อยเขาไปง่ายๆได้อย่างไร !

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เธอใส่ยาไปในปริมาณที่เยอะ เชื่อว่าเขาคงทนได้อีกไม่นาน จึงวิ่งไปหยุดเขาไว้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉ่าวเฉิน.......ได้โปรดคุณอย่างไปเลย.........”

“ไปให้พ้น!”เย่ฉ่าวเฉินทรมานอย่างเจ็บปวดจากฤทธิ์ของยา เขาพยายามระงับความปราถนาในใจไว้ น้ำเสียงของเขาแหบแห้งและอ่อนแรง

“ฉ่าวเฉิน ฉันรักคุณมากขนาดนี้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางยาคุณ แต่ว่าตอนนั้นคุณสามารถต้องการฉันได้ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้ล่ะ ? ”

เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เขารู้ว่าเขาสามารถทนต่อได้อีก10นาที เขาจึงผลักเฉียวซินโยวออกอย่างแรง และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ฉ่าวเฉิน !!”

ใจของเฉียวซินโยวบีบแน่น เธอรีบเปิดประตูไปวิ่งตาม แต่ปรากฎว่าบนทางเดินขนาดใหญ่นี้ไม่มีใครอยู่เลย ในใจเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ หรือว่าเขาจะจากไปแล้ว ? !

ในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้ ? !

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฉียวซินโยวก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่า : จะเป็นไปได้อย่างไร ? ทางเดินนี้ยาวอย่างน้อยร้อยแปดสิบเมตร จะเป็นไปได้อย่างไรเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หายไปแล้ว......

...........

ทางด้านเย่ฉ่าวเฉิน หลังจากเขาออกมาจากโรงแรม ก็รีบขับรถออกไปในทันที และขับด้วยความเร็ว200ไมล์ตลอดทาง

เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการกลับมาคฤหาสน์ตระกูลเย่ และใช้เวลาพียงสิบนาที เย่ฉ่าวเฉินก็จอดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์

เขาเดินโซเซลงมาจากรถ คุณอาหวังตกใจ “คุณชาย คุณเป็นอะไรไป ?”

เย่ฉ่าวเฉินผลักมือเขาออกไป และจับราวบันไดวิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ยาถอนพิษของเขา อยู่ที่นั่น........

เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ในตอนเย็น เย่ฉ่าวเฉินกับเฉียวซินโยวยังไม่กลับมา ทำให้มู่เวยเวยดีใจมาก เธอจึงรีบอาบน้ำอย่างสบายและเตรียมตัวเข้านอนเร็ว ตอนกลางวันวันนี้เธอถูกเย่ฉ่าวเฉินคนบ้านั่นทรมาน เธอจึงรู้สึกเหนื่อย

ในขณะที่กำลังเคลิ้ม มู่เวยเวยก็ร้สึกได้ถึงร่างกายอุ่นๆที่กดทับร่างของเธอ ไม่ทันที่จะได้ลืมตา ความเจ็บปวดจากการฉีกขาดก็เข้ามา........

เมื่อลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ปรากฎขึ้นในกลางดึก

“เย่ฉ่าวเฉิน คุณปล่อยฉันนะ !”มู่เวยเวยผลักอกเขาอย่างแรง ไอ้คนบ้า เขาไม่ได้นัดเจอกับเฉียวซินโยวเหรอ ?

จะมาปรากฎตัวที่นี่ได้อย่างไร ?

เมื่อมู่เวยเวยคิดว่าเขากำลังออกมาจากเตียงของเฉียวซินโยว เธอก็รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วก

“เย่ฉ่าวเฉิน เฉียวซินโยวไม่สามารถทำให้คุณพอใจได้เหรอ ? เธอมีความสามารถมากไม่ใช่เหรอ ความสามารถเธอจะแย่ขนาดนี้ได้อย่างไร ?”

เย่ฉ่าวเฉินขยับอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเธอพูดถึงเฉียวซินโยวก็พลางนึกไปถึงเรื่องที่เขาโดนวางยาในคืนนี้ และอดไม่ได้ที่จะโกรธ “อย่าพูดถึงเธอ !”

มู่เวยเวยเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา เอนหัวไปกัดที่แขนของเขาอย่างรุนแรง แต่ความเจ็บปวดกลับไปกระตุ้นประสาทเขา จากนั้นเขาก็รุนแรงขึ้นเป็นสองเท่า

ในที่สุดมู่เวยเวยก็เหนื่อยมากจนแทบทนไม่ไหว และหลับไป

ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกค่อยๆเลือนลางลง.......

...........

มู่เวยเวยตื่นขึ้นมาด้วยความแหบแห้ง หันศีรษะไปมอง เห็นชายในชุดนอนของเขานอนหันหลังให้กับเธอ ไหล่กว้างและเอวคอด

มู่เวยเวยนึกถึงสิ่งที่เขาทำเมื่อคืน เธอโกรธ และยกเท้าไปทางเขา

ถีบออก อยากให้เขาตกเตียงไป แต่ร่างกายของเย่ฉ่าวเฉินกลับไม่ตก แต่กลับค่อยๆลุกขึ้น

มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหวาดกลัว เขาเขาเขา......

ชายคนนั้นหันมาครึ่งตัว จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา มันเป็นดวงตาสีม่วงคู่หนึ่ง

“เสี่ยวจื่อ ?”มู่เวยเวยเบิกตาโต “ไม่ใช่ ทำไมคุณถึงมาอยู่ในห้องฉัน ?”

มุมปากของเสี่ยวจื่อยิ้มออกมาบางๆ ยืดตัวและพูดว่า “หลับสบายจริงๆ”

ตอนนี้ในจิตใจของมู่เวยเวยเริ่มสับสน กลางคืนเมื่อวานเธอรู้สึกได้ชัดว่าเป็นเย่ฉ่าวเฉิน ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเสี่ยวจื่อ ?

“คุณลงมาก่อน........”มู่เวยเวยชี้ไปที่เขาและพูดว่า “ฉันรู้สึกเวียนหัว คุณลงมาเถอะ”

เสี่ยวจื่อลอยลงมาอย่างเชื่อฟังมายืนอยู่บนพื้น “คุณใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยพูดไหม ?”

มู่เวยเวยก้มศีรษะลง รอยแดงๆบนตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน เธอรีบใส่เสื้อผ้า พลางพูดว่า “คุณพูดมาให้ชัดเจน คุณทำไมถึงมาอยู่ในห้องฉันตั้งแต่เช้าตรู่ ? เมื่อคืนคุณ.......... ”

เสี่ยวจื่อชี้นิ้วขึ้น เสื้อคลุมของมู่เวยเวยก็ลอยขึ้นจากพื้นและบินวนอยู่ในอากาศ “ผมนอนละเมอ ,ไม่รู้ตัวว่ามาถึงห้องของคุณ พูดจบ เสื้อคลุมก็ตกลงมาบนหัวของเธอ”

“นอนละเมอ ?”มู่เวยเวยดึงเสื้อคลุมออก โดยไม่อยากจะเชื่อ คุณเป็นผียังนอนละเมอ ? คุณกำลังหลอกใครอยู่ ?

“คุณไม่ใช่ผี คุณจะรู้ได้ยังไงว่าผีไม่ละเมอ ?” เสี่ยวจื่อถามเธอกลับ

มู่เวยเวยตกตะลึง ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ แต่นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นเมื่อคืนคุณกับฉันได้..........”มู่เวยเวยไม่กล้าพูดออกมา

เสี่ยวจื่อจับริมฝีปากของเธอและยิ้มอย่างพอใจว่า “เวยเวย ผมเป็นเซียนจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณได้อย่างไร ? จะถูกสววรค์ประณามเอา”

“สวรรค์ประณาม ? เรื่องแบบนี้สามารถให้พระเจ้าลงมาดูได้ด้วยเหรอ ? ทันใดนั้นก็คิดอะไรได้ มู่เวยเวยจึงพูดกับเขาว่า “คุณมานี่ ”

เสี่ยวจื่อเดินเข้ามาอย่างช้าๆ “ทำอะไร ?”

มู่เวยเวยคว้าแขนของเขาขึ้น และดึงชุดนอนของเขาขึ้นไป มีรอยลื่นบางๆที่แขน แต่ไม่มีร่องรอยอะไรเลย เมื่อมองไปที่แขนอีกข้างก็ไม่พบรอยกัดใดๆ

มู่เวยเวยไม่เชื่อ เธอลุกขึ้นและเปิดคอเสื้อของเขา ที่คอและหลังก็ไม่พบรอยอะไร.......

เป็นไปไม่ได้ เธอจำได้อย่างงุ่นงงว่า ตอนนั้นเธอโกรธมากจนกัดเขา ถึงแม้ว่าจะฟื้นตัวเร็ว แต่ก็ไม่มีทางที่จะไม่เหลือร่อยรอยใดๆ หรือว่าจะจริงอย่างที่เสี่ยวจื่อพูด เขานอนละเมอ ?

เสี่ยวจื่อใส่เสื้อผ้า และก้มหน้าไปพูดกับเธอ “บอกแล้วว่าผมนอนละเมอคุณก็ยังไม่เชื่อ ? ช่างเถอะ ไม่เล่นกับคุณแล้ว !”

ทันทีที่สิ้นเสียง ดวงตาสีม่วงคู่นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

จิตใจของมู่เวยเวยดูสับสนวุ่นวาย คนเมื่อคืนเป็นเย่ฉ่าวเฉินไม่ผิดแน่ แต่เมื่อตื่นมาตอนเช้ากลับเป็นเสี่ยวจื่อ ทั้งสองคนยังเหมือนทุกอย่าง หรือว่า......พวกเขาจะเป็นคนคนเดียวกัน ?

เมื่อความคิดนี้เข้ามาในหัว มู่เวยเวยก็รีบปฎิเสธตัวเอง

เสี่ยวจื่อเป็นทั้งคนใจดีน่ารักเหมือนนางฟ้า เย่ฉ่าวเฉินเป็นเหมือนปีศาจที่คลานออกมาจากขุมนรก ทั้งสองคนนอกจากหน้าตาแล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน ไม่มีทางที่จะเป็นคนเดียวกัน !

อย่างไรก็ตาม สัญชาติญาณของผู้หญิงบอกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะต้องมีอะไรที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกัน

มู่เวยเวยลากร่างกายที่บอบชำของเธอเดินไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่เธอทำความสะอาดร่างกายก็พบว่าช่วงล่างนั้นทรุดโทรมอย่างหนัก แค่สัมผัสกับน้ำก็ต้องหายใจเข้า

“เขาเปลี่ยนแปลงเป็นสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง !” มู่เวยเวยสาปแช่งด้วยเสียงต่ำ ถึงแม้ว่า “เปลี่ยนแปลง”สองคำนี้จะเป็นข้อห้ามสำหรับเย่ฉ่าวเฉิน แต่โดยส่วนตัวแล้วมู่เวยเวยคิดว่าไม่มีคำอธิบายใดสำหรับเขาดีไปกว่าสองคำนี้อีกแล้ว

ในขณะเดียวกัน เย่ฉ่าวเฉินกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขาพับแขนเสื้อขึ้น ทำให้เห็นรอยฟันอย่างชัดเจน

ในตอนเช้าตรู่เฉียวซินโยวรีบกลับมา เดิมทีอยากจะไปพูดคำอ่อนหวานสองสามคำข้างกายเย่ฉ่าวเฉิน แต่ก็ถูกเขาหลีกเลี่ยงอยากเงียบๆ

เฉียวซินโยวกัดฟันเธอข้างใน และถามอย่างระวังว่า “ฉ่าวเฉิน เมื่อคืนคุณวิ่งออกไปอย่างกะทันหัน ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆ คุณไปไหนเหรอ ?

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอและพูดอย่างเย็นชา “แน่นอนว่ากลับบ้าน หรือว่าจะให้ไปหาผู้หญิง ?”

กลับบ้าน ?

เขากลับมา.......หามู่เวยเวย ?

สายตาจ้องมองไปที่แขนของเขา และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมา:หญิงแพศยาคนนั้นมีดีอะไร ? เธอส่งตัวเองไปให้เขาถึงหน้าห้อง แต่เขาก็ฝืนกลับมาหาเธอ

ในขณะนี้ มู่เวยเวยก็เดินมาจากชั้นสอง ใต้ตามีความคล้ำ แม้ว่าเธอจะใช้แป้งพัฟแบบหน้า แต่เฉียวซินโยวก็ยังสังเกตเห็นรอยบนคอสีขาวของเธอได้ในพริบตาเดียว

เวยเวย ในที่สุดคุณก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ฉันกับเย่ฉ่าวเฉินรอคุณไปทำงาน “เฉียวซินโยวลุกขึ้น พร้อมกับรอยยิ้ที่อ่อนโยนบนหน้า แต่ดวงตามีพิษสงราวกับงู ”

มู่เวยเวยเดินผ่านเธอไปอย่างเงียบๆ ทำงาน ? ฉันจะโดนไอ้บ้านั่นทรมานตายแล้ว วันนี้จะมีกะจิตกะใจที่ไหนไปทำงาน ?

“วันนี้ฉันลา ไม่รบกวนคุณทั้งสองแล้ว พวกคุณไปเถอะ”

เมื่อเย่ฉ่าวเฉินได้ยิน สายตาก็ดูมืดมนลง “ลา ? ขออนุญาติฉันรึยัง ?”

มู่เวยเวยหันกลับมามองเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้างั้นฉันลาตอนนี้ ตกลงไหม ? ประธานเย่ ?”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เย่ฉ่าวเฉินคงจะว่าเธออย่างไร้ความปราณี แต่ตอนนี้เขาเห็นหน้าที่ซีดเซียวของเธอ คำพูดเหล่านั้นก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

“เวยเวย พวกเรารอคุณตั้งนาน ไม่พูดขอบคุณยังไม่พอ ทำไมถึงยังทำปฎิกิริยาแบบนี้กับฉ่าวเฉิน ? ” เฉียวซินโยวพูดยั่วยุ นี่เป็นวิธีที่ได้ผลของเธอ

มู่เวยเวยยิ้มอย่างเย็นชา “เฉียวซินโยว ฉันไม่ไปบริษัทก็เป็นการสร้างโอกาสดีที่ให้กับพวกคุณ ? คุณยังไม่ดีใจอีกเหรอ ?”

“พอแล้ว !”เย่ฉ่าวเฉินขัดจังหวะเธอขึ้นมา โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะชา และเดินออกไป

เขาไม่ได้พูดว่าอนุมัติหรือไม่อนุมัติ มู่เวยเวยเลยสันนิษฐานว่าเขาอนุญาติแล้ว

เฉียวซินโยวรีบเดินตามไป ในขณะที่รอคนขับรถที่หน้าประตู เธอก็อยากจะทำให้บรรยากาศทั้งสองดูผ่อนคลายขึ้น จึงพูดว่า “ฉ่าวเฉิน เมื่อคืนคุณเดินไปเร็วมากเลย ฉันกำลังวิ่งออกไปคุณก็หายไปแล้ว ฉันเป็นกังวลว่าคุณจะเกิดเรื่องยังตามหาที่โรงแรมตั้งนาน”

มู่เวยเวยเดินถือแก้วนมเตรียมจะไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ แต่เธอกลับชะงักเมื่อได้ยินเรื่องนี้

เย่ฉ่าวเฉินหายตัวไปอย่างกะทันหัน ?

เย่ฉ่าวเฉินไม่ตอบคำถามของเฉียวซินโยว เมื่อรถมาถึง คนรับใช้ก็เปิดประตูรถให้เขา

“รอเดี๋ยว........”มู่เวยเวยวิ่งเข้ามา มือจับประตูรถไว้ และจ้องมองไปที่ดวงตาสีฟ้าของเย่ฉ่าวเฉินคู่นั้น “คุณรู้จักเสี่ยวจื่อไหม ?”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธออย่างไม่แยแส ดวงตาสีฟ้าไม่หยับ “ใครคือเสี่ยวจื่อ ?”

มู่เวยเวยแสดงท่าทีไม่ปล่อยเขา “คุณไม่รู้จักเหรอ ? เขากับคุณเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นเพียงดวงตาสีม่วง”

เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างเยาะเย้ย “มู่เวยเวย คุณเสียสติไปแล้วเหรอ ? บนโลกใบนี้จะมีคนเหมือนกับฉันได้อย่างไร ?”

“ถ้าหากว่าเขาไม่ใช่คนล่ะ ?”

เฉียวซินโยวหัวเราะออกมาเบาๆ “เวยเวย จะเป็นอะไรได้อีกถ้าไม่ใช่คน ? ผีเหรอ ? หรือว่าสัตว์ประหลาด ?”

มู่เวยเวยอยากจะเทนมแก้วนี้ใส่จริงๆ ผีก็ยังพอทน เธอยังบอกว่าเสี่ยวจื่อเป็นสัตว์ประหลาด ?

“เฉียวซินโยว โลกนี้มันใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตอีกมากมาย และหัวใจของเธอนั้นสามารถมองเห็นแค่สิ่งที่น่าเกลียด แต่มองไม่เห็นสิ่งที่สวยงาม”

มีความผันผวนที่มองไม่เห็นในดวงตาของเย่ฉ่าวเฉิน

เวยเวย คุณปากร้ายเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย เฉียวซินโยวทำเหมือนได้รับบาดเจ็บ ทำตัวเด็กดึงแขนเสื้อเย่ฉ่าวเฉินเบาๆ “ฉ่าวเฉิน คุณดูเธอ.......”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เย่ฉ่าวเฉินคงจะสั่งสอนมู่เวยเวยแทนเฉียวซินโยว แต่วันนี้เขากลับมองดูเงียบๆและไม่เข้าไปยุ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ