วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 133

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ เธอลืมไปแล้วหรือว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองต่างเป็นผู้มีบุญคุณต่อกัน”

มู่เวยเวยไม่เข้าใจ ตากลมๆของเธอถ่างโตขึ้นพร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า“บุญคุณ?หมายความว่าไง?”

เย่ฉ่าวเหยียนจ้องมองที่ดวงตาอันเป็นประกายระยิบระยับของเธอ แม้ว่าผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมายไม่น่าเชื่อว่าดวงตาของเธอมันยังคงใสสะอาดอยู่เช่นเดิม ชั่งดีจริงๆ!

และอดใจไม่ได้ที่จะแกล้งเธอ เย่ฉ่าวเหยียนเงยหน้าขึ้นและลูบไปที่หัวของเธอพร้อมกับพูดว่า“เธอเคยช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งหนึ่ง และฉันก็เคยช่วยชีวิตของเธอไว้เช่นกัน ดังนั้นแล้วเราก็ต่างเป็นผู้มีพระคุณของกันและกัน ฉะนั้นเลิกพูดว่าขอบคุณได้แล้ว มันดูห่างเหินยังไงไม่รู้”

มู่เวยเวยถูกเขาลูบหัวจนผมยุ่งเหยิง เธอหัวเราะราวกับเด็กและพูดกลับไปว่า“หยุดเล่นผมฉันได้แล้ว มันจัดทรงยากนะรู้ไหม”

“เอาล่ะ ถ้าคุณไม่เป็นไรแล้ว งั้นก็ทำธุระของคุณต่อไปเถอะ ผมจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”

“อือ บายบาย”

เย่ฉ่าวเหยียนที่เดินออกไปได้ไม่กี่เมตรหันกลับมาถาม“คุณอยากกินอะไรไหม?เดี๋ยวผมจะซื้อกลับมาฝาก”

มู่เวยเวยที่ไม่ต้องการสร้างความลำบากให้เขา โบกมือขึ้นพร้อมกับพูดว่า“ไม่ต้อง ไม่ต้อง คฤหาสน์นี้มีทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องซื้ออะไรกลับมาให้ฉันหรอก”

เย่ฉ่าวเหยียนดูออกว่าเธอกังวลเรื่องอะไรและไม่ต้องการบังคับเธอ เขาหันหลังกลับและเดินจากไป

เธอชั่งเป็นหญิงที่มีจิตใจงดงามแถมยังรู้กาละเทศะแต่ดันได้มาแต่งงานกับพี่ชายของเขา เย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า

……

เย่ฮวางกรุ๊ป

ทันทีที่ข่าวดังถูกเปิดเผยออกมา เลขาหลิวร้อนรนเข้ามาที่ห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉินและหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาวางตรงหน้าเขา

เย่ฉ่าวเฉินอ่านมันอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม บทความในตอนต้นเขาไม่ได้ให้สำคัญกับมันเท่าไร่ แต่เมื่อเห็นคำว่า“เมียน้อย*”สองพยางค์หนังตาของเขาถึงกับเต้นไม่หยุด

“ประธานเย่ ต้องการให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์จัดการปัญหานี้อย่างเร่งด่วนไหม?”

เย่ฉ่าวเฉินหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาฉีกเป็นแผ่นๆและโยนมันไปข้างๆของถังขยะ พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยสายตาที่เย็นชาว่า“ข่าวไร้สาระแบบนี้มันมีค่าพอที่จะให้ฝ่ายประสาสัมพันธ์จัดการอย่างนั้นหรือ?ผ่านไปสองวันคนเขาก็ลืมกันแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้อง”

“ถึงจะพูดแบบนี้ก็ตาม แต่……”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“แต่ว่าอะไร?”

“ประธานเย่ ตอนนี้ภายในบริษัทคนพูดถึงเรื่องนี้กระจายไปทั่วบริษัทแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่ามันจะทำลายถึงชื่อเสียงของท่าน”

เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะด้วยท่าทีที่เย็นชา“ฉันว่าพวกเขาคงจะว่างมาก ประกาศจากห้องท่านประธานว่าด้วยกำหนดการเพิ่มยอดขายรายเดือนของบริษัทเดือนนี้เพิ่มขึ้นห้าเปอร์เซ็นจากเดิม นอกจากนั้นห้ามมิให้พนังงานทั้งหมดพูดถึงเรื่องนี้เป็นอันขาด ถ้าหากพบเห็นหักเงินโบนัสประจำปีทั้งหมดได้ทันที!”

“ทราบค่ะท่านประธาน ฉันจะรีบไปจัดการ”

เลขาหลิวเดินไปถึงหน้าประตู เย่ฉ่าวเฉินเรียกให้เธอหยุดและสั่งต่อว่า“คุณไปแจ้งเฉียวซินโยวให้ทราบว่า ต่อไปนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ห้ามมิให้เธอมาที่ห้องประธานเป็นอันขาด”

“ค่ะ ฉันจะรีบไปแจ้งเธอทันที”

รูปภาพพวกนี้ทำไมถึงได้ไปอยู่ในมือของนักข่าวได้?หรือว่าเป็นฝีมือของเฉียวซินโยว?

เป็นไปไม่ได้ เธอเป็นแค่พนังงานฝึกหัดเล็กๆจะมีคนช่วยเธอทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง

เขาอยู่เมืองAมีศัตรูมากมาย ทุกคนที่เป็นคู่แข่งล้วนแต่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้

“จางเห่อ ไปตรวจสอบดูว่าใครที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้”เย่ฉ่าวเฉินพูดสั่งงานผ่านโทรศัพท์

“ครับนาย”

……

แผนกออกแบบ。

เฉียวซินโยวนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับแววตาที่สงบเสงี่ยม สายตาของผู้คนจับจ้องมองมาที่เธอ แววตาที่อิจฉาตาร้อนอีกทั้งเพื่อนแผนกต่างๆที่วิ่งกรูเข้ามาดูแฟนสาวที่อยู่ในข่าวลือ

“เฉียวซินโยว ข่าวที่อยู่ในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นความจริงใช่ไหม?”เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งกล่าว

เฉียวซินโยวยิ้มอย่างอ่อนโยน“อย่าไปฟังพวกนักข่าวเขียนข่าวมั่วๆเลย ประธานเย่หรือจะมาชอบฉันได้ยังไงกัน?”

“เธอไม่ต้องมาปฏิเสธหรอก ฉันเห็นเธอออกมาจากรถของท่านประธานหลายครั้งแล้ว หรือว่าอันที่จริงเธอพักอยู่ที่บ้านของท่านประธานแล้ว”เพื่อนร่วมงานหญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แขวะเธอเล็กน้อย

เฉียวซินโยวหน้าแดง“อันที่จริงแล้ว เป็นเพราะว่าฉันกับมู่เวยเวยเราเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอให้ฉันไปพักที่บ้านท่านประธานเป็นเวลาชั่วคราว”

“อ้อ……”ตอนนี้ทุกคนก็รู้เรื่องแล้ว。

มู่เวยเวยคือภรรยาของประธานเย่ แต่ทำไมถึงได้ให้ผู้หญิงเข้าอื่นไปอยู่ในบ้านได้?นั่นอาจเป็นเพราะประธานเย่เป็นคนอนุญาตให้เธอเข้าไปอยู่เองก็ได้

ขนตางอนยาวของเฉียวซินโยวที่กระพริบขึ้นลง เก็บซ่อนแววตาแห่งความดีใจของเธอไว้

“ติ๊งต๊อง——ติ๊งต๊อง——”

เสียงแจ้งเตือนของQQดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนร่วมงานต่างคนต่างก้มดูโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของตัวเอง จากนั้นก็รีบออกจากสถานที่ที่มีการรวมตัวกันภายในไม่กี่วินาที แผนกออกแบบกลับมาเงียบสงบดังเดิม

ถกเถียงเรื่องส่วนตัวของหัวหน้า เทียบได้กับเงินโบนัสประจำปีอย่างนั้นหรอ?อันที่จริงทุกคนควรทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของบริษัท ไม่ใช่ทำเพื่ออยากจะรู้เรื่องส่วนตัวของหัวหน้า

เฉียวซินโยวเห็นข้อความที่ประกาศในกลุ่มQQของบริษัท ทำให้เธอถึงกับมึนงงและตกใจ

เย่ฉ่าวเฉินหมายความว่ายังไง?

ห้ามพนักงานถกเถียงเรื่องนี้!

เขาคิดที่จะไม่สนใจเรื่องนี้?หรือถ้าเขาไม่รู้สึกกับความกดดันที่สังคมพูดถึงเรื่องนี้ เป็นเช่นนั้นแล้วฉันเองคงไม่มีวันที่ชนะ?

ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น เลขาหลิวเดินเข้ามาที่แผนกออกแบบ

“เฉียวซินโยว เธอออกมานี่หน่อย”

พนักงานคนอื่นๆทำทีเหมือนตั้งใจจดจ่อกับงานของตัวเอง ทั้งที่หู“ผึ่ง”ขึ้นมา และอดใจไม่ไหวอยากที่จะตามออกไปฟังทั้งสองว่าพูดอะไรกัน

“ท่านประธานให้ฉันมาแจ้งเธอให้ทราบว่า ถ้าไม่มีธุระเรื่องงาน ต่อไปก็ไม่ต้องไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน”เลขาหลิวพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ้งอารมณ์

เฉียวซินโยวกำมือแน่นพร้อมกับมองจ้องไปที่เลขาหลิวสักพักและถามขึ้นว่า“คำพูดพวกนี้เขาเป็นพูด?”

“แน่นอนว่าเขาเป็นคนพูด”เลขาเหลิวแจ้งความจำนงของท่านประธานเสร็จ ก่อนที่จะหันหลังกลับไปยังพูดอีกประโยค“คุณเฉียว ในฐานะเลขาของท่านประธานฉันอยากจะขอเตือนคุณสักนิด คำพูดของท่านประธานถ้าได้พูดออกมาแล้วมันยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ คุณเฉียว ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ฉันต้องทำงานลำบากขึ้นและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ก่อเรื่องใดๆที่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ”

ตรงทางเดิน “ตึกตึก”เสียงรองเท้าส้นสูงของเลขาหลิวที่มีเสียงดังฟังชัด ที่เฉียวซินโยวฟังแล้วรู้สึกแสบแก้วหู ดูเหมือนว่าตัวเองจะทายถูก เย่ฉ่าวเฉินเลือกที่จะใช้ความนิ่งมาจัดการเรื่องนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำรูปภาพพวกนี้ออกมาได้ ยังไม่ทันได้ผลตามที่เอาคาดไว้ จะปล่อยมันเลยตามเลยได้อย่างไรกัน?

เฉียวซินโยวกลับถึงห้องทำงาน นั่งคิดทบทวนอยู่บนเก้วอี้สักพัก แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความให้หนานกงเฮ่า

ห้องน้ำของบริษัทยังคงเสมือนว่าเป็นสถานที่ทำงานของผู้หญิง เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับใช้กระจายหรือแลกเปลี่ยนข่าวสารต่างๆ

“เฮ้ เธอคิดว่าเฉียวซินโยวคนนั้นเป็นเมียเก็บประธานเย่หรือเปล่า”พนักงานหญิงล้างมือพลางถามเพื่อนร่วมงานอีกคน

“ฉันคิดว่าดูไม่เหมือน!”เพื่อนร่วมงานที่กำลังเติมหน้าพูดขึ้น

“ทำไมล่ะ?จากที่ได้ฟังพนักงานแผนกออกแบบพูดกันว่าไม่กี่วันที่แล้วเฉียวซินโยวคนนั้นมีปากเสียงกับภรรยาของท่านประธานอย่างเปิดเผย ถ้าไม่ใช่เมียเก็บ เธอจะเอาความกล้ามาจากไหนกัน?”

“เสียงกระซิบ แม้ว่าข่าวจะเป็นความจริง ฉันคิดว่าคนที่ชื่อเฉียวคนนั้น หล่อนต้องการเอาตัวเองเขาแลกแน่ๆ เธอพึ่งมาทำงานบริษัทได้ไม่นาน ไม่รู้หรอกว่าประธานเย่เป็นคนยังไง เขาค่อนข้างมีทีท่าเย็นชากับผู้หญิง ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงสวยๆหลายคนต้องการที่จะอ่อยประธาน สุดท้ายล้วนแต่โดนท่านด่าเปิงจนร้องไม่ออก นับประสาอะไรกับผู้หญิงหน้าแบบธรรมดาแบบคนชื่อเฉียวอะไรนั่น หน้าแบบนั้นในบริษัทจัดได้ว่าก็อยู่ระดับกลางๆ คิดว่าคนอย่างประธานเย่จะให้ความสำคัญ?”พูดมาถึงประโยคนี้เพื่อนร่วมงานถึงกลับหัวเราะกันคิกคักพร้อมกับลดเสียงให้เบาลงและพูดว่า“ไม่แน่ว่าคนที่ชื่อเฉียวอะไรนั่นคงอยากเลื่อนตำแหน่งขึ้นละมั่ง”

“แล้วคิดว่าจะเลื่อนได้ไหม?”

“เลื่อนกับผีหนะสิ!ถ้าหน้าแบบนั้นเลื่อนได้ ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะถึงคิวของหล่อนล่ะ?คิดว่าในบริษัทเรามีนังจิ้งจอกอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ที่คอยจ้องจะจับท่านประธานอยู่?ดูไปก่อนว่าหล่อนจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าหล่อนทำได้ล่ะก็ ฉันจะเลี้ยงอาหารพี่ในภัตคารอาหารที่แพงที่สุดในเมือง A”

ทันได้นั้นเองมีเสียง“ปัง”ของประตูของห้องน้ำดังขึ้น พนักงานหญิงทั้งสองต่างมองหน้ากันและรนลานวิ่งออกจากห้องน้ำไป

เฉียวซินโยวออกมาจากห้องน้ำ โกรธจนหน้าเขียวไปหมด ตอนเธอยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเธอเป็นเหมือนดาวประจำโรงเรียน แต่มาวันนี้ถูกผู้หญิงสองคนพูดหัวเราะเยาะเธอ และยังพูดอีกว่าหน้าตาของเธออยู่ในระดับกลาง พวกเธอสองคนตาบอดไปแล้วหรือยังไง?

เมื่อคนอื่นพูดแบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้เธอต้องการที่จะแย่งชิงเอาเย่ฉ่าวเฉินไป แล้วถึงตอนนั้นมาดูกันสิว่าพวกเธอจะว่ายังไง!

ที่หน้าประตูบริษัทเย่ฮวางหลังเลิกงาน

เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังเดินพ้นประตูออกไป ก็ถูกหยุดไว้ด้วยด้วยบรรดานักข่าวกว่าสิบสำนัก พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่กี่คนที่อยู่ณบริเวณนั้นก็ห้ามไม่อยู่

“ประธานเย่ ได้ยินว่าคุณเลี้ยงเมียเก็บที่เป็นนักศึกษาไว้พร้อมทั้งให้ที่อยู่ เรื่องนี้คุณจะตอบว่ายังไง?”

“ประธานเย่ ได้ข่าวว่าคุณกับคุณเฉียวเคยคบกันมาก่อน อย่างนั้นขออนุญาตถามว่าคุณนายเย่ก็เป็นมือที่สามอย่างนั้นใช่หรือไม่?”

“ประธานเย่ ได้ยินมาว่าคุณกับภรรยามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดี นั่นเป็นเพราะว่าคุณเฉียวอย่างนั้นหรือเปล่า?หรือเป็นเพราะการแต่งงานเชิงธุรกิจ”

เย่ฉ่าวเฉินที่ได้รับการป้องกันโดยพนักงานรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางนักข่าวที่พยายามจะรุมล้อมเข้ามา แต่ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ เขาถึงกับต้องหยุดเดินพร้อมกับหันกลับไปมองนักข่าวหญิงที่ถามคำถาม เสียงที่ดังอึกทึกเวลานั้นกลับเงียบสงบลงทันที

“ผมและภรรยาของผมเรายังคงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อก่อกัน และเธอก็ไม่ใช่มือที่สาม ผมหวังว่าพวกคุณจะพยายามไม่พูดให้เธอในทางเสียหาย”

เมื่อฟังเขาพูดจบ บรรดาเหล่านักข่าวต่างตกตะลึงกันไปถ้วนหน้า จากนั้นก็ถามต่อไปว่า

“ประธานเย่ แล้วคุณเฉียวล่ะ?”

“ใช่ใช่ เกี่ยวกับเรื่องของคุณเฉียวคุณมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

“มีคุณเฉียวเข้ามาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในเรื่องครอบครัวของคุณ หรือว่าคุณจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้เลย?”

เย่ฉ่าวเฉินเดินขึ้นรถโดยไม่หันกลับมาตอบคำถาม ทิ้งให้นักข่าวที่รุมล้อมเขาอยู่นั้นถามคำถามเก้อ

จากนั้นไม่กี่นาที ในอินเตอร์เน็ตก็ลงข่าวใหม่เรื่อง:เย่ฉ่าวเฉินตอบปัดเลี้ยงเมียเก็บ:ความสัมพันธ์กับภรรยายังคังแน่นแฟ้นดี

“คึกๆ ฮ่าฮ่าฮ่า……”มู่เวยเวยที่กำลังทานแอปเปิลทันที่เธอเลื่อนมาเห็นข่าวอดขำไม่ได้ เธอแทบจะสำลักเอาแอปเปิลออกมา

ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นดี?

คำพูดซี้ซั้วพวกนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากเย่ฉ่าวเฉิน

แต่ว่าการที่พูดว่าตัวเธอไม่ใช่มือที่สาม ทำให้มู่เวยเวยมีท่าทีที่ยอมรับเขามากขึ้น

……

ตอนหัวค่ำ เมื่อเฉียวซินโยวกลับถึงคฤหาสน์ เห็นเย่ฉ่าวเฉินกำลังนั่งคุยกับเย่ฉ่าวเหยียนอยู่ที่ห้องรับแขกมีทีท่าที่สงบนิ่ง ดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

真的很想知道他是怎么想的,又不能让他怀疑到自己身上,只能采用以退为进的办法了。

เธออยากรู้จริงๆว่าเขาคิดยังไง แต่ก็ไม่สามารถทำตัวให้เขาสงสัยในตัวเธอได้ ทำได้เพียงแค่เลือกวิธีการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเธอมาก

“ฉ่าวเฉิน ฉันได้ยินมาว่าตอนเลิกงานคุณถูกนักข่าวรุมกันไว้ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”เฉียวซินโยวถามด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วง

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบมองเธอพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า“ฉันไม่เป็นไร”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะถูกเปิดเผยออกไป”เฉียวซินโยวที่นั่งบนโซฟามีสีหน้าทุกข์ใจ“ฉ่าวเฉิน ฉันไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ ถ้าหากคุณรู้สึกว่าการที่ฉันทำงานในบริษัทเป็นผลไม่ดีต่อคุณแล้วล่ะก็ พรุ่งนี้ฉันจะส่งจดหมายลาออก”

เย่ฉ่าวเฉินนั่งเงียบ ในใจของเขาคลายความสงสัยในตัวเธอลง น้ำเสียงก็ดูอ่อนโยนขึ้น“ไม่ต้อง ความจริงแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเธอลาออกมันก็ยิ่งจะทำให้คนอื่นจับจ้องเรื่องนี้มากขึ้น

มือที่ว่างบนขาของเฉียวซินโยวกำแน่นขึ้น ในตอนที่เขาพูดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง?เธอไม่เชื่อหรอกว่าเพียงคำพูดง่ายๆไม่กี่คำจะทำลายแผนการที่เธอวางไว้ตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาลงได้?เขาลืมไปแล้วหรือว่ามีหลายต่อหลายครั้งที่เกือบจะเข้าได้เข้าเข็มกัน?ถึงตอนนี้เขากลับพูดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง?

“เอาล่ะ งั้นช่วงนี้ฉันจะแยกกันไปทำงานกับคุณ เพื่อป้องกันไม่ให้นักข่าวถ่ายรูปได้”เฉียวซินโยวพูดขึ้นด้วยความถ่อมตน

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้ารับ เขาชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือที่มีความทันสมัยและหรูหราพร้อมหันกลับไปถามเย่ฉ่าวเหยียน“นายคิดว่ารุ่นนี้เป็นอย่างไร?”

เย่ฉ่าวเหยียนมองกลับมาและตอบกลับว่า“ดูดีกว่าเรือนเมื่อกี้อีก”

“โอเค งั้นพรุ่งนี้ฉันซื้อเป็นของให้ขวัญนาย”

เย่ฉ่าวเหยียนรีบร้อนกุมที่มือของเขาพร้อมกับหยิบนิตยสารขึ้นมาดูและพูดว่า“นายจะซื้อให้ฉันจริงๆหรอ แล้วทำไมไม่รีบบอกกันล่ะ รอแปปนึ่งให้ฉันเลือกเรือนที่แพงกว่านี้ก่อน”

เย่ฉ่าวฉินหัวเราะพลางส่ายหัว “นายลืมไปแล้วหรอ?อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดนายแล้ว”

“วันเกิดฉัน?”เย่ฉ่าวเหยียนขมวดคิ้วของเขาชั่วขณะ“ใช่แล้ว ฉันเกือบจะลืมมันไปแล้ว พี่ชาย แต่ก่อนนายไม่เคยจำวันเกิดของฉันได้”

“แต่ก่อนฉันไม่เคยสนใจนายเลย แต่จากนี้ไปฉันจะฉลองวันเกิดเป็นเพื่อนนายทุกปี”

ในใจของเย่ฉ่าวเหยียนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น พี่ชายของเขาดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ……

เฉียวซินโยวมองสองพี่มองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในสถานที่นี้ ยิ่งทำให้ในใจของเธอเกิดความอึดอัดมากขึ้น

“คุณชาย*ทานข้าวได้แล้วค่ะ”แม่บ้านฉินเดินเข้ามาเรียก

เมื่อพวกเขาเดินมาถึงห้องอาหาร โต๊ะอาหารที่มีลักษณะเรียวยาว เย่ฉ่าวเฉินนั่งที่หัวโต๊ะ เย่ฉ่าวเหยียนนั่งอยู่ทางด้านขวามือ เฉียวซินโยวนั่งเก้าอี้ตัวแรกทางด้านซ้ายมือเหมือนปกติ เมื่อก่อนเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่รู้สึกว่ามีผิดปกติอะไร แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันดูขัดตาเล็กน้อย เขาหันกลับไปถามแม่บ้านฉินว่า“มู่เวยเวยล่ะ?ทำไมไม่ลงมาทานอาหาร?”

“สองสามวันที่ผ่านมาอาหารของคุณหนูล้วนแต่ถูกส่งไปที่ห้องของเธอ”แม่บ้านฉินอธิบาย

เย่ฉ่าวเฉินบิดคิ้ว“ฉันรู้สึกว่าเท้าของเธอมันเกือบจะหายดีแล้ว ไปเรียกเธอให้ลงมาทานอาหาร”

“ค่ะ——”

มู่เวยเวยเดินกระเผลกๆมาถึงห้องอาหาร พร้อมกับเห็นสายตาของทั้งสามคนมองมาที่เธอ เธอนั่งตรงข้ามกับเย่ฉ่าวเฉิน

“เธอนั่งซะไกลเลย จะเอื้อมถึงหรอ?”เขาถามขึ้นทันทีพร้อมกับสีหน้าไร้ซึ้งเยื้อใย

มู่เวยเวยรู้ว่าการลงมาที่นี่คงจะไม่มีเรื่องดีเป็นแน่“มือฉันยาว ฉันเอื้อมถึง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ